×

TMBAM ปิด 2 กองทุนตราสารหนี้เซ่นไวรัส TMB โดดอุ้มผู้ถือหน่วย

โดย efinanceThai
27.03.2020
  • LOADING...
TMBAM Eastspring

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย (TMBAM Eastspring) แจ้งว่า สืบเนื่องจากภาวะวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง โดยปรากฏในตลาดการเงิน ตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงตลาดตราสารหนี้ด้วยนั้น

 

สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีความแตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้อื่นๆ ในอุตสาหกรรม โดยมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศสูงตามที่ระบุในหนังสือชี้ชวนโครงการ (ไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน) ซึ่งแม้ว่าสินทรัพย์ที่กองทุนทั้งสองลงทุนจะอยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และมากกว่าร้อยละ 70 มีอันดับเครดิตในระดับ A (-) ขึ้นไป

 

แต่การเร่งตัวขึ้นของวิกฤตการณ์ไวรัสในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดแรงเทขายอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนจากผู้ถือหน่วยลงทุนไทยในทั้งสองกองทุน เพื่อถือเงินสดโดยเร็ว

 

โดยยอดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนของทั้งสองกองทุนนับแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของแต่ละกองทุน ขณะที่สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่เกิดการระบาดรุนแรงของโควิด-19 กลับเบาบาง และเป็นที่เชื่อได้ว่า การเทขายอย่างรุนแรงจะยังคงมีได้ต่อเนื่อง ซึ่งการเร่งการขายสินทรัพย์ในตลาดตราสารหนี้ต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้

 

ในช่วงที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน เช่น การชะลอระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน จาก T+1 และ T+2 ของทั้งสองกองทุนตามลำดับเป็น T+5 เพื่อให้ทางผู้จัดการกองทุนสามารถรักษาประสิทธิภาพในการซื้อ-ขาย ตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีคุณภาพในพอร์ตการลงทุนภายใต้สภาวะที่ตลาดไม่ปกติเช่นนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านราคาแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน แต่ก็ยังคงไม่สามารถชะลอแรงขายกองทุนได้

 

เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ตามข้อกำหนดของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และโครงการจัดการกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน ได้แก่

 

1. ยกเลิกธุรกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดสำหรับรายการที่มีผลในวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยไม่ขาย ไม่รับซื้อคืน หรือไม่รับสับเปลี่ยน หน่วยลงทุนตามคำสั่งซื้อ คำสั่งขายคืน หรือคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนที่ได้รับไว้ทั้งหมดของกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูนและกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ตามประกาศที่ผ่านมา โดยคำสั่งและรายการที่มีผลในวันก่อนหน้าทั้งหมดจะยังคงได้รับการดำเนินการ และได้รับเงินค่าขายคืนตามกำหนด

 

ทั้งนี้ การยกเลิกคำสั่งโดยการไม่ขาย ไม่รับซื้อคืน หรือไม่รับสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนตามคำสั่งซื้อ คำสั่งขายคืนหรือคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยบริษัทฯ ได้รับความเห็นชอบของผู้ดูแลผลประโยชน์ของกองทุนแล้ว

 

2. เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน และเป็นไปตามโครงการจัดการกองทุนรวมข้อ 22.1 ข้อ 6 ซึ่งระบุว่า บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิในการพิจารณาเลิกโครงการในกรณีที่บริษัทจัดการไม่สามารถนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่ระบุไว้ในโครงการได้

 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด จึงมีความจำเป็นต้องเลิกกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ โดยบริษัทจัดการดำเนินการตามขั้นตอนการเลิกกองทุนรวม ระยะเวลาการเลิกกองทุน และการชำระบัญชีกองทุนทั้งสองกอง ซึ่งเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

 

อนึ่ง การดำเนินการดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนเป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน และสำหรับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอื่น ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศยังคงมีสภาพคล่องสูง และยังอยู่ภายใต้มาตรการดูแลสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ที่ภาครัฐออกมา นอกจากนั้นธนาคารพาณิชย์เองยังมีมาตรการเฉพาะที่จะช่วยรองรับอีกด้วย

 

TMB ปล่อยกู้เพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้า TMBAM ที่ถูกปิด 2 กองทุน

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า ได้ออกโปรแกรมช่วยเหลือสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ถือกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร หรือแม้จะไม่ใช่ลูกค้าของธนาคารก็ตาม โดยหากท่านใดมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในระยะสั้น สามารถนำหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อตามโปรแกรมช่วยเหลือกับทีเอ็มบีได้ ซึ่งธนาคารประเมินว่า โปรแกรมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่อาจจะมีสภาพคล่องตึงตัวในระหว่างที่รอ บลจ. ทหารไทย อีสท์สปริงดำเนินการขายตราสารคุณภาพดี ซึ่งได้กระจายการลงทุนอยู่ทั่วโลก เพื่อนำเงินลงทุนมาจัดสรรคืนผู้ถือหน่วย

 

สำหรับกองทุนทั้งสองที่ประกาศไม่รับซื้อและขายคืน เมื่อดูจากคำชี้แจงของ บลจ. ทหารไทย อีสท์สปริงก็พบว่า ทั้งสองกองทุนมีลักษณะที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศค่อนข้างสูง แต่ยังคงมั่นใจในภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมตราสารหนี้ของไทย อีกทั้งยังมีมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็จะเข้ามาช่วยเสริมให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้

 

เสริมสภาพคล่องระยะสั้น

สำหรับทีเอ็มบีนั้น ถึงแม้ปัจจุบันจะถือหุ้นใน บลจ. ทหารไทย อีสท์สปริงเหลือเพียง 35% แต่เป็นความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายย่อย

 

นอกจากนั้นสำหรับลูกค้าทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ขอให้สบายใจได้ว่า ท่านจะยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ โดยธนาคารมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านสภาพคล่อง เงินทุน รวมถึงระบบงานต่างๆ ในการรองรับและให้บริการภายใต้ภาวการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงนี้

 

ทั้งนี้ บลจ. ทหารไทย อีสท์สปริง ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุว่า การระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก ตลาดสินทรัพย์ทุกประเภทล้วนเผชิญแรงเทขายด้วยความวิตกหรือ Panic Sell ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดเงิน รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ผลกระทบจาก Panic Sell นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้มีลักษณะแตกต่างจากกองทุนอื่นๆ เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยลงทุนในตราสารที่มีคุณภาพดีและมีอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่มน่าลงทุน หรือที่เรียกว่า Investment Grade แต่เมื่อผู้ถือหน่วยขายคืนพร้อมๆ กัน ในขณะที่มีแรงซื้อในตลาดค่อนข้างเบาบาง จึงส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ตกแรงและเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่สะท้อนถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีที่อยู่ในพอร์ตกองทุนรวม

 

อย่างไรก็ดี เพื่อหยุด Panic Sell ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้ของ บลจ. ทหารไทย อีสท์สปริงปรับกลยุทธ์เพื่อบรรเทาแรงขาย โดยการชะลอระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน 

 

อย่างไรก็ดี วิธีการดังกล่าวก็ไม่สามารถชะลอแรงขายได้ ในที่สุดจึงประกาศไม่รับซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนใน 2 กองทุนข้างต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อคุ้มครองเงินลงทุนของลูกค้าไม่ให้เสียมูลค่าจากแรงเทขาย และรักษาผลประโยชน์ให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน โดยหลังจากนี้ บลจ. ก็จะทยอยขายตราสารอื่นๆ ในพอร์ตให้ได้ราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า และนำเงินมาจัดสรรคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุน

 

นายกสมาคม บลจ. ยันไม่กระทบอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

วศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (นายกสมาคม บลจ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหน่วยลงทุน จนเกิดการตื่นตระหนกไถ่ถอนอย่างรุนแรงในช่วงปลายสัปดาห์ (20 มีนาคม 2563) ที่ผ่านมานั้น

 

เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง หากเกิดขึ้นเฉพาะกับสองกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ. แห่งหนี่ง เพื่อหยุดยั้งความตื่นตระหนกของผู้ถือหน่วยลงทุน กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สมาคมธนาคารไทย และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมฯ) ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา สถานการณ์ของอุตสาหกรรมโดยรวม ณ ปัจจุบัน ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงตลาดตราสารหนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น

 

เนื่องจากสถานการณ์ของกองทุนตราสารหนี้ดังที่กล่าวไปได้ถูกไถ่ถอนจนถึงระดับที่ไม่สามารถสร้างสมดุลได้ระหว่างความเสี่ยงและสภาพคล่อง เพื่อรองรับการไถ่ถอนอย่างมาก ทาง บลจ. แห่งนั้นจึงจำเป็นต้องประกาศขอยกเลิกโครงการกองทุนของสองกองทุนดังกล่าว เพื่อผลประโยชน์ผู้ถือหน่วยลงทุน

 

ทางสมาคมฯ ขอเรียนว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุเฉพาะที่เกิดกับกองทุนนั้น และผลกระทบของการประกาศ ขอยกเลิกโครงการกองทุนจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้

 

– มาตรการที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้ช่วยสร้างเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ดีขึ้นสะท้อนถึงมูลค่าต่อหน่วยลงทุน และมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนน้อยลง

 

– ธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีมาตรการเพิ่มเติมในวันที่ 24 มีนาคม 2563 ผ่อนผันให้กองทุนตราสารหนี้ สามารถสร้างสภาพคล่องเพิ่มเติมจากเดิมที่ 10% เป็น 30% (Repurchase Agreement – REPO) ในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน

 

– การประกาศขอยกเลิกโครงการกองทุนของสองกองทุนดังกล่าว อันเกิดการไถ่ถอนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดตราสารหนี้ได้ และ ณ ปัจจุบันสัดส่วนของขนาดกองทุนรวมของทั้งสองกองมีขนาดลดลงไปมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวม ผลกระทบจะน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ สมาคมฯ ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจะมีปัจจัยอื่นมากระทบอีกหรือไม่ โดยเชื่อมั่นว่า มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทยครอบคลุมและเพียงพอ ขณะที่ผู้จัดการกองทุนในหลาย บลจ. ยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดีขึ้น ซึ่งจะใช้เครื่องมือตามมาตรการเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

 

ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com  

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising