กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 5,415 ล้านบาท เติบโต 8.5% จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 5.0% ขณะที่หนี้เสียลดลงเหลือ 2.1% เตรียมขยายสาขาของ สมหวัง เงินสั่งได้ เพิ่มขึ้นเป็น 450 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รับกระแสเศรษฐกิจฟื้นตัว
ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวในทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ภาคการเกษตรและการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงมาตรการพยุงการบริโภคของภาครัฐ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวของกลุ่มทิสโก้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อ SMEs และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมในธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วย NPL Ratio ที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.1% และอัตราการตั้งสำรองทางเครดิตยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 248% เพียงพอต่อการรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนยังคงชะลอตัวเมื่อเทียบกับฐานที่สูงของปีก่อนหน้า รวมถึงการรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน เนื่องจากผลกระทบของภาวะตลาดที่ผันผวน
ศักดิ์ชัยกล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้จะทยอยเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อโดยรวมยังคงมีความเปราะบางจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่กำลังเริ่มฟื้นตัวกลับมา ทั้งนี้ ธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้จะเข้าไปช่วยเติมสภาพคล่องในระบบการเงินให้แก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการขนาดเล็ก ผ่านการขยายสาขาของสมหวัง เงินสั่งได้ ที่ตั้งเป้าการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 450 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากเป้าหมายเดิมที่ 400 สาขา
“เราจะยังคงดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในธุรกิจที่เห็นโอกาสและตอบโจทย์สังคม พร้อมยึดมั่นในนโยบายการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบและรัดกุม ผสมผสานกับการให้คำแนะนำที่ดี และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า รวมถึงช่วยเหลือดูแลลูกค้าในทุกกลุ่มไปพร้อมกัน” ศักดิ์ชัยระบุ
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีจำนวน 213,188 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากสิ้นปีก่อนหน้า ขณะที่ระดับฐานะเงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 24.3% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 20.2% และ 4.2% ตามลำดับ