สายการบิน Emirates เคยรายงานการขาดทุน 1.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 แต่เมื่อ 1 ปีผ่านไป รายรับในช่วง 6 เดือนจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 เพิ่มขึ้น 131% เป็น 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้มีผลกำไรครึ่งปีแรกราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของสายการบินในการตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วภูมิภาค
Emirates เชื่อว่าประสิทธิภาพการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของสายการบิน ได้รับแรงหนุนจากกระแสความต้องการของผู้โดยสารสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ การฟื้นตัวนี้ทำให้กลุ่มบริษัท Emirates เพิ่มจำนวนพนักงานขึ้น 10% เป็น 93,893 คน เพื่อเตรียมพร้อมให้ทั้งสายการบินและบริษัทในเครือ Dnata ที่ให้บริการสนามบินของกลุ่ม ได้ดำเนินการสรรหาบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการในอนาคต
การเร่งเตรียมพร้อมรับมือความต้องการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วงหลังโลกผ่อนคลายมาตรการโควิดนั้นเป็นเรื่องที่โลกให้ความสนใจมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเซอร์ ทิม คลาร์ก ที่หมั่นให้สัมภาษณ์เพื่อบอกโลกก่อนหน้านี้ว่า ตัวเขาไม่เห็นวี่แววเลยที่ความต้องการเดินทางของชาวโลกจะหดตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘American Airlines’ เตรียมยุติข้อตกลง ‘Mesa Airlines’ หวั่นปัญหาการเงินและภาวะขาดแคลนนักบินลาม
- โจทย์ยาก ‘การบินไทย’ ฟื้นฟูกิจการ ฝ่าหลุมอากาศใหญ่ หากยังหาแหล่งทุนใหม่ไม่ได้
- ผู้คนกำลังออกเดินทางท่องเที่ยว แต่สายการบินกลับเจอปัญหา Boeing และ Airbus ผลิตเครื่องบินลำใหม่ไม่ทัน
ไม่ว่าสนามบินจะมีความโกลาหลยุ่งเหยิงเพียงใด หรือว่าจะมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจขนาดไหน ความมั่นใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบนงานมโน แต่เป็นการเดิมพันจากประสบการณ์ 50 ปีของประธานสายการบิน Emirates ที่กำลังเตรียมเกษียณจากตำแหน่งงานเต็มเวลา
จากพนักงานเช็กอินสู่ประธานสายการบิน
เซอร์ ทิม คลาร์ก เป็นหนึ่งในผู้บังคับบัญชาธุรกิจสายการบินเพียงไม่กี่คนที่ถูกขอเซลฟีบ่อยๆ เมื่อเข้าร่วมสุดยอดการประชุมระดับโลก เหตุผลเป็นเพราะเซอร์ ทิมคือตำนานแห่งอุตสาหกรรมสายการบินที่ยังมีชีวิต หลังจากเข้าร่วมอุตสาหกรรมนี้ในปี 1972
ภาพ: Christian Marquardt / Getty Images
วันนี้เซอร์ ทิม คลาร์ก ดึงประสบการณ์จากการเป็นพนักงานเช็กอิน รวมถึงการเป็นส่วนสำคัญในฐานะนักวางแผนที่ปูทางสู่การเติบโตของสายการบิน Emirates ที่เริ่มต้นธุรกิจด้วยเครื่องบิน 2 ลำในปี 1985 จนสามารถดันให้ Emirates เป็นสายการบินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
พ่อของเซอร์ ทิมเป็นกัปตันเรือบรรทุกน้ำมัน ดังนั้นการเดินทางทั้งทางน้ำและในอากาศจึงอยู่ในสายเลือดของเซอร์ ทิม ผู้ซึ่งชอบการล่องเรือเป็นงานอดิเรก แม้ว่าเชื้อชาติครอบครัวจะมาจากเบอร์มิงแฮม แต่เด็กชายทิมเติบโตในอารูบาแห่งทะเลแคริบเบียน จากนั้นก็ใช้ชีวิตในต่างประเทศอย่างมีความสุขกับการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างเป็นสากล เจ้าหนูทิมหลงใหลในทุกสิ่งเกี่ยวกับการบินตั้งแต่ตอนที่ได้อาศัยอยู่ในเกาะบอร์เนียวที่มาเลเซีย เมื่ออายุ 5 ขวบ ทิม คลาร์ก ผูกใบปาล์มไว้ที่แขนและพยายามบิน
ไม่กี่ปีถัดมา หนุ่มน้อยทิมมักจะเดินทางคนเดียวในฐานะผู้เยาว์ที่เดินทางโดยลำพังระหว่างอังกฤษกับพื้นที่ห่างไกลหลายแห่ง แม้ในวัยเด็ก คลาร์กมีความทรงจำที่ละเอียดถี่ถ้วนสำหรับรายละเอียดเล็กน้อยของการตกแต่งภายในเครื่องบินที่ใช้ในยุคทองของการเดินทางทางอากาศ ข้อมูลจากความทรงจำที่แม่นยำที่สุด ทิม คลาร์กเผยกับสื่อต่างประเทศว่า เที่ยวบินแรกของเขาเกิดขึ้นในปี 1960 บนเครื่องบิน Boeing 707 ของ Air India
หลังจากจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ เซอร์ทิมได้งานแรกกับสายการบินเอกชนอิสระ British Caledonian (BCal) การทำงานที่เคาน์เตอร์เช็กอินที่ลอนดอน/แกตวิก ทำให้เซอร์ ทิมได้เห็นยุคแรกของธุรกิจการบินราคาประหยัดที่ไม่มีการจอง และคนที่พลาดเที่ยวบินจะได้สิทธิ์อยู่หัวแถวของเที่ยวบินในวันรุ่งขึ้นแบบไม่ต้องกังวล
ความทึ่งนี้ทำให้หนุ่มทิมในวัย 22 ปีไม่มีความสุขกับ BCal และรู้ทันทีว่า “สิ่งนี้คงอยู่ไม่ได้ ทั้งหมดนี้ผิด มันไม่ยั่งยืนในอีก 20 ปีข้างหน้า” โดยทิมให้สัมภาษณ์ว่า นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจลาออก และไปทำงานที่สายการบินอายุน้อยและมีปัญหาในบาห์เรน ชื่อว่า Gulf Air
ประสบการณ์ที่ BCal ทำให้หนุ่มทิมรู้จักธุรกิจการบินในระดับลูกค้าสัมพันธ์ แต่ทิมอยู่กับสายการบินนี้ได้เพียง 2-3 ปี เพราะการไม่ได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมวางแผนแก้วิกฤตอย่างเต็มที่ เวลานั้นธุรกิจสายการบินเข้าสู่ปีแห่งวิกฤต เพราะการเกิดสงครามอาหรับ-อิสราเอลในปี 1973 ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น 4 เท่า และทำให้สายการบินต่างๆ ทั่วโลกเริ่มเลือดไหลแทบหมดตัว ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ตามมาทำให้ความต้องการเดินทางลดลงอย่างมาก และสายการบินอย่าง BCal ต้องลดต้นทุนและปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าจะอยู่รอดได้
ในฐานะนักวางแผนหนุ่ม เซอร์ ทิม มุ่งหน้าสู่ตะวันออกกลางเพื่อรับตำแหน่งใหม่กับ Gulf Air ซึ่งเป็นสายการบินที่กำลังเติบโต แต่ต้องการการวางแผนกลยุทธ์ ตรงนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในอาชีพการงานของดาวรุ่งอย่างคลาร์ก เพราะมีส่วนร่วมได้มากขึ้น เร็วกว่า และมีความหมายมากกว่าที่เคยเป็น ทำให้อีก 10 ปีต่อมา Gulf Air ก็กลายเป็นสายการบินระดับโลก
ระหว่างที่เซอร์ ทิมเข้าร่วมกับ Gulf Air ในปี 1975 และจากไปในปี 1985 สายการบิน Gulf Air มีความเปลี่ยนแปลงชัดเจน บริษัทเช่าฝูงบินลำใหญ่ทันสมัยและมีความสามารถมากขึ้น และขยายเครือข่ายไปยังเมืองต่างๆ เช่น อัมสเตอร์ดัม, กรุงเทพฯ, เดลี, ฮ่องกง และปารีส สายการบินเข้าร่วมกับ IATA ในปี 1981 ตอกย้ำสถานะการเป็นแบรนด์ระดับโลก
ผลงานนี้ทำให้เซอร์ ทิมได้รับการทาบทามจากผู้นำในดูไบให้ย้ายเข้ามาและช่วยเหลือสายการบินขนาดเล็กในพื้นที่ และในขณะนั้น Gulf Air กำลังพยายามที่จะโอนสัญชาติ และคลาร์กรู้ว่างานของตัวเองจะต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอีกครั้ง คลาร์กจึงตอบเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนให้สายการบินใหม่นี้ในช่วงฤดูร้อนปี 1983 ซึ่งเดือนตุลาคมปีนี้เองที่สายการบิน Emirates เริ่มทำการบินครั้งแรก
คลาร์กให้สัมภาษณ์กับ simpleflying.com ว่า Emirates เกิดขึ้นในเวลานั้น และ “ผมก็อยู่กับมันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
เซอร์ ทิมเล่าว่าทีมของเขาเป็น ‘ทีมเล็กๆ’ ที่ถูกนำเข้ามาเพื่อเติมชีวิตชีวาให้กับ Emirates ภายใต้การดูแลของ มอริซ ฟลานาแกน (Maurice Flanagan) อดีตผู้บริหารสายการบินBritish Airways, Gulf Air และ BOAC ซึ่งตอนนั้นมีผู้เดินทางเพียง 10 คนเท่านั้นที่มาถึงดูไบเพื่อเปิดตัวสายการบินใหม่นี้
งานที่ Emirates ไม่ใช่เรื่องง่าย ทิม คลาร์ก เทียบว่าเวลานั้นเป็นเหมือนกระดาษว่างเปล่าแผ่นเดียว ไม่มีเงินหนา มีเพียงเงินสด 10 ล้านดอลลาร์ที่ทีมจะต้องสร้างสายการบิน และรวบรวมกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญในทุกสาขาตามที่วางแผนไว้ สิ่งที่ทีมงานทำคือการเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าอะไรเป็นไปได้ และอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับสายการบินใหม่นี้ ซึ่งในเวลานั้นถูกจำกัดอย่างมากในแง่ของการเข้าถึงตลาดระดับภูมิภาค
เซอร์ ทิม คลาร์ก อธิบายในภายหลังว่า ได้คิดกับตัวเองว่า Emirates จะต้องไปต่างประเทศอย่างรวดเร็ว และมั่นใจว่าสามารถทำได้ เพราะการแข่งขันในเวทีนั้นน้อยมาก นอกจากนี้ ตัวเขายังเป็นผู้ศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ในกระแสโลกาภิวัตน์ แม้ในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 ดังนั้น Emirates จึงเริ่มซื้อเครื่องบิน A310 และก้าวเข้าสู่ตลาดต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยอิงจากผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่ง Emirates ไม่เคยและจะไม่เบี่ยงเบนไปไหนอย่างแน่นอน
“มันเป็นเพียงประเด็นเรื่องปริมาณ ยิ่งเราทำมากเท่าไร เห็นได้ชัดว่ารูปแบบธุรกิจนี้ไปได้ดีบนหลังกระแสโลกาภิวัตน์ที่เริ่มขึ้นในช่วงปลายยุค 80 กลางทศวรรษที่ 90” เซอร์ ทิมให้สัมภาษณ์ไว้ถึงความสำเร็จของโมเดลนี้ ที่เห็นชัดในช่วงขวบปีแรกๆ ที่สายการบิน Emirates เปิดทำการ จนทำให้กำไรของ Gulf Air ลดลง 56% และล้มเลิกแผนการโอนสัญชาติ รวมถึงเข้าสู่ภาวะขาดทุนในปี 1986
ในปี 2003 ทิม คลาร์ก ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของสายการบิน Emirates หลังจากใช้เวลาเกือบ 18 ปีในการสร้างอาณาจักรสายการบิน แน่นอนว่า Emirates ไม่ได้พลิกโฉมแค่อุตสาหกรรมการบินเท่านั้น แต่สามารถเปลี่ยนแปลงดูไบด้วย จากเมืองทะเลทรายฝุ่นตลบที่มีประชากรไม่ถึง 400,000 คนในปี 1985 แต่เมื่อทิม คลาร์กขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน เมืองนี้ก็เติบโตขึ้นเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยมากกว่าล้านคน และเป็นอัญมณีแห่งมงกุฎของตะวันออกกลาง โดยปัจจุบันมีผู้คนมากกว่า 3.4 ล้านคนอาศัยอยู่ในดูไบ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำแนะนำของทิม คลาร์กเกี่ยวกับนโยบาย การออกแบบเครื่องบิน และการเดินทางระยะไกล ได้หล่อหลอมโลกการบินสมัยใหม่ให้เป็นไปอย่างที่นักเดินทางทราบกันดี ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของสายการบินและเครื่องบินของทิม คลาร์ก บวกกับความตรงไปตรงมาที่เป็นมิตร และการไม่เคยอายที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ ทำให้ทิม คลาร์กกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรม จนได้รับพระราชทานยศอัศวินจากสหราชอาณาจักร
เสียงที่ไม่เหมือนใคร
เซอร์ ทิม คลาร์ก เป็นประธานสายการบินที่มีชื่อเสียงเรื่องการให้ความเห็นที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการแสดงความกังวล (อีกครั้ง) ถึงกรณีที่ผู้ผลิตเครื่องบินไม่ได้มุ่งเน้นผลิตเครื่องบินรุ่นที่มีความจุสูงขึ้น เช่น แอร์บัส A380 อีกต่อไป สำหรับเซอร์ ทิม เรื่องนี้จะเป็นปัญหาในอนาคต เนื่องจากสนามบินในส่วนต่างๆ ของโลก (เช่น ลอนดอน) จะไม่รองรับเที่ยวบินใหม่อีกต่อไป
สมมติฐานของทิม คลาร์ก คือจำนวนผู้โดยสารทั่วโลกจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอัตรา 4-6% ต่อปี ในขณะที่จำนวนช่องที่สนามบินยังคงจำกัด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีเครื่องบินขนาดใหญ่ แม้ว่าสายการบิน Emirates มีเครื่องบินแอร์บัส A380 จำนวน 118 ลำ โดยแต่ละลำจุผู้โดยสารได้เกือบ 500 คน (ในชั้นประหยัดพรีเมียม) แต่ทิม คลาร์กเชื่อว่าเมื่อเครื่องบินรุ่นเหล่านี้เก่าลง ก็จะไม่มีเครื่องบินรุ่นใดมาทดแทนได้
ข้อเสนอของเซอร์ ทิมนั้นหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ A380 ควรได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย โดยมีปีกและลำตัวเครื่องบินประกอบ (ทำจากวัสดุที่ซับซ้อนและเบากว่า แต่แข็งแรงกว่า) รวมถึงเครื่องยนต์ที่ประหยัดกว่า ซึ่งสามารถลดการใช้เชื้อเพลิงลงได้ 25% เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน นอกจากนี้ เซอร์ ทิม คือคนเดียวที่ส่งเสียงว่า ‘ยินดีรับเครื่องบินที่ไม่มีหน้าต่าง’ เพราะ “ผมสามารถสร้างหน้าต่างแต่ละบานได้ด้วยกล้องดิจิทัล”
ในมุมมองของเซอร์ ทิม ประโยชน์ของการโละหน้าต่างคือ การขจัดน้ำหนักที่สะสมอยู่ในลำตัวเครื่องบิน คำพูดนี้วิจารณ์เครื่องบินอย่างเปิดเผยและชี้ให้เห็นความจริงที่ว่า บางสิ่งในเครื่องยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจาก Emirates แล้ว ยังไม่มีสายการบินอื่นใดในโลกที่ระบุว่ามีความต้องการเช่นนี้ ซึ่งทำให้สายการบิน Emirates อยู่ในสถานะที่ค่อนข้างพิเศษ
สำหรับช่วงเปิดประเทศหลังโควิด Emirates กำลังดึงกระแสให้ผู้คนนึกถึงเที่ยวบินเชิงพาณิชย์เมื่อหลายสิบปีก่อน ที่มีเมนูอาหารหลายคอร์สสุดหรูหรา ซึ่งสวนทางกับที่นั่งคับแคบ และถุงถั่วขบเคี้ยวที่นักเดินทางมักต้องทำใจให้ชิน โดยสายการบิน Emirates ได้ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อลดภาวะการเดินทางที่ตึงเครียดของผู้โดยสาร ทำให้การเดินทางครั้งใหม่ของผู้โดยสารเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานที่สุดอีกครั้ง
สัญญาณที่บอกถึงภาวะการเดินทางที่อาจตึงเครียดในช่วงหลังโควิดคือปัญหาการหยุดชะงักของซัพพลายในธุรกิจการบินที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว จึงทำให้สายการบินต่างๆ ต้องมองหาวิธีที่สามารถทำได้ เพื่อบริหารจัดการให้ดีขึ้นบนต้นทุนที่ไม่อาจปล่อยให้งอกเงยได้มากกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งแม้จะขาดแคลนพนักงานและการสูญเสียเงินหมุนเวียนของสายการบินที่เกิดจากโรคระบาด แต่ความต้องการเที่ยวบินนั้นเกินเป้าในปี 2019 แล้ว แม้แต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา หลายสายการบินทำเงินได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 3 เดือน แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแง่ของการบริการ เช่น ตัวเลือกอาหาร บริการเสริม และที่นั่งบนเครื่องบินที่หลายคนรู้สึกเหมือนกำลังลดลง
แต่ Emirates ซึ่งเผชิญกับอุปสรรคการแพร่ระบาดเช่นเดียวกับสายการบินอื่น เลือกที่จะลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์สำหรับเมนูใหม่ ให้สิทธิ์การขอรับจานหรูอย่างคาเวียร์แบบไม่อั้นในกลุ่มผู้โดยสารชั้นหนึ่ง การปรับปรุงที่นั่ง และบริการส่วนอื่นๆ ตรงนี้เซอร์ ทิม คลาร์ก ประธานสายการบิน Emirates กล่าวในแถลงการณ์ว่า ในขณะที่บริษัทอื่นตอบสนองต่อแรงกดดันในอุตสาหกรรมด้วยการลดต้นทุน แต่สายการบิน Emirates กำลังต่อสู้ด้วยการลงทุนเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า
ดังนั้น Emirates จึงยังคงเปิดตัวบริการและความคิดริเริ่มใหม่ท่ามกลางการระบาด เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าสามารถเดินทางด้วยความมั่นใจและสะดวกสบาย รวมถึงจะเดินหน้าทำโครงการด้านดิจิทัลเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าภาคพื้นดินคู่ไปด้วย
ที่ผ่านมา สิ่งอำนวยความสะดวกที่โดดเด่นที่สุดของสายการบิน Emirates คือสปาอาบน้ำบนเครื่องบิน A380 ซึ่งเหมาะสำหรับการเติมความสดชื่นบนเที่ยวบินสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ยังมีบาร์และเลานจ์บนเครื่องบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบของ A380 ซึ่งมีให้สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ
นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นสายการบินเดียวที่มีข้อตกลงพิเศษในการเสนอแชมเปญสุดหรูยี่ห้อ Dom Pérignon บนเครื่องบิน ผู้โดยสารที่บินในชั้นหนึ่งจะมีไวน์ที่คัดสรรมาให้เลือกระหว่างเที่ยวบิน พวกเขายังมีเมนูอาหารตามสั่งซึ่งสามารถสั่งอาหารที่ปรุงโดยเชฟได้ทุกเมื่อบนเที่ยวบิน ซึ่งรวมถึงตัวเลือกมังสวิรัติด้วยส่วนผสมที่มาจากฟาร์มของ Emirates เอง และเมนูของว่างสไตล์โรงภาพยนตร์ เช่น ป๊อปคอร์น และเบอร์เกอร์
สายการบิน Emirates เพิ่งได้รับ 3 รางวัลจาก Skytrax World Airline Awards 2022 ให้เป็นสายการบินที่มีชั้นประหยัดที่ดีที่สุดในโลก มีอาหารจัดเลี้ยงในชั้นประหยัดที่ดีที่สุดในโลก และมีระบบความบันเทิงบนเที่ยวบินที่ดีที่สุดในโลกเป็นครั้งที่ 17 ติดต่อกัน ระบบความบันเทิงที่มีช่องมากกว่า 5,000 ช่อง รวมถึงภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ รายการฮิตจาก HBO Max กีฬาสด พอดแคสต์ และเพลง
การลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ของ Emirates เป็นเครื่องยืนยันถึงการทำตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่ว่า ‘Fly Better’ การบินที่ดีกว่านี้ รวมถึงการปรับปรุงเพิ่มเติมของสายการบินที่มีกำหนดเสร็จสิ้นในเดือนเมษายน 2025 เช่น การติดตั้งที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียม (Premium Economy) 4,000 ที่นั่ง การปรับที่นั่งชั้นธุรกิจกว่า 6,000 ที่นั่งให้เป็นดีไซน์ใหม่ ขณะที่ห้องชุดสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งจะได้รับการปรับปรุงใหม่เช่นกัน
ก้าวถัดไปของเซอร์ ทิม
เซอร์ ทิม คลาร์ก ระบุว่าจะยังคงทำหน้าที่ ‘ซัพพลายเออร์’ เพื่อผลักดันสิ่งที่ดีขึ้นต่อไป ไม่เพียงแต่สำหรับสายการบิน แต่สำหรับผู้โดยสารด้วย
ก่อนหน้านี้ เซอร์ ทิม คลาร์ก ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2019 แม้ว่าวันลาจากตำแหน่งจะถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากโรคระบาด แต่การถอยออกจากสายการบิน Emirates ก็ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ ตัวเขาวางแผนจะคอยให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลดูไบในเรื่องการบินในอนาคต ขณะเดียวกันก็จะเข้าร่วมโครงการพิทักษ์สัตว์ป่า United for Wildlife ซึ่งดำเนินมาหลายปีแล้ว และทิม คลาร์ก คิดว่าอยากจะมีส่วนร่วมมากกว่านี้
แม้จะได้รับข้อเสนอให้เข้ารับตำแหน่งในระดับคณะกรรมการ แต่ทิม คลาร์กปฏิเสธเพราะกำลังพยายามรักษาสมดุลให้ชีวิตในวัย 71 ปี บนความเห็นตรงไปตรงมาว่า “ผมมีเวลาเหลือไม่มากที่จะทำงานหนักขนาดนั้น”
เป็นความเห็นที่สมเป็น ‘เซอร์ ทิม คลาร์ก’ ประธาน Emirates ผู้คิดและทำแบบสวนทางทุกสายการบิน
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/emirates-airlines-swings-h1-109-bln-profit-travel-recovery-2022-11-10/
- https://www.key.aero/article/sitting-down-emirates-airline-president-sir-tim-clark
- https://simpleflying.com/story-of-sir-tim-clark/
- https://www.forbes.com/sites/jordilippemcgraw/2022/10/30/emirates-airline-is-on-a-mission-to-make-flying-enjoyable-again/?sh=6f4fb0294d33
- https://www.forbes.com/sites/johnstrickland/2021/05/24/sir-tim-clark-steering-emirates-through-the-crisis/?sh=6dc4f2242577
- https://gulfnews.com/business/aviation/emirates-to-spend-15-billion-to-retrofit-aircraft-with-premium-economy-seats-1.87026442
- https://www.cnbc.com/2022/06/20/emirates-travel-demand-unlikely-to-dissipate-despite-airport-chaos.html
- https://www.cnbc.com/2022/08/25/unlimited-caviar-and-popcorn-how-emirates-is-wooing-luxury-travelers.html
- https://www.emirates.com/media-centre/emirates-invests-over-us-2-billion-to-take-its-on-board-customer-experience-to-new-heights/
- https://www.aviacionline.com/2022/09/is-airport-congestion-looming-back-emirates-wants-a-lighter-windowless-airbus-a380/