×

ย้อนแย้งหรือไม่? ทำไมนายใหญ่ของโตโยต้าบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งไม่เกิน 30% ทั่วโลก ทั้งที่เคยวางเป้าเปิดตัวรถ 30 รุ่นภายในปี 2030

11.02.2024
  • LOADING...
โตโยต้า

“EV จะมีสัดส่วนไม่เกิน 30% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก” ประเด็นข่าวใหญ่ในพื้นที่สื่อทั่วโลกหลังจากที่นายใหญ่ของโตโยต้าอย่าง อากิโอะ โทโยดะ ได้กล่าวอบรมต่อทีมงานระดับบริหารภายในองค์กร ก่อนที่จะมีการนำเสนอผ่านช่องทางสื่อสารของโตโยต้า

 

วาทกรรมดังกล่าวกลายเป็นประเด็นที่อาจจะเป็นข้อสงสัยว่าเหตุใดโทโยดะจึงกล่าวเช่นนั้น และจะย้อนแย้งกับสิ่งที่เคยประกาศการทำรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่น ภายในปี 2030 ด้วยหรือไม่?

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ประเด็นสำคัญของข่าวนี้ขออนุญาตเอาคำกล่าวภาคภาษาอังกฤษมานำเสนอดังนี้ “No matter how much BEVs progress, I think they will have a market share of 30%. That leaves the remaining 70% as HEVs, FCEVs, or hydrogen engines. I have no doubt that engine vehicles will survive.”

 

โตโยต้า

ภาพ: Tomohiro Ohsumi / Getty Images

 

แปลแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนไม่เกิน 30% และส่วนที่เหลือ 70% จะเป็นพื้นที่ของรถพลังงานอื่นๆ รวมถึงรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปจะยังคงอยู่ แล้วคำกล่าวนี้ย้อนแย้งกับสิ่งที่โทโยดะเคยพูดไว้หรือไม่ ก็ต้องย้อนกลับดูคำกล่าวต้นฉบับของโทโยดะที่กล่าวไว้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2021

 

ซึ่งในครั้งนั้นโทโยดะได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกันถึง 17 รุ่นรวด และกล่าวถึงแผนงานในอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะมีการเปิดตัวมากถึง 30 รุ่นอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2030 แสดงให้เห็นถึงแนวทางของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าจากโตโยต้าที่ชัดเจนที่สุด

 

แต่วันนี้โตโยต้ากลับกลืนน้ำลายตัวเองหรืออย่างไร เราขอหยิบบางส่วนจากถ้อยแถลงในวันนั้นที่พอจะเป็นสิ่งยืนยันดังนี้

 

“We are living in a diversified world and in an era in which it is hard to predict the future. Therefore, it is difficult to make everyone happy with a one-size-fits-all option.

 

“That is why Toyota wants to prepare as many options as possible for our customers around the world.

 

“We believe that all electrified vehicles can be divided into two categories, depending on the energy that they use.”

 

สรุปใจความสั้นๆ ง่ายๆ ว่ารถที่ใช้พลังงานรูปแบบเดียวจะตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานทั่วทั้งโลกได้ และรูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก (รถพลังงานลูกผสมไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด, ไฮโดรเจน และ BEV)

 

ดังนั้นโตโยต้าจึงทำหลายทางเลือกของพลังงานในการขับเคลื่อน โดยถ้อยแถลงดังกล่าวคือการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรกของโตโยต้า ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของผู้บริโภค ซึ่ง ณ เวลานั้น โตโยต้ามีเปิดตัวมาเพียงรุ่นเดียว ขณะที่ค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นๆ เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องหลากหลายรุ่น

 

ทั้งนี้ เมื่ออ่านถ้อยแถลงของวันที่ 14 ธันวาคม 2021 ทั้งหมดแล้ว จะเห็นว่าโทโยดะกำลังปูทางสู่สิ่งที่โตโยต้าเรียกในปัจจุบันนี้ว่า ‘Multi Pathway’ หรือทางเลือกที่หลากหลาย สอดคล้องกับการกล่าวล่าสุดของโทโยดะข้างต้นที่ประเมินว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนราว 30% ของยอดขายทั้งหมด

 

โตโยต้า

ภาพ: Tomohiro Ohsumi / Getty Images

 

มิใช่ว่าโทโยดะจะต่อต้านรถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่หลานปู่ของผู้ก่อตั้งโตโยต้าต้องการชี้ให้เห็นในปาฐกถาล่าสุด เรามองว่าอยู่ที่ประโยคนี้

 

“This will be decided not by regulation or political power, but by customers and the market.” แปลแบบตรงตัวก็คือ “การเลือกซื้อรถจะต้องไม่ถูกตัดสินโดยกฎหมายหรืออำนาจทางการเมือง แต่ต้องถูกกำหนดโดยลูกค้าหรือตลาด”

 

เป็นการส่งสารถึงประเทศต่างๆ ที่กำลังจะออกกฎระเบียบเพื่อบังคับให้ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือกในการเลือกพลังงานของรถยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อน

 

พร้อมกับบอกว่า ถ้าโตโยต้าเปลี่ยนไปทำ BEV เพียงอย่างเดียว คนญี่ปุ่นราว 5.5 ล้านคน ในอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีปัญหาทันที และการจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนไม่ได้มีเพียงทางเดียว ซึ่งจะมีการเปิดเผยเทคโนโลยีใหม่ในเร็วๆ นี้อีกด้วย

 

ดังนั้นการออกมาเปิดเผยมุมมองและความเห็นครั้งนี้ของโทโยดะน่าจะเป็นการหาแนวร่วมจากแบรนด์อื่นๆ และสร้างแรงกระเพื่อมไปยังประเทศต่างๆ ที่มีการประกาศว่าจะยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว

 

ส่วนเหตุผลที่ทำให้โทโยดะกล้าประกาศว่า 30% คือตัวเลขสัดส่วนสูงสุดของ BEV เราประเมินว่าเขามองไปที่ตลาด BEV ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง ‘จีน’ ซึ่งปัจจุบันยอดจำหน่ายของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะได้รับแรงหนุนขนาดไหนจากภาครัฐก็ยังคงมีสัดส่วนไม่ข้าม 30% ของยอดขายทั้งหมดอยู่ดี รวมถึงปัจจัยที่เขาได้กล่าวถึงเรื่องความพร้อมของพลังงานไฟฟ้าที่มีเพียงพอสำหรับให้รถได้ใช้งานหรือยัง

 

คงต้องจับตาดูว่า EU ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายหลักของการส่งสารในครั้งนี้จะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไร

 

ภาพปก: David Becker / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising