ขึ้นชื่อว่าฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโรแล้ว นอกจากการติดตามเชียร์ทีมโปรด อีกหนึ่งความสนุกของแฟนฟุตบอลคือการจับตาเหล่าสุดยอดนักเตะระดับชั้นนำของโลกที่จะมาสามัคคีชุมนุมกันในรายการนี้
ฟุตบอลยูโร 2020 ก็เช่นกัน ที่เราจะได้ติดตามสุดยอดนักเตะที่เข้าขั้น ‘ซูเปอร์ฮีโร่ลูกหนัง’ ที่จะมาวาดลวดลายกันให้ดูแบบเต็มที่ไม่มีกั๊ก เพราะนี่คือเวทีสำหรับการปล่อยของอย่างแท้จริง
ท่ามกลางนักฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้มากกว่า 500 คน THE STANDARD ขออนุญาตเลือกมา 5 คนที่คิดว่านี่แหละคือที่สุดของที่สุดตัวจริง
มีใครกันบ้าง มาดูกันเลย!
หรือแฟนๆ THE STANDARD คิดว่ามีใครที่เด็ดกว่านี้แล้วตกหล่นไป ลองบอกกันมาได้นะ 🙂
นี่คือสุดยอดนักฟุตบอลที่น่าจะเก่งที่สุดในโลกเวลานี้ โดยมีรางวัลบัลลงดอร์ปีล่าสุดเป็นเครื่องการันตี ซึ่งผลงานกับบาเยิร์น มิวนิก ในบุนเดสลีกาประจำฤดูกาล 2020/21 ก็ยังร้อนแรงไม่เลิก สามารถทำลายสถิติตลอดกาลของ แกร์ด มุลเลอร์ ที่ยืนยงมายาวนานถึง 49 ปีลงได้ โดยทำไป 41 ประตูในฤดูกาลเดียว จากการลงสนามเพียงแค่ 29 นัด!
เลวานดอฟสกี หรือเลวี (Lewy) เป็นกองหน้าในสไตล์ครบเครื่องต้มยำน้ำข้น ที่นอกจากจะมีสัญชาตญาณในการทำประตูที่สูงส่งแล้ว สามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะจากเท้าขวา เท้าซ้าย ลูกโหม่ง ที่ขอให้อยู่ในระยะทำการในกรอบ 18 หลา เชื่อขนมกินได้ว่ามีลุ้น
ทั้งนี้ แม้ว่าทีมชาติโปแลนด์จะไม่ได้เป็นทีมตัวเก็งเต็งหนึ่งอะไรกับเขาด้วยขุมกำลังนั้นเป็นรอง แต่ใครจะไปรู้ว่าหากเลวานดอฟสกีเกิดเข้าฝักขึ้นมาจริงๆ บางทีเราอาจจะได้เห็น ‘เทพนิยายโปล’ ในยูโรหนนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกัน
เลวานดอฟสกีอาจจะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในเวลานี้ แต่หากถามถึงคนที่จะเป็น ‘ราชา’ ของโลกลูกหนังคนต่อไปเมื่อสิ้นสุดยุคของ ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด อย่างเป็นทางการ ย่อมหนีไม่พ้น คีเลียน เอ็มบัปเป้ หัวหอกนินจาเต่าคนนี้
เอ็มบัปเป้เคยพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของตัวเองในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียมาแล้ว ด้วยการเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่พาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้ ซึ่งหลังจากนั้นแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถประกาศศักดาแบบชนิดที่ทุกคนต้องยอมหมอบราบคาบ แต่ก็ได้รับการยอมรับในฐานะสุดยอดศูนย์หน้าเบอร์ต้นๆ ของโลก
ความเร็วเหมือนรถแข่ง F1 และเทคนิคการเลี้ยงบอลที่เหมือนการเข้าโค้งของ ลูอิส แฮมิลตัน คือสิ่งที่ยังหาใครหยุดเอ็มบัปเป้ได้ยาก และหากฝรั่งเศสจะครองเจ้ายุโรปต่อในรายการครั้งนี้หลังจากที่เคยผิดหวังในยูโร 2016 ที่บ้านเกิดแล้ว ดาวยิงจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง คือคนที่จะช่วยพวกเขาไปให้ถึงจุดนั้น
หากจะมองหากองกลางที่คู่ควรกับคำว่าเก่งที่สุดในโลก ย่อมหนีไม่พ้นยอดมิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียมคนนี้แน่นอน
ด้วยผลงานการเล่นที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วมากมายในระดับสโมสร และด้วยวัย 29 ปี เรียกได้ว่าเดอ บรอยน์ กำลังมาถึงจุดพีกที่สุดของชีวิตการเล่นแล้ว การเล่นนั้นเต็มไปด้วยความสง่างามและเหนือชั้น เหมือนมือกระบี่ที่สำเร็จวิชาชั้นสูงที่แค่ตวัดกระบี่เพลงดาบเดี่ยวก็ปลิดชีพคู่ต่อกรได้ทันที
ความยอดเยี่ยมของเดอ บรอยน์ อยู่ที่การเปิดบอลที่แม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะการเปิดครอสบอลไม่ว่าจะบอลเรียดหรือบอลโด่ง ที่มักจะมีวิถีบอลที่เหนือจินตนาการคนทั่วไปมาก ซึ่งไม่ได้มีแค่เท้าขวาที่มหัศจรรย์ แต่ยังมี ‘วิชัน’ ในการอ่านสถานการณ์รอบข้างได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ตัดสินใจเลือกเล่นได้ถูกต้อง
อย่างไรก็ดี ด้วยวัยถึงจุดพีกแล้ว นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเพลย์เมกเกอร์มาดนิ่งที่จะพาเบลเยียมยุค Golden Generation ไปถึงฝั่งฝัน เพราะหากไม่ใช่ครั้งนี้ก็ไม่รู้จะมีครั้งไหนอีกแล้ว แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บที่ใบหน้าจากเกมนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่อาจจะรบกวนฟอร์มได้
ถึงผลงานของสโมสรท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะไม่ดีนัก แต่ผลงานส่วนตัวของ แฮร์รี เคน ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา ถือว่ายอดเยี่ยมและน่าประทับใจอย่างมาก เพราะไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะสามารถคว้าทั้งตำแหน่งดาวซัลโวและผู้ที่ทำแอสซิสต์สูงสุดได้ในฤดูกาลเดียวกัน
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากแนวคิดของ โชเซ มูรินโญ อดีตผู้จัดการทีมสเปอร์ส ที่มองเห็นความสามารถในการสร้างสรรค์เกมในตัวของเคนที่น่าจะทำได้ดีกว่าแค่การรอโอกาสในการทำประตูเฉยๆ ซึ่ง The Special One มองไม่ผิด เพราะกองหน้าวัย 27 ผู้นี้ทำได้จริงๆ โดยนอกจากสถิติการยิงประตูจะไม่ตกแล้ว ยังเพิ่มส่วนของการทำเกมได้ด้วย ทำให้หาตัวจับได้ยากมาก
ในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา เคนทำไป 12 ประตู ไม่มีใครจะยิงได้มากเท่านี้อีกแล้วแม้แต่ คริสเตียโน โรนัลโด เองก็ตาม เคนจึงเป็นความหวังสูงสุดของทีมชาติอังกฤษที่อยากจะคว้าแชมป์ยูโรครั้งแรกให้ได้
ซูเปอร์แมนตัวจริงของวงการฟุตบอล ที่แม้อายุจะล่วงมาถึง 36 ปี แต่ฝีเท้าของ คริสเตียโน โรนัลโด ก็แทบไม่ตกไปจากมาตรฐานเดิมเลย และนั่นทำให้เขายังคงเป็น ‘เบอร์หนึ่ง’ ในทีมชาติโปรตุเกส แม้ว่าปัจจุบันผลผลิตนักเตะรุ่นใหม่ของทีมจะเก่งกาจเข้าขั้นระดับโลกกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็น บรูโน แฟร์นันด์ส, รูเบน ดิอาส หรือ แบร์นาโด ซิลวา
ย้อนกลับไปในฟุตบอลยูโรครั้งที่แล้ว โรนัลโดทำผลงานได้อย่างสุดยอด เป็นเดอะ แบกพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ และถึงจะโชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บที่เข่าตั้งแต่ต้นเกมนัดชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส แต่ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้ ถึงเล่นเองไม่ได้ ก็มาช่วยตะโกนสั่งการ กระตุ้น และปลุกเร้าลูกทีม จนสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์มาครองได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่เพราะไม่ได้เล่นเองในนัดชิงชนะเลิศ และเพราะขุมกำลังของทีมที่เพียบพร้อมไม่แพ้ทีมไหน นี่เป็นโอกาสอีกครั้งที่โรนัลโดจะได้แก้ตัวพาโปรตุเกสคว้าแชมป์ให้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร