×

รัฐบาลทรัมป์พลาด ดึงนักข่าวเข้ากลุ่มแชต เผยแผนลับทำสงครามในเยเมน เกิดขึ้นได้อย่างไร?

25.03.2025
  • LOADING...
trump-chat-leak-yemen

ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงแก่ชาวอเมริกัน หลังทำเนียบขาวออกมายอมรับเมื่อวานนี้ (24 มีนาคม) ว่า ทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทรัมป์เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ ด้วยการดึงนักข่าวรายหนึ่งเข้าไปในกลุ่มแชตที่ใช้หารือแผนปฏิบัติการโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน และมีการแชร์ข้อมูลลับระดับสูงของแผนโจมตีก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นคำถามถึงความบกพร่องในการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่นักข่าวที่ได้เข้าไปในกลุ่มนี้เผยถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และการใช้กลุ่มแชตในการหารือแผนการทำสงครามว่าเป็น ‘ความประมาทเลินเล่ออย่างน่าตกใจ’

 

และนี่คือรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

เกิดอะไรขึ้นบ้าง?

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถึงกับช็อกหลังจากได้เห็นรายงานในหน้าเว็บไซต์ของสำนักข่าว The Atlantic ที่เขียนโดย เจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก (Jeffrey Goldberg) บรรณาธิการบริหารของสำนักข่าว ที่พาดหัวในรายงานว่า “รัฐบาลทรัมป์ส่งแผนสงครามมาให้ผมโดยไม่ได้ตั้งใจ” และชี้ถึงที่มาของเหตุการณ์นี้แบบสั้นๆ ว่า

 

“ผู้นำด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้เชิญผมเข้าร่วมกลุ่มแชตเกี่ยวกับการโจมตีทางทหารที่กำลังจะเกิดขึ้นในเยเมน ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นจริง ก่อนที่จะเริ่มมีการทิ้งระเบิดลงมา”

 

กลุ่มแชตที่เป็นต้นตอความผิดพลาดนี้คือกลุ่มแชตในแอปพลิเคชัน Signal ซึ่งเป็นแอปที่ให้บริการส่งข้อความเข้ารหัสโอเพนซอร์สที่เป็นที่นิยมในหมู่นักข่าวและบุคคลอื่นๆ ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่าแอปแชตอื่นๆ

 

โกลด์เบิร์กเล่าในรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เขาได้รับคำขอเชื่อมต่อบน Signal จากผู้ใช้ที่ระบุตัวตนว่า ไมค์ วอลท์ซ (Mike Waltz) ซึ่งตรงกับชื่อของที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ โดยโกลด์เบิร์กเคยพบกับวอลท์ซมาก่อน แต่ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดว่าคำขอเชื่อมต่อที่ส่งมาจากวอลท์ซตัวจริง

 

“ผมเคยพบเขามาก่อน และแม้ว่าผมจะไม่รู้สึกแปลกใจเป็นพิเศษที่เขาติดต่อมาหาผม แต่ผมก็คิดว่ามันค่อนข้างผิดปกติ เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับนักข่าว และโดยเฉพาะกับตัวผม ผมคิดทันทีว่าอาจมีคนปลอมตัวเป็นวอลท์ซเพื่อหลอกลวง มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยในทุกวันนี้ที่ผู้ไม่ประสงค์ดีจะพยายามชักจูงนักข่าวให้แชร์ข้อมูลที่อาจใช้เป็นหลักฐานเอาผิดพวกเขาได้” เขาระบุในรายงาน

 

อย่างไรก็ตาม เขากดตอบรับคำขอ โดยหวังว่านี่อาจเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติตัวจริง ซึ่งเขาต้องการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นยูเครน อิหร่าน หรือเรื่องสำคัญอื่นๆ

 

จากนั้น ในวันที่ 13 มีนาคม เวลา 16.28 น. โกลด์เบิร์กได้รับข้อความแจ้งเตือนว่า เขาจะถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มแชตของแอป Signal ซึ่งชื่อของกลุ่มแชตคือ ‘Houthi PC small group’

 

โดยวอลท์ซ ผู้เพิ่มเขาเข้าไปในกลุ่มแชตดังกล่าว ส่งข้อความถึงสมาชิกที่อยู่ในกลุ่ม ระบุว่าจะมอบหมายให้ อเล็กซ์ หว่อง (Alex Wong) รองผู้อำนวยการของเขา จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อประสานงานเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ตอบโต้การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง

 

ในกลุ่มแชตดังกล่าวมีสมาชิก 18 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนของรัฐบาลทรัมป์ เช่น เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ, พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม, มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ, สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง, ซูซี่ ไวล์ส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว และอีกหลายบุคคลที่ใช้ชื่อเป็นตัวย่อ ซึ่งรวมถึง จอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการ CIA, ทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ และ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง

 

ในตอนแรกโกลด์เบิร์กคิดว่ากลุ่มแชตดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญข่าวปลอมที่ทำขึ้นโดยหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ หรือที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าคือองค์กรที่คอยจับผิดสื่อ

 

เขาตั้งข้อสงสัยและไม่เชื่อว่าผู้นำด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ จะสื่อสารเกี่ยวกับแผนการทำสงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผ่านทางแอป Signal และยังไม่เชื่อว่าที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะประมาทเลินเล่อถึงขนาดถึงเขาเข้าไปในกลุ่มแชตลับที่มีการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูง

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเข้าร่วมกลุ่มแชตดังกล่าว โกลด์เบิร์กพบว่ามีการหารือในหลายประเด็นเกี่ยวกับแผนโจมตีกลุ่มฮูตี ทั้งเรื่องเวลาที่ควรเริ่มดำเนินการโจมตี การประสานและแจ้งเตือนพันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาค การประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน

 

ในช่วงหนึ่งของบทสนทนายังสะท้อนถึงท่าทีของสหรัฐฯ ต่อชาติยุโรป โดยแวนซ์ส่งข้อความตั้งคำถามในกลุ่มแชตว่า พันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป ซึ่งได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักของการเดินเรือในภูมิภาคนี้มากกว่า สมควรได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ หรือไม่

 

“@PeteHegseth ถ้าคุณคิดว่าเราควรทำก็ลุยเลย ผมเกลียดที่ต้องช่วยเหลือยุโรปอีกครั้ง แค่ทำให้แน่ใจว่าข้อความของเราที่นี่ชัดเจนก็พอ”

 

ขณะที่เฮกเซธตอบกลับว่า “VP: ผมเห็นด้วยกับคุณอย่างเต็มที่เกี่ยวกับการเกาะกินของยุโรป มันน่าสมเพชมาก”

 

โกลด์เบิร์กเล่าว่า ช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่การโจมตีกลุ่มฮูตีจะเริ่มขึ้น ในวันที่ 15 มีนาคม เฮกเซธได้โพสต์รายละเอียดแผนปฏิบัติการลงไปในกลุ่ม ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย อาวุธที่สหรัฐฯ จะนำไปใช้ และลำดับการโจมตี

 

โดยหลังจากที่สหรัฐฯ ทำการโจมตีเสร็จสิ้น บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างส่งข้อความแสดงความยินดีกับผลการทำงานของตนเอง ขณะที่โกลด์เบิร์กได้ลบตัวเองออกจากกลุ่มแชตไป

 

ทำเนียบขาวยอมรับ กลุ่มแชตเป็นของจริง

 

ด้าน ไบรอัน ฮิวจ์ส โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า กลุ่มแชตดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นของจริง และกำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีการเพิ่มผู้ใช้งานอื่นๆ เข้าไปในกลุ่มแชตดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจได้อย่างไร

 

ขณะที่ทรัมป์บอกกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวว่าเขาไม่ทราบเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่ากำลังดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อยู่ และทรัมป์ได้รับข้อมูลสรุปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เฮกเซธยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่าไม่มีการส่งรายละเอียดแผนการโจมตีไปในกลุ่มแชตดังกล่าว

 

“ไม่มีใครส่งข้อความเรื่องแผนทำสงคราม และนั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

ด้าน CNN รายงานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์หลายคนที่บอกว่าพวกเขารู้สึกตกใจ โดยอย่างน้อย 2 คนคาดเดาว่าเหตุการณ์นี้อาจทำให้เพื่อนร่วมงานบางคนของพวกเขาต้องถูก ‘ไล่ออก’

 

ทั้งนี้ สส. จากพรรคเดโมแครตหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดดังกล่าว โดยชี้ว่าเป็นการละเมิดความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และเป็นการละเมิดกฎหมายที่สภาคองเกรสต้องดำเนินการสอบสวน

 

โดยแม้ว่าแอป Signal จะเป็นแอปส่งข้อความเข้ารหัสที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐบาล โจ ไบเดน ยังเคยใช้ Signal เพื่อหารือเกี่ยวกับการวางแผนด้านโลจิสติกส์สำหรับการประชุม และบางครั้งใช้ในการสื่อสารกับพันธมิตรต่างประเทศ แต่ไม่เคยมีการใช้งานในปฏิบัติการด้านความมั่นคง

 

ความเสี่ยงต่อความมั่นคง

 

ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการใช้ Signal เพื่อหารือเกี่ยวกับการวางแผนปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความลับระดับสูงของสหรัฐฯ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของทหารอเมริกัน ถือเป็นความเสี่ยงที่น่าตกใจต่อความมั่นคงของชาติ

 

“พวกเขาละเมิดขั้นตอนทุกอย่างที่มนุษย์ทราบ เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลปฏิบัติการก่อนการโจมตีทางทหาร คุณมีปัญหาด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารโดยสิ้นเชิง” อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าว

 

CNN รายงานความเห็นจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติรายหนึ่ง ซึ่งมองว่าการสนทนาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้บนแพลตฟอร์มที่ไม่เป็นความลับมีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อแฮกเกอร์ต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ที่ทำเช่นนั้นแทบจะต้องถูกไล่ออกทันทีและอาจจะถูกส่งตัวไปดำเนินคดี

 

ขณะที่ตามปกติแล้วเมื่อเกิดกรณีผิดพลาดร้ายแรงเช่นนี้ ทาง FBI และฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของกระทรวงยุติธรรมจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน

 

ภาพ: Leah Millis / File Photo / Reuters

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising