×

‘เซียนหุ้น’ เผยนักลงทุนรุ่นใหม่ติดดอยอื้อ เตือนอย่าใช้กลยุทธ์ไล่ราคา แนะให้โฟกัสพื้นฐานธุรกิจเป็นหลัก ย้ำตลาดช่วงนี้ต้องเลือกตัวเล่น

15.11.2021
  • LOADING...
เซียนหุ้น

แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะยังไม่หลุดพ้นจากวิกฤตที่เกิดจากพิษโควิด แต่ในมุมของตลาดทุนแล้วนับเป็นอีกหนึ่งปีที่ค่อนข้างสดใส โดยเฉพาะตลาด IPO หรือหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่ หรือ ‘รุ่นใหม่ๆ’ กระโดดเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในมุมของการลงทุนแล้ว ตลาดหุ้นไทยคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หรืออยู่ในภาวะที่สดใสไปได้ตลอดทั้งปี เพราะการลงทุนย่อมขึ้นกับภาวะตลาดและผลดำเนินงานของแต่ละบริษัท ระยะหลังเราจะเห็นตลาดเริ่มอิ่มตัว นักลงทุนเริ่มต้อง ‘เลือกหุ้น’ ที่จะเข้าลงทุนมากขึ้น ไม่ได้ขึ้นยกแผงเหมือนในอดีต โดยเฉพาะหุ้น IPO ซึ่งเห็นชัดว่าแรงเก็งกำไรมักเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบ หลังจากนั้นราคาก็ค่อยๆ ปรับลดลง ทำให้มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อย ‘ติดดอย’ หุ้นเหล่านี้ 

 

ทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือ ‘เซียนมี่’ นักลงทุนรายใหญ่ที่มีพอร์ตการลงทุนระดับพันล้านบาท กล่าวกับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ว่า เท่าที่รับทราบมาปัจจุบันมีนักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ‘ติดหุ้น’ จำนวนมาก 

 

สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะตลาดหุ้นเริ่มอยู่ในทิศทางไซด์เวย์ ไม่ได้เป็นขาขึ้นเหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งภาวะการลงทุนในปัจจุบันเริ่มเป็นตลาดที่ต้องอาศัยเหตุผลมากขึ้น จะไม่ได้เป็นการขึ้นจาก Fund Flow เหมือนช่วงที่ผ่านมา 

 

ขณะที่นักลงทุนรุ่นใหม่มีพฤติกรรมการลงทุนที่ค่อนข้างกล้าได้กล้าเสีย นิยมลงทุนแบบไล่ราคา เมื่อหุ้นที่ลงทุนไปไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ ทำให้ต้องตัดขายขาดทุนออกมา แต่ก็จะมีนักลงทุนบางรายที่ทำใจไม่ได้ ยอมแบกรับภาวะขาดทุนไว้ ซึ่งก็คือติดดอยนั่นเอง

 

“คนที่รู้จักในหลายๆ กลุ่ม ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ บ่นกันมากว่าเจ็บตัวเพราะหุ้นลงมาเยอะ ทั้งหุ้นทั่วไปและหุ้น IPO ซึ่งนิยมเข้าไปซื้อขายกันในวันแรกๆ ที่หุ้นเข้าตลาด หุ้นบางตัวราคาขึ้นไปสูงมาก ก่อนจะร่วงลงมา 40-50% หลายคนตัดใจขายได้เร็ว แต่บางคนก็ทำใจขายไม่ได้”

 

หนึ่งในหุ้น IPO ที่นักลงทุนหน้าใหม่ติดดอยกันมากคือ หุ้น บมจ.สีเดลต้า(DPAINT) ที่เพิ่งเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ซึ่งวันแรกที่หุ้น DPAINT เข้าซื้อขาย ราคาพุ่งแตะระดับ 22.50 บาท เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ถึง 200% ซึ่งเป็นเพดานการซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) ของหุ้น IPO ที่เข้าเทรดในวันแรก แต่หลังจากนั้นราคาหุ้นตัวนี้ก็ร่วงลงต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในระดับ 9.25 บาท ลดลงจากราคาสูงสุดที่เคยทำเอาเกือบ 60% จนนักลงทุนตั้งฉายาใหม่ให้กับหุ้นตัวนี้ว่า ‘หุ้นสีดอยจ้า’

 

สำหรับหุ้น DPAINT ที่ลดลงอย่างหนัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 คือ วิไล ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นภรรยาของ อาจณรงค์ ตั้งคารวคุณ ผู้ก่อตั้งสีเดลต้า ที่เทขายหุ้นออกมาในวันแรกที่หุ้นเข้าตลาด โดยขายออกมามากถึง 8.6% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด จนทำให้ผู้ลงทุนขาดความมั่นใจพากันเทขายหุ้นตามออกมา

 

อีกหนึ่งหุ้น IPO ที่มีนักลงทุนขาดทุนจำนวนมาก คือ หุ้น บมจ.รุ่งเรืองตลอดไป(GLORY) ที่เข้าซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอวันแรกในวันที่ 25 ตุลาคม 2564 โดยทันทีที่หุ้นเปิดตลาดราคาพุ่งแตะระดับ 5.30 บาท เพิ่มขึ้นจากราคา IPO ซึ่งเสนอขายที่ 2.80 บาท หลังจากนั้นไม่นานราคาหุ้นทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 8.30 บาท หรือเพิ่มขึ้นราว 196% จากราคา IPO แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดราคาหุ้นเคลื่อนไหวในระดับ 3.84 บาท ลดลงจากจุดสูงสุดถึง 54% 

 

เซียนมี่ ให้คำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ว่า ควรเรียนรู้การปรับกลยุทธ์ลงทุนให้เข้ากับในแต่ละสภาวะตลาด ซึ่งกลยุทธ์การไล่ราคาอาจจะเหมาะเฉพาะในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น แต่กลยุทธ์นี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่สูงมาก หากราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดทางก็จะทำให้ขาดทุนอย่างหนัก ดังนั้นการลงทุนจึงควรเน้นไปที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก

 

“ถ้าจะลงทุนหุ้น IPO ปกติราคา IPO ก็ไม่ใช่ราคาที่ถูก การซื้อขายวันแรกก็ไม่มีพื้นฐานอยู่แล้ว ผมแนะนำว่าต้องกลับมาที่พื้นฐาน ลดการเก็งกำไร ตอนนี้ช่วงเวลามันนี่อีซี่หมดไปแล้ว จากเดิมหุ้นจะขึ้นเร็วเพราะ Fed ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% แต่ตอนนี้กำลังจะกลับทิศ คนรุ่นใหม่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจตลาด และควรมีหลายๆกลยุทธ์มารองรับ”

 

ด้าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) เซียนหุ้น VI ที่คร่ำหวอดในวงการตลาดทุนมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนมากกว่า 10% ซึ่งยังไม่รวมเงินปันผล แต่พบว่ายังมีนักลงทุนขาดทุนจากการลงทุนแบบเก็งกำไรจำนวนมาก โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ไม่มีพื้นฐาน 

 

“ผมบอกได้เลยว่าถ้าเลือกกลยุทธ์เก็งกำไรมีแต่ขาดทุน คือ ขาดทุนทั้งราคาหุ้นและขาดทุนค่าคอมมิชชัน นักลงทุนหน้าใหม่ควรเลือกซื้อหุ้น เพราะหุ้นตัวนั้นมีกิจการที่ดี มีเงินปันผล ไม่ใช่ซื้อเพื่อหวังเก็งกำไรอย่างเดียว” 

 

ดร.นิเวศน์ กล่าวยอมรับว่า ทราบมาเหมือนกันว่านักลงทุนหน้าใหม่ติดหุ้นเยอะ จึงอยากฝากเตือนให้ระมัดระวัง ไม่ควรลงทุนแบบไล่ราคาหุ้นเพราะมีต้นทุนและความเสี่ยงสูง 

 

“การเก็งกำไรคือการเล่นกับคนที่ได้เปรียบกว่าเรา ซึ่งไม่คุ้มค่า ผมมองว่าตลาดหุ้นไม่ใช่ที่ที่จะหาเงินได้ง่ายๆ เพราะมันมีโอกาสที่จะเสียด้วย นักลงทุนหน้าใหม่ต้องรู้ข้อนี้” ดร.นิเวศน์ กล่าว

 

ด้าน เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง อีกหนึ่งเซียนหุ้นพอร์ตพันล้าน กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนมีโอกาสที่จะผิดพลาด แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องยึดมั่นคือวินัยการลงทุน โดยจะต้องตัดสินใจตัดขายหุ้นตัวนั้นทันทีเพื่อหยุดขาดทุนเมื่อพบว่ามาผิดทาง

 

“ผมเองก็ผิดพลาดบ้าง แต่ผมจะยอมตัดขาดทุนเร็วเมื่อมาผิดทาง นักลงทุนรุ่นใหม่ก็ควรใช้กลยุทธนี้แล้วกลับมาตั้งหลัก เลือกหุ้นที่ดีใหม่ ถ้าเราเลือกหุ้นดี สุดท้ายก็จะมาคัฟเวอร์กับที่เราเสียไปและตีกลับมาเป็นกำไรได้”

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising