ทอม เบรดี เจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 7 สมัย และควอเตอร์แบ็กของทีมแทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ส่งกำลังใจถึง นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 4 สมัย และ ซิโมน ไบลส์ นักกีฬายิมนาสติก เจ้าของ 7 เหรียญรางวัลโอลิมปิก ที่กำลังประสบปัญหาสภาพจิตใจ จากการแข่งขันในระดับสูงช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยเบรดีให้สัมภาษณ์กับ USA TODAY เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า
“ผมคิดว่าเรามีนักกีฬาดาวรุ่งหลายคนในกีฬา แน่นอนนาโอมิอายุยังน้อย เช่นเดียวกับซิโมน ตอนนี้ผมอายุ 44 ปี ตอนที่ผมอายุ 24 ปี ผมไม่ได้มีความจำเป็นต้องรับมือกับแรงกดดัน และความท้าทายที่พวกคุณต้องเจอ ผมไม่รู้ว่าเรามีความคาดหวังอย่างไรสำหรับผู้คนที่เราคิดว่าต้องมีคำตอบสำหรับทุกอย่าง หรือสามารถรับมือได้กับทุกปัญหา และสามารถคิดหาคำตอบให้กับตัวเองได้ทุกอย่างในช่วงอายุที่ยังน้อยอยู่
“นี่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะรับมือกับหลายๆ อย่างที่ถูกผลักมาให้กับคุณตอนที่คุณเริ่มต้นประสบความสำเร็จ ครอบครัวของคุณจะเริ่มพบกับความเปลี่ยนแปลง คุณยังอยู่ในช่วงเวลาของการเรียนรู้และเติบโต คุณจะผ่านอะไรอีกหลายอย่างในช่วงอายุ 21, 22, 23, 24 ปีเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป และตอนนี้คุณต้องรับมือกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดบนเวทีสูงสุดของโลก
“ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายมากในการรับมือ และเอาชนะปัญหาต่างๆ ได้ในวัยนี้ แม้กระทั่งในวัย 44 ปี คุณเองก็รับมือกับหลายสิ่งหลายอย่างและความทุกข์ ตอนนี้คุณเองก็มีลูก ภรรยา และเรื่องนอกสนามเหมือนกับที่เราทุกคนพบเจอในอาชีพของเรา ดังนั้นชีวิตของทุกคนมีความท้าทาย คุณแค่หวังว่าผู้คนจะสามารถบริหารจัดการและ รับมือมัน รวมถึงผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ไปได้อย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหวังว่าคุณจะได้เรียนรู้จากพวกเขา และนั่นจะทำให้คุณเป็นคนที่ใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผมหวังสำหรับซิโมนและนาโอมิ”
โดย นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสวัย 23 ปีตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันแกรนด์สแลมเฟรนช์โอเพ่นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าต้องการปกป้องและดูแลสุขภาพจิตใจของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจไม่ร่วมแข่งขันวิมเบิลดัน และล่าสุดเธอตกรอบ 3 ในการแข่งขันยูเอสโอเพ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จนสุดท้ายเธอได้ตัดสินใจแถลงว่า เธออาจจะพักการแข่งขันเทนนิสไปอย่างไม่มีกำหนด
ขณะที่ ซิโมน ไบลส์ นักยิมนาสติกวัย 24 ปีได้ตัดสินใจถอนตัวจาก 4 ใน 6 ประเภทในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาสภาพจิตใจ ก่อนจะกลับมาลงแข่งขันประเภทคานทรงตัวที่เธอคว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่สองในชีวิตไปครอง ซึ่งเธอเองก็ยังไม่ยืนยันว่าจะกลับมาลงแข่งขันต่ออีกหรือไม่
โดย ทอม เบรดี คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์สมัยแรกกับทีมนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ตอนที่เขามีอายุ 24 ปี เมื่อปี 2001 และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะพบเจอกับปัญหาต่างๆ ทั้งในและนอกสนาม
แต่เขาเชื่อว่าปัญหาที่เขาพบเจอ เมื่อเปรียบเทียบกับนาโอมิและซิโมน เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เพราะกีฬาของเขาเป็นกีฬาประเภททีม เขารายล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมทีมในทุกๆ เพลย์ของการแข่งขัน แต่ซิโมนแม้ว่าจะมีทีมงานค่อยช่วยเหลือเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน แต่เมื่อเธอก้าวขึ้นไปสู่เวที เธอจะลงแข่งขันเพียงคนเดียว เช่นเดียวกับนาโอมิ ที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันเทนนิสประเภทหญิงเดี่ยว
นอกจากนี้ ซิโมนและนาโอมิยังอยู่ภายใต้ความกดดันในฐานะนักกีฬาผิวสีหญิง แต่สิ่งที่เดียวที่ทั้งสามคนมีเหมือนกันคือ การเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการบริหารเส้นทางอาชีพและชีวิตส่วนตัว ซึ่งเบรดียอมรับว่าสิ่งที่ช่วยเขามาตลอดคือผู้คนรอบตัว
“ผมคิดว่าผมพยายามที่จะพึ่งพาผู้คนที่อยู่รอบตัวผม ให้ช่วยดึงผมกลับมาสู่พื้นดิน และโฟกัสในสิ่งที่สำคัญ แน่นอนชัยชนะหรือความพ่ายแพ้มีส่วนสำคัญกับพวกเราทุกคน รวมถึงการทำผลงานให้ดีที่สุด สำหรับผมมันคือความพยายามที่จะไม่ทำให้ใครผิดหวัง นั่นเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพของผม
“ผมรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมของผมทำงานอย่างหนัก เช่นเดียวกับโค้ชผู้ฝึกสอน ผมต้องการที่จะรู้ว่าผมอยู่ในจุดที่จะพาทีมของผมไปสู่ความสำเร็จ นั่นเป็นปัจจัยสำคัญของแรงผลักดันของผม ผมคงไม่ประสบความสำเร็จในกีฬาประเภทเดี่ยว
“สำหรับสองคนนั้นมีเรื่องของความท้าทายด้านสภาพจิตใจ ดังนั้นผมมีเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยม ผมพึ่งพาพวกเขาในการช่วยผมในช่วงที่ผมไม่ได้อยู่ในจุดที่ควรจะอยู่ นั่นเป็นข้อดีของการเล่นกีฬาประเภททีม ผมยกย่องคนที่สามารถรับมือได้เพียงคนเดียว เพราะนี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
“นั่นคือกีฬา คุณจะต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ตกต่ำ ทุกอย่างไม่สามารถเป็นไปตามที่เราต้องการได้ หลายครั้งคุณจะเรียนรู้จากความพ่ายแพ้มากกว่าจากชัยชนะ
“ชัยชนะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่การประเมินตัวเองในช่วงเวลาที่เราพบเจอกับความพ่ายแพ้หรือยากลำบาก เป็นสิ่งที่แตกต่างออกไปมาก”
สำหรับปัญหาสุขภาพจิตใจของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ จากข้อมูลของ Athlete365 โปรเจ็กต์ของโอลิมปิกที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนนักกีฬาโอลิมปิกในแง่มุมต่างๆ เปิดเผยว่า จากบทสำรวจนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,000 คนเมื่อปี 2020 พบว่า 32% ตอบรับกลับมาว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาพบเจอคือปัญหาด้านสุขภาพจิตใจ จากวิฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิดตลอดปีที่ผ่านมา
อ้างอิง: