×

บล.ทิสโก้ เปิดกำไรฯ บจ. Q1/63 ติดลบ 58% แนะ 4 กลุ่มลงทุนช่วงปลดล็อกโควิด-19

19.05.2020
  • LOADING...

วันนี้ (19 พฤษภาคม) อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ผลกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาสที่ 1/63 รวม 113 บริษัทพบว่า มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 7.87 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) ที่มองไว้ที่ 1.11 แสนล้านบาท แบ่งเป็น

  • บริษัทที่มีผลประกอบการดีกว่าคาดมีอยู่ 45 บริษัท 
  • บริษัทที่มีผลประกอบการแย่กว่าคาดมีอยู่ 41 บริษัท
  • บริษัทที่มีผลประกอบการตามคาดมีอยู่ 27 บริษัท 

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลทำให้ต้นเดือนพฤษภาคมถึงปัจจุบัน นักวิเคราะห์ในตลาดเริ่มปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งปี 2563 ลงประมาณ 5.2% เหลืออยู่ที่ระดับ 69.7 บาทต่อหุ้น และยังปรับลดประมาณการฯ ในปี 2564 ลง 3.3% เหลือ 85.6 บาทต่อหุ้น 

 

ขณะเดียวกัน ยังปรับระดับการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในแต่ละไตรมาสลดลงเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสการปรับขึ้นของดัชนี (Upside) ที่จำกัด และถึงแม้ปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากสิ้นเดือนเมษายน แต่ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยกลับตึงตัวมากขึ้นจากประมาณการกำไรของตลาดที่ถูกปรับลง ส่งผลให้อัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า 12 เดือน (12m Fwd. PER) ของหุ้นไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.5 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 16.6 เท่า 

 

อย่างไรก็ตาม ระดับราคาที่สูงนี้อาจดูไม่สมเหตุสมผลท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวรุนแรง และสถานการณ์ไม่แน่นอนในต่างประเทศ ดังนั้น บล.ทิสโก้จึงคงมุมมองการลงทุนช่วงนี้มีมองในกรอบ 1,270-1,330 จุด โดยใช้กลยุทธ์ลงซื้อ-ขึ้นขาย

 

นอกจากนี้ จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสที่ 1/63 (ไม่นับรวมตลาด mai) จำนวน 552 บริษัท หรือคิดเป็น 89% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดที่ 621 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2563) มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

 

กำไรสุทธิรวม 1.09 แสนล้านบาท ลดลง 58% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลง 50% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 (QoQ) ซึ่งกำไรสุทธิปรับลดลงจากบางกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น

  • กลุ่มพลังงาน (ENERG) ที่พลิกขาดทุนสุทธิ 2.05 หมื่นล้านบาท
  • กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) ที่ขาดทุนสุทธิ 6.84 พันล้านบาท เนื่องจากมีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันเป็นจำนวนมาก และมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาท
  • กลุ่มเหล็ก (STEEL) และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) มีผลขาดทุนต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มีกำไรลดลงมากเช่นกันทั้ง YoY และ QoQ เป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลจากการเริ่มแพร่ระบาดของโควิด-19 และบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีใหม่ 

 

กลุ่มที่มีสัดส่วนกำไรมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 

  1. กลุ่มธนาคาร (BANK) มีกำไรสุทธิรวม 5.03 หมื่นล้านบาท
  2. กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)  มีกำไรสุทธิรวม 1.60 หมื่นล้านบาท
  3. กลุ่มพาณิชย์ (COMM) มีกำไรสุทธิรวม 1.36 หมื่นล้านบาท
  4. กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) มีกำไรสุทธิรวม 1.13 หมื่นล้านบาท
  5. กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) มีกำไรสุทธิรวม 1.11 หมื่นล้านบาท

 

ปัจจัยที่ต้องจับตามองในระยะต่อไป คือช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2563 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประกาศรายชื่อหุ้น SET50 / SET100 Index ชุดใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 ธันวาคม 2563 โดยคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า-ออกดัชนี SET50 / SET100 ในเบื้องต้น 

– หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 คือ TTW และ M จะเข้ามาแทนหุ้น BANPU และ WHA ที่คาดว่าจะตกชั้นไปอยู่ใน SET100 
– หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 คือ M, ACE, BLA, TPIPL, TVO, BFIT, BLAND, EASTW, WHAUP, SPCG และ DOHOME จะแทนหุ้น PSL, BGC, STPI, ERW, BEC, TKN, RS, ORI, THAI, EPG และ SUPER 


ส่วนการประกาศการทบทวนดัชนีของ MSCI รอบนี้ที่จะมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ มีหุ้นไทย 3 บริษัทได้รับคัดเลือกเข้าดัชนี MSCI Global Standard คือ AWC, BAM และ KTC และออก 1 บริษัท คือ BANPU

ขณะที่ดัชนี MSCI Small Cap มีหุ้นเข้า 1 บริษัท คือ BANPU และออก 16 บริษัท คือ ANAN, BEAUTY, BEC, ERW, GGC, ITD, LPN, PLAT, PSL, GLOBAL, SVI, TTA, U, UNIQ, UV และ WORK 

 

ทั้งนี้ทาง บล.ทิสโก้ มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจระยะสั้น คือ

  1. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทยอยผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ และราคายังมีโอกาสปรับขึ้น คือ CPALL, HMPRO, BEM และ BTS 
  2. หุ้นที่งบดีกว่าคาด ตลาดมีโอกาสปรับประมาณการกำไรและเป้าหมายราคาหุ้นขึ้น คือ CBG, COTTO, CPF, GLOBAL, LPH, PYLON, SMPC และ SYNEX 
  3. หุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 น่าจะดีขึ้น จากไตรมาส 1 คือ  AP, PRM, PTTEP, TASCO, และ TWPC 
  4. หุ้นเข้า MSCI แนะนำ BAM และหุ้นเก็งเข้า SET50 / SET100 คือ TTW / ACE, TVO และ WHAUP ตามลำดับ 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

 


 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising