การประกาศรายชื่อผู้เล่นทีมชาติอังกฤษชุดลุยฟุตบอลโลกเมื่อวันพุธที่ผ่านมาสร้างความฮือฮาอย่างมากในหมู่แฟนบอล
ที่ฮือฮานั้นไม่ใช่เพราะทีม ‘สิงโตคำราม’ เต็มไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เหมือนในอดีต หากแต่เป็นเพราะ แกเร็ธ เซาท์เกต ผู้จัดการทีมคนปัจจุบันเรียกตัวผู้เล่นที่มีเครื่องหมายเข้ามาติดทีมหลายคน พร้อมๆ กับการตัดนักเตะที่แฟนๆ ชื่นชอบออกไปหลายคน
ท่ามกลาง 23 นักเตะที่ได้รับการเรียกตัว มีหนึ่งชื่อที่ไม่เคยได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ความจริงเขาเพิ่งจะยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมระดับสโมสรได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
เหตุผลที่นักเตะคนนี้แทบไม่ถูกตั้งเครื่องหมายคำถามเลยแม้แต่น้อย เพราะผลงานของเขานั้นร้อนแรงขึ้นทุกวันไม่ต่างอะไรจากลาวาภูเขาไฟที่ปะทุออกมาอย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ
และถึงจะเป็นนักเตะอายุ 19 ที่กระดูกยังไม่แข็งนัก มีเกมที่ถูก ‘เผาทั้งเป็น’ ให้เห็นบ้าง แต่ทุกครั้งที่โดนเล่นงาน แทนที่จะหงอหรือท้อแท้ สิ่งที่ไอ้หนูคนนี้ทำคือการลุกขึ้นสู้ ยกระดับการเล่นอย่างรวดเร็วจนบางครั้งนึกว่าเป็นตัวการ์ตูนที่เก่งขึ้นได้ในเวลาไม่กี่หน้ากระดาษ
นี่คือดาวรุ่งที่มาแรงที่สุดของอังกฤษในเวลานี้ และอาจมีเพียงขอบฟ้าที่กั้นขวางเขาได้
ใครรู้จักเขาบ้างแล้วไม่เป็นไร ส่วนใครยังไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม ขออนุญาตแนะนำ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไอ้หนูมหัศจรรย์จากทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ให้ได้รู้จักกันนะครับ
จากตารางหมากรุกสู่สนามฟุตบอล
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หรือที่เหล่าเดอะค็อปเรียกกันย่อๆ ว่า TAA (ไม่ใช่ TOA นะ) เป็นดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสแจ้งเกิดในตำแหน่งแบ็กขวาของลิเวอร์พูล และกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงในเวลานี้ เบียดชนะทั้งรุ่นพี่อย่าง นาธาเนียล ไคลน์ ที่ถึงจะหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาก็ไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งคืนได้ เช่นกันกับ โจ โกเมซ อีกหนึ่งดาวรุ่งที่ได้โอกาสแจ้งเกิดก่อน แต่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่า
อาร์โนลด์เป็นนักเตะที่มีรูปร่างสูงโปร่ง มีความเร็วจัดจ้าน และมีทีเด็ดอยู่ที่การเปิดบอลที่กล้าได้กล้าเสีย ซึ่งส่วนมากมักจะได้มากกว่าเสีย จนกลายเป็นหนึ่งในอาวุธเด็ดของลิเวอร์พูล ทำให้สามารถพาทีมจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 4 และเตรียมเข้าชิงชนะเลิศรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในเวลานี้
แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ ไอ้หนูอาร์โนลด์เคยเป็นเด็กเนิร์ดที่อยู่แต่ในห้องเรียนมาก่อน
และความบันเทิงในชีวิตของเขามีเพียงแค่ตัวหมากและตารางหมากรุกแค่นั้น
“ตอนที่ผมเล็กๆ ผมกับพี่ชายเล่นกันแค่หมากรุกเท่านั้น” อาร์โนลด์เคยให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตในวัยเยาว์ด้วยรอยยิ้ม
“นั่นเป็นเพราะครอบครัวของผมค่อนข้างที่จะเข้มงวดในเรื่องการศึกษาอย่างมาก ผมเลยต้องเน้นการเรียน ทีนี้ที่โรงเรียนมีหมากรุกให้เล่น ซึ่งผมก็ชอบเล่นด้วย ผมก็เลยเล่นหมากรุกตลอดในช่วงเล็กๆ”
วันนั้นไม่มีใครคิดหรอกครับว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเขาจะกลายเป็นความหวังใหม่ของคนทั้งเมือง
ในวัย 6 ขวบ เจ้าหนูอาร์โนลด์ก็เข้าตา เอียน บาร์ริแกน โค้ชทีมเยาวชนของลิเวอร์พูลแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิด ก่อนจะได้รับการชักชวนให้เข้ามาอยู่ในอคาเดมีของทีม ‘หงส์แดง’ ในเวลาต่อมา
มันเป็นจุดพลิกผันครั้งแรกที่เปลี่ยนความสนใจของอาร์โนลด์จากตารางหมากรุกสีขาวดำมาสู่สนามฟุตบอลสีเขียว
และจากตัวขุน ตัวเรือ ตัวม้า สู่ปีกซ้าย แบ็กขวา และลูกฟุตบอล
ความโชคดีของเขาคือการที่เขาเติบโตในครอบครัวและสิ่งแวดล้อมที่ดี การเลี้ยงดูของพ่อและแม่ที่เหมือนจะเข้มงวด แต่โดยเนื้อแท้คือความรักและปรารถนาดีที่อยากเห็นเขาเติบโตเป็นคนที่ดีและมีคุณภาพของสังคม
ดังนั้นแรงกระตุ้นที่เขาได้รับในวัยเด็กจึงเป็นแรงกระตุ้นในทางบวก
และพลังบวกนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในต้นทุนชีวิตที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา เป็นเข็มนำทางที่ช่วยทำให้ไอ้หนูอาร์โนลด์ก้าวเดินได้อย่างถูกต้องและปราศจากความกังวล
ที่เหลือนั้นอยู่ที่ตัวของเขาเอง และโชคดีที่เขาเป็นเด็ก ‘รักดี’
มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาไปได้ไกลและเร็วกว่าคนอื่น
คำชมจากฮีโร่และรอยเท้าที่เขาอยากเดินตาม
ชื่อของอาร์โนลด์อาจไม่ได้ถึงขั้นเป็น ‘วันเดอร์คิด’ ที่หนังสือพิมพ์ต้องลงข่าวให้ฮือฮากันเยอะแยะมากมาย เพราะเขาไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งกองหน้า หรือหมายเลข 10 ที่มีลีลาการเล่นหวือหวาน่าติดตาม
แต่เขามีบางสิ่งที่ทำให้คนอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิเวอร์พูลให้ความสนใจถึงขั้นเขียนชื่นชมถึงในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองเมื่อปี 2015
“เทรนต์ อาร์โนลด์ มีโอกาสสูงมากที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลระดับท็อป” บันทึกของเจอร์ราร์ดถึงไอ้หนูคนนี้ “เขาอาจจะดูเก้งก้าง แต่ก็ดูดี และมีคุณสมบัติทุกอย่างที่จำเป็น”
คุณสมบัติทุกอย่างที่เจอร์ราร์ดกล่าวไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องของรูปร่าง ฝีเท้า หรือเรื่องของการที่สามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น ‘หมายเลข 6’ (คำเปรียบเทียบถึงตำแหน่งกองกลางตัวรับ) หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่สามารถส่งเขาลงเล่นได้ทุกที่
สิ่งสำคัญที่สุดที่เจอร์ราร์ดต้องการชมเชยคือ ‘ทัศนคติ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ
ไม่นับการที่อาร์โนลด์นับถือ ‘สตีวี-จี’ เป็นไอดอล และพยายามเล่นเลียนแบบเขาทุกครั้งเวลาเตะฟุตบอลเล่นกับเพื่อนๆ ในสวน
ในความเป็นเด็กอคาเดมี อาร์โนลด์เคยมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่กับเจอร์ราร์ดอย่างใกล้ชิด (ไม่นับการเป็นมาสคอตเดินนำทีมลงสนามก็เคยมาแล้ว)
แต่ไม่มีประสบการณ์ใดที่จะยิ่งใหญ่กับเขามากไปกว่าการได้ลงสนามเคียงข้างกับฮีโร่ตัวจริง
หลังจากที่เริ่มได้รับการเรียกตัวมาซ้อมและลงสนามกับทีมชุดใหญ่บ้าง ตั้งแต่ยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมคนก่อนหน้า อาร์โนลด์ก็กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวรุ่งที่อยู่ในสายตาของผู้จัดการทีมเสมอ โดยเฉพาะคนที่พร้อมมอบโอกาสให้อย่าง เจอร์เกน คลอปป์
ท่ามกลางโอกาสที่ได้รับจากเจ้านาย ไม่มีวันไหนจะสำคัญกับเขามากไปกว่านัดกระชับมิตรพิเศษที่จัดขึ้นเป็นการส่งท้ายฤดูกาล 2016/17 เมื่อเขาได้รับการเรียกตัวให้เดินทางทัวร์ไปกับทีมที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในเกมที่มีผู้ชมเข้ามาเต็มความจุสนามกว่า 73,000 คน
วันนั้นเจอร์ราร์ดซึ่งเพิ่งจะกลับมาสู่สโมสรได้ไม่นาน หลังไปผจญภัยช่วงสุดท้ายของชีวิตการค้าแข้งกับทีมแอลเอ แกแล็กซี่ ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ สหรัฐอเมริกา ได้กลับมาสวมเสื้อสีแดงเพลิงลงสนามด้วย
และคลอปป์ก็ให้โอกาสไอ้หนูอาร์โนลด์ในวัย 18 ปี ลงสนามในตำแหน่งฟูลแบ็ก
“ตั้งแต่เด็ก ผมเคยบอกเสมอว่าผมอยากจะเล่นกับสตีวี” อาร์โนลด์เผยความฝันของเขา “ตอนแรกผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว เพราะเขาเพิ่งจะประกาศเลิกเล่นไปเมื่อปีกลาย ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เกมอย่างเป็นทางการ แต่ผมก็ดีใจอยู่ดี การได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกับเขามันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก และนั่นหมายถึงผมได้ทำความฝันของผมสำเร็จไปอีกอย่างแล้ว”
ในเกมนั้นอาร์โนลด์ได้โอกาสลงเล่นในครึ่งแรก รับผิดชอบเกมฝั่งขวาของสนามได้อย่างทรงพลัง และประสานงานกับเจอร์ราร์ด รวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคนได้เป็นอย่างดี
“ลูกจ่ายในแบบของเจอร์ราร์ดน่ะ ผมดูทุกๆ สัปดาห์ การได้รับลูกจ่ายของเขามันเป็นเกียรติสูงสุดของชีวิตผมแล้ว เด็กๆ ทุกคนในลิเวอร์พูลพยายามจะเลียนแบบลูกจ่ายของเจอร์ราร์ดทั้งนั้นแหละ”
หลังจากวันนั้นอาร์โนลด์ยังเกาะติดเจอร์ราร์ดอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากบทของเด็กน้อยที่ติดตามฮีโร่ของเขาเป็นลูกศิษย์ที่อยากได้คำแนะนำดีๆ จากอาจารย์ ซึ่งเจอร์ราร์ดในบทโค้ชทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีมีสิ่งดีๆ มาสอนเขาเสมอ
รวมถึงสิ่งที่เจอร์ราร์ดไม่ได้สอน แต่อาร์โนลด์อยากทำให้ได้
นั่นคือการเป็น Local Hero หรือฮีโร่ของคนเมือง
โดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่าในระยะเวลาไม่ถึงปี เขากำลังเป็นขวัญใจคนใหม่ที่สเกาเซอร์ (ชาวเมืองลิเวอร์พูล) ตัวน้อยๆ เริ่มอยากจะเปิดบอลโค้งๆ แบบเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
เขากลายเป็น ‘คนดัง’ ที่เด็กๆ พร้อมใจมานั่งฟังเรื่องของเขาในทุกอีเวนต์ที่เขาพร้อมจะเข้าร่วมเสมอ ขอให้เป็นงานของโรงเรียนเก่าหรืองานของมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กๆ ในเมืองลิเวอร์พูล
แม้ว่าตัวอาร์โนลด์เองไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นดาวดังอะไรแม้แต่น้อย
เพียงแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นดาว อยู่ที่ไหนก็มีแสงส่องออกมา
ฮีโร่คนใหม่กับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
“ผมมาจากเวสต์ดาร์บี ในเมืองลิเวอร์พูล และผมไม่รู้ว่าเคยมีคนจากย่านนี้ที่ได้เล่นฟุตบอลโลกหรือเปล่า มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเด็กอย่างผม”
ประโยคข้างต้นเป็นคำพูดของอาร์โนลด์ครับ แต่เขาไม่ได้พูดถึงการถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลกที่รัสเซีย หากแต่เป็นการพูดถึงการได้ติดทีมชาติอังกฤษชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ในวันที่เขามีอายุ 16 ปี เมื่อปี 2015
ถ้าสิ่งที่อาร์โนลด์สงสัยเป็นเรื่องจริง นั่นหมายถึงเขาคือชาวย่านเวสต์ดาร์บีคนแรกที่ได้เล่นในฟุตบอลโลกของจริง
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ อาร์โนลด์ก็ต้องสู้มาพอสมควร
จากเดิมที่ได้โอกาสเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ในช่วงพรีซีซันของฤดูกาล 2016/17 อาร์โนลด์ไม่ได้โอกาสในตำแหน่งนั้น เพราะมันเป็นความรับผิดชอบที่หนักเกินไปสำหรับเด็กวัยนี้ โดยคลอปป์เลือกจะใช้งานเขาในตำแหน่งแบ็กขวา ตำแหน่งที่เล่นได้ง่ายที่สุดตำแหน่งหนึ่งในสนาม ซึ่งก็เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เจอร์ราร์ดเคยลงสนามในช่วงแรก (เจอร์ราร์ดยังเคยถูกไปโยกเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายด้วย แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นัด)
ในตำแหน่งแบ็กขวาของลิเวอร์พูล เขามีคู่แข่งอย่าง นาธาเนียล ไคลน์ รุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของตำแหน่งตัวจริง และเป็นหนึ่งในขาประจำทีมชาติอังกฤษ รวมถึง โจ โกเมซ ดาวรุ่งในวัยไล่เลี่ยกันที่มีจุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งและความแน่นอนในการเล่นที่เหมือนจะเหนือกว่า
แต่อาร์โนลด์ก็พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องในทุกครั้งที่ได้โอกาสลงสนาม หรือหากไม่ได้รับโอกาสลงสนาม เขาก็พร้อมที่จะอดทนรอมันอย่างใจเย็น
จากตัวเลือกอันดับ 3 การบาดเจ็บของไคลน์ที่พักการเล่นยาวเกือบปีทำให้อาร์โนลด์ได้เบียดสู้กับโกเมซกันแค่สองคน ก่อนที่จะเหลือเขาเป็นตัวเลือกเดียวในตำแหน่งแบ็กขวาที่คลอปป์พอจะใช้งานได้ เพราะมีช่วงเวลาที่โกเมซบาดเจ็บเช่นเดียวกัน
มันเป็นสถานการณ์ที่รับมือได้ไม่ง่ายนักสำหรับไอ้หนูวัยไม่ถึง 20 ปี
แต่อาร์โนลด์ก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเขาเก่งและแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากทั้งปวง
หากจำกันได้ในเกม ‘แดงเดือด’ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อาร์โนลด์เป็นคนที่ถูกวิพากษ์อย่างรุนแรงมากที่สุดจากความผิดพลาดสองครั้งที่ปล่อยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลอกจนหลังหักแบบคล้ายๆ กันจนได้ 2 ประตูที่ทำให้ ‘ปีศาจแดง’ มีชัยในวันนั้น
แทนที่จะผิดหวังหรือท้อแท้ อาร์โนลด์โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมว่าเขา ‘ขอโทษ’ ที่ยังอ่อนหัด และเขาจะพยายามทำให้ดีขึ้น
วันนั้นเป็นวันที่เดอะค็อปได้รู้ว่าพวกเขามีเพชรเม็ดงามอยู่ในมือ มันเหมือนกับที่เจอร์ราร์ดเคยบอกว่าเด็กคนนี้มีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘ทัศนคติ’ ที่ดีมากในการเล่นฟุตบอลและการใช้ชีวิต
หลังจากนั้นอาร์โนลด์เหมือนติดปีก เขาพัฒนาการเล่นอย่างไม่หยุด และสามารถต่อสู้กับผู้เล่นในตำแหน่งปีกที่เก่งกาจที่สุดของพรีเมียร์ลีกอย่าง วิลฟรีด ซาฮา ของคริสตัล พาเลซ และเลรอย ซาเน อย่างคู่คี่สูสี
ฝีเท้าและความเก๋าอาจเป็นรอง แต่ไม่ใช่เรื่องความมานะพยายาม
ทุกนัดที่ได้ลงสนาม มันเหมือนกับเขาจะเก่งขึ้นตลอดเวลาจนกลายเป็นแบ็กขวาตัวเลือกอันดับ 1 ที่แม้แต่รุ่นพี่อย่างไคลน์ก็ทำได้แค่นั่งรอโอกาสเงียบๆ เพราะฝีเท้าเหมือนจะสู้ไม่ได้แล้วในเวลานี้
ก่อนที่เขาจะได้เป็นหนึ่งใน 23 ขุนพล ‘สิงโตคำราม’ ทั้งที่ไม่เคยมีหมวกทีมชาติแม้แต่ใบเดียว
การได้รับเรียกติดทีมของเขาน่าประหลาดใจ แต่ที่น่าประหลาดใจกว่าคือการที่แทบไม่มีเสียงวิพากษ์ในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ดาวรุ่งคนอื่นๆ ที่ได้รับโอกาสจากเซาท์เกตถูกตั้งเครื่องหมายคำถามมากมาย
นั่นเป็นเพราะแฟนฟุตบอลคงมองเห็นอะไรบางอย่างเหมือนที่เจอร์ราร์ดมองเห็นมาก่อนหน้านี้
เด็กคนนี้มีโอกาสที่จะเป็นมากกว่าแค่นักฟุตบอลที่เก่งกาจ
เขาสามารถจะเป็นนักฟุตบอลและคนที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคตอันใกล้
เขาสามารถเป็น ‘แรงบันดาลใจ’ ให้แก่คนทั้งเมืองลิเวอร์พูล หรือแม้แต่คนอังกฤษทั้งชาติได้เหมือนที่เจอร์ราร์ดหรือรุ่นก่อนหน้าอย่างเดวิด เบคแฮม เคยเป็น
ความรับผิดชอบตรงนั้นยิ่งใหญ่และมีอะไรที่เขาต้องพิสูจน์อีกมากนัก แต่ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีโอกาสจะเป็นได้ทุกอย่างเท่าที่เขาอยากจะเป็นครับ
อ้างอิง:
- www.thetimes.co.uk/article/trent-alexander-arnold-the-local-hero-big-on-talent-and-personality-nds7wcgjk
- www.liverpoolfc.com/news/first-team/294570-exclusive-interview-trent-alexander-arnold-liverpool
- www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/trent-alexander-arnold-chats-liverpool-14273553
- www.telegraph.co.uk/football/2018/02/10/liverpools-alexander-arnold-hoping-next-local-lad-capture-anfield
- www.nytimes.com/2018/02/06/sports/soccer/liverpool-alexander-arnold.html?rref=collection%2Fsectioncollection%2Fsports
- ถึงจะได้โอกาสเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่ครอบครัวยังคงเข้มงวดเรื่องการเรียนกับอาร์โนลด์เสมอ เมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่เขาสอบ GCSEs (การสอบทดสอบความรู้ในอังกฤษสำหรับเด็กอายุ 16 ปี) แม่ของเขาเห็นเกรด C ในผลสอบ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็น่าจะเดาได้ครับ ‘หูชา’
- เขาได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูล เกมแรกในรายการ EFL หรือลีกคัพนัดที่พบกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2016 ก่อนจะได้โอกาสลงเล่นพรีเมียร์ลีกเกมแรกในอีก 3 เดือนต่อมาในเกมที่เจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เปิดตัวในเกมใหญ่ตลอด!
- ความจริงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วางแผนจะฉกตัวเขามาร่วมทีมโดยอาศัยการที่ลุงของเขา จอห์น อเล็กซานเดอร์ ทำงานเป็นเลขาฯ ในทีม ‘ปีศาจแดง’ แต่การกล่อมไม่มีวันสำเร็จ เพราะไม่ใช่แค่อาร์โนลด์ที่เป็นเดอะค็อป แต่ครอบครัวทุกคนเป็นเด็กหงส์หมด
- อีกความลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือคุณยายของเขา โดรีน คาร์ลิง เคยเป็นคู่เดตของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยกุ๊กกิ๊กกันถึง 18 เดือนในสมัยที่เฟอร์กี้ยังเป็นวัยรุ่น ก่อนที่โชคชะตาจะพลัดพรากทั้งคู่เมื่อโดรีนย้ายไปอยู่นิวยอร์ก (นั่นหมายถึงว่าจริงๆ อาร์โนลด์ก็มีสิทธิ์เล่นให้ทีมชาติสหรัฐอเมริกาด้วย)
- ครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยพยายามกล่อมเขามาร่วมทีมด้วยตัวเองหลังจากที่เขาย้ายมาลิเวอร์พูลได้ไม่นาน แต่อาร์โนลด์ตอบกลับแบบเย็นชาว่า “แม่ผมไม่ชอบขับรถบนมอเตอร์เวย์”
- ในยามว่าง อาร์โนลด์มักจะใช้เวลาไปกับกิจกรรมการกุศลเสมอ เพราะเป็นความตั้งใจของเขาที่อยากจะใช้ชื่อเสียงในฐานะนักฟุตบอลโปรโมตกิจกรรมของมูลนิธิต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคิดมานานหลายปีแล้วกับ คริส โอเวนส์ เพื่อนสนิทของเขาในอคาเดมี โดยสองคนนี้ตกลงกันว่าหากใครแจ้งเกิดได้ก็จะทำงานการกุศลช่วยเหลือสังคมกัน