นริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า ทาง TMB Analytics ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าทะลุ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าช่วง 10 วันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเงินร้อนที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดเงินของไทย ต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 มีเงินต่างชาติไหลเข้า 7.2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรระยะสั้นที่อายุไม่เกิน 1 ปี
ขณะที่สัปดาห์นี้มองว่า กระแสเงินต่างชาติไหลเข้าในตลาดชะลอลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา และต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะอาจเห็นแรงเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
ทั้งนี้เมื่อมองในระยะ 3 เดือน คาดว่าค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่า เพราะการเกินดุลการชำระเงินที่ไม่สูงเหมือนช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากการท่องเที่ยวและการส่งออกที่หดตัว อย่างไรก็ตาม หากปีหน้าเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้น และการนำเข้าเยอะขึ้น เชื่อว่าการเกินดุลจะปรับลดลง ค่าเงินบาทไม่แข็งค่ามากนัก
ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พรุ่งนี้ (18 พฤศจิกายน 2563) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอาจไม่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าช่วงสิ้นปี 2563 ค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ และช่วงต้นปีหน้าราวไตรมาส 1/63 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.50 บาทต่อดอลลาร์
ฝั่งกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีมุมมองระยะสั้นต่อค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (16-20 พฤศจิกายน 2563) ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปิดที่ระดับ 30.20 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้คาดว่าการประชุม กนง. มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ซึ่งสัปดาห์ก่อน (9-13 พฤศจิกายน 2563) ค่าเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 10 เดือนครั้งใหม่ ตามปัจจัยหนุนจากความชัดเจนเรื่องผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และข่าวการพัฒนาวัคซีนหนุนเงินทุนไหลเข้า
ด้าน จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS CIO) กล่าวว่า ทิศทางเงินบาทในอนาคตไม่น่าปรับตัวแข็งค่าต่อได้เร็วมากถ้าไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในปีนี้ เพราะอาจต้องรอให้มีการผลิตยาต้านไวรัสเกิดขึ้นก่อน โดยช่วงสิ้นปี 2563 คาดว่าเงินบาทจะซื้อขายที่ระดับ 30.80 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ปี 2564 เชื่อว่า สกุลเงินเอเชียและเงินบาทจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้มีกระแสเงินลงทุนกลับเข้าในฝั่งเอเชียและไทยมากขึ้นกว่าปีนี้ ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าจากนโยบายการคลังในสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะสูงกว่าประเทศอื่น จึงประเมินว่าเงินบาทจะแข็งค่าสู่ระดับ 29.7 บาทต่อดอลลาร์ภายในปลายปี 2564
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
