การประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือครั้งที่ 2 เปิดฉากขึ้นแล้วที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิมจองอึนเดินทางถึงโรงแรม Sofitel Legend Metropole เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือ และเริ่มต้นพูดคุยแบบตัวต่อตัว
คิมจองอึน กล่าวว่า “เราสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรค และมาถึงที่นี่ได้ในวันนี้”
“ผมแน่ใจว่าเราจะบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ซึ่งประชาชนทุกคนจะร่วมยินดี” คิมบอกกับทรัมป์ “ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้มันเกิดขึ้น”
ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่กับประธานคิม และเป็นเกียรติที่ได้อยู่ด้วยกันที่เวียดนาม เรามีซัมมิตที่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก บางคนต้องการเห็นความคืบหน้าที่เร็วขึ้น แต่ผมรู้สึกดีใจกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”
โดยหลังจากการพูดคุยแบบตัวต่อตัวซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาทีแล้ว ทั้งสองจะรับประทานอาหารค่ำร่วมกันในเวลา 19.00 น. โดยในเซสชันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่ายร่วมโต๊ะด้วย ซึ่งฝั่งสหรัฐฯ ประกอบด้วย ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, มิก มัลเวนีย์ ผู้รักษาการตำแหน่งเสนาธิการทำเนียบขาว และลียุนฮยัง ล่าม ส่วนฝั่งเกาหลีเหนือประกอบด้วยคิมยองชอล รองประธานคณะกรรมการกลางแห่งพรรคแรงงานเกาหลี, รียองโฮ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และซินฮเยย็อง ล่าม
หลังมื้อดินเนอร์ ทั้งคู่จะแยกย้ายเดินทางกลับโรงแรมที่พัก โดยทรัมป์จะกลับโรงแรม J. W. Marriott ส่วนคิมจองอึนจะเดินทางกลับโรงแรม Melia Hanoi เพื่อเตรียมประชุมอย่างเป็นทางการในวันถัดไป
สำหรับการเจรจาในหัวข้อสำคัญๆ เช่น ประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้น จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.)
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า คณะบริหารของทรัมป์ต้องการนำเสนอโมเดลการพัฒนาประเทศแบบเวียดนามให้เกาหลีเหนือพิจารณาปรับใช้กับประเทศ โดยพยายามจะชี้ให้เห็นว่า ผลจากการปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และการเดินหน้าปฏิรูปตลาดของเวียดนาม ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตอย่างน่าทึ่ง และสิ่งที่เกาหลีเหนือควรทำคือละทิ้งโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า โดยเวียดนามได้เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ จากประเทศคู่ปรปักษ์ในสงครามเย็น มาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดภายในระยะเวลาไม่ถึง 50 ปี
ทั้งนี้หลังประชุมเสร็จในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) คิมจองอึนมีกำหนดอยู่ในเวียดนามต่อจนถึงวันเสาร์ (2 มี.ค.)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
