×

ประหารชีวิต ‘อดีตผู้กำกับโจ้’ กับพวก 6 คน คดีคลุมถุงฆ่า แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต อีก 1 รายจำคุก 5 ปี 4 เดือน

โดย THE STANDARD TEAM
08.06.2022
  • LOADING...
ผู้กำกับโจ้

วันนี้ (8 มิถุนายน) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ และมี จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ เป็นโจทก์ร่วมที่ 1 จักรกฤษณ์ กลั่นดี โจทก์ร่วมที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง 

 

  1. พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เมืองนครสวรค์

 

  1. พ.ต.ต. รวีโรจน์ ดิษทอง สารวัตรสืบสวน (สว.สส.)

 

  1. ร.ต.อ. ทรงยศ คล้ายนาค รองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.)

 

  1. ร.ต.ท. ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.)

 

  1. ด.ต. วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม

 

  1. ด.ต. ศุภากร นิ่มชื่น ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม

 

  1. ส.ต.ต. ปวีณ์กร คำมาเร็ว ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม 

 

ทั้งหมดเป็นจำเลยที่ 1-7 ตามลำดับในฐานความผิด 4 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น 

 

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 288, 289 (5), 309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 172 

 

สืบเนื่องจากกรณีที่จำเลยทั้ง 7 คนร่วมกันใช้ถุงดำคลุมหัวขณะสอบสวน จิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับและควบคุมตัวไว้ในคดียาเสพติด เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์

 

โดยในวันนี้โจทก์ และโจทก์ร่วมที่ 1-2 ทนายโจทก์ร่วมที่ 1-2 ทนายจำเลยเดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้ใช้วิธีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำกลางคลองเปรม สถานที่คุมตัวจำเลย 1-7

 

ต่อมาเวลา 11.25 น. ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษา จำเลยที่ 1-5, 7 ว่าได้กระทำความผิดตามฟ้อง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษทุกกระทงความผิด โดยให้ลงโทษตามมาตรา 289 (5) ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและกระทำด้วยการทรมานทารุณโหดร้ายฯ ซึ่งเป็นโทษหนักสุดตามมาตรา 90 ตัดสินลงโทษประหารชีวิต 

 

ส่วน ด.ต. ศุภากร จำเลยที่ 6 ที่ปรากฏพฤติการณ์เข้าไปในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเห็นการกระทำของจำเลยคนอื่นและได้เดินออกจากห้องไป จึงมีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด ให้ลงโทษจำคุก 8 ปี 

 

อย่างไรก็ตามจำเลย 1-7 ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีการให้เงินค่าปลงศพ 30,000 บาท มอบเงินบรรเทาผลร้ายให้บิดามารดาผู้ตายคนละ 300,000 บาท และช่วยปฐมพยาบาลและนำส่งไปโรงพยาบาล จนแพทย์สามารถกู้สัญญาณชีพกลับมาได้ จึงพิจารณาลดโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 3 จำเลยที่ 1-5, 7 จำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 6 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน

 

ส่วนเรื่องที่โจทก์ร่วมทั้ง 2 เรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้ง 7 เป็นจำนวนเงินรวม 1,550,000 บาท ศาลเห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยทั้ง 7 อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ จึงมิอาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ แต่โจทก์ร่วมสามารถฟ้องแพ่งย้อนกลับไปที่ต้นสังกัดของจำเลย คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดการละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ได้

 

โดยบรรยากาศผ่านจอภาพคอนเฟอเรนซ์ทางฝั่งเรือนจำกลางคลองเปรม พ.ต.อ. ธิติสรรค์ ผู้สื่อข่าวสังเกตว่ามีลักษณะร่างกายสมบูรณ์ สีหน้าก่อนอ่านคำพิพากษาไม่แสดงถึงความวิตกกังวล และจัดตำแหน่งกล้องที่ส่งสัญญาณภาพด้วยตนเอง ทั้งนี้ ก่อนการเริ่มกระบวนการ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้สอบถามทางทนายผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ว่าได้ยื่นบันทึกผลการทำงานตลอดช่วงการรับราชการประกอบไปกับแถลงการณ์ปิดคดีของตนแล้วหรือไม่ 

 

ในระหว่างรอการฟังคำพิพากษา พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้ก้มอ่านเอกสารตลอดเวลา และมีการพูดคุยกับจำเลยรายอื่นเป็นบางจังหวะ ทั้งนี้ ในขณะที่ผู้พิพากษากำลังจะเริ่มอ่านคำพิพากษาในช่วง 10.00 น. พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้ขออนุญาตอ่านแถลงการต่อศาล แต่ศาลได้ชี้แจงกลับว่าวันนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาแล้ว ก่อนหน้าทางศาลได้รับคำแถลงการปิดคดีทั้งหมด 454 หน้า ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดการปิดคดี คำแถลง และผลการทำงานในขณะที่รับราชการเป็นตำรวจ ซึ่ง พ.ต.อ. ธิติสรรค์ได้กล่าวกับศาลว่า อยากกล่าวขอโทษทุกคนและอยากอธิบายให้เข้าใจในสิ่งที่ทำ เพราะที่ผ่านมาทนายความของตนไม่เคยเดินทางมาพบที่เรือนจำ ตนไม่เคยเห็นคำแถลงปิดคดีของตัวเอง อย่างไรก็ตามศาลไม่อนุญาตให้อ่านแถลงการดังกล่าว เพราะศาลได้ทำการพิจารณารายละเอียดเรียบร้อย

 

อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ศาลได้อ่านพฤติการณ์จากหลักฐานคลิปภาพว่า ระหว่างเกิดเหตุมาวินส่งเสียงร้องโอดโอยจากการถูกทรมาน จันทร์จิรามารดาของผู้เสียชีวิตได้ร้องไห้ และซับน้ำตาตลอดเวลา

 

โดยภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา จักรกฤษณ์ กลั่นดี บิดาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอ่านคำพิจารณาโดยละเอียดมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ตนยังไม่เห็นคลิป อดีตผู้กำกับโจ้ได้เข้ามากอดพ่อกอดแม่แล้วร้องไห้ ซึ่งพอได้ฟังศาลอ่านพฤติการณ์อย่างละเอียด ก็รู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะทำขนาดนี้ ส่วนเรื่องการเรียกร้องค่าสินไหม หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายกับศาลแพ่ง ซึ่งตอนแรกได้คำนวณค่าเสียหายจากการที่หากมาวินมีชีวิตอยู่อีก 10 ปี จะสามารถดูแลครอบครัวได้เป็นเงิน 1.5 ล้าน แต่มีทนายความมาแนะนำว่าให้เพิ่มวงเงินจึงขอปรึกษากันก่อน

 

บิดาของมาวินระบุอีกว่า ระหว่างฟังคำพิพากษาวันนี้ ได้เห็นท่าทีของจำเลย ก็คิดว่าเขาคงคิดว่าทำในสิ่งที่คิดว่าถูกแล้ว ซึ่งตนเข้าใจในการทำงาน แต่เมื่อพลาดพลั้งไปแล้ว และมีการรวมกลุ่มกันก็น่าจะห้ามปราม ไม่ใช่ร่วมกันทำให้บอบช้ำทั้งตัว 

 

ส่วนโทษที่ศาลตัดสินในวันนี้ ส่วนตนพอใจแล้ว และคงจะไม่สู้ต่อในชั้นต่อไป เพราะมองว่าไม่อยากจะไปอาฆาตกัน 

 

ส่วนการบรรยายของศาลวันนี้มีช่วงที่ทำให้รู้สึกสะเทือนใจคือ การเพิ่มจำนวนถุงดำเรื่อยๆ และปิดรัดแน่นจนลูกชายไม่มีอากาศหายใจ แม้พยายามจะปั๊มหัวใจแต่ลูกชายตนก็ไปแล้ว อีกทั้งยังสะเทือนใจตอนที่ศาลบอกว่า จำเลยมีการเอากุญแจมือมาใส่ที่เท้าของลูกชายด้วย ซึ่งตอนที่ฟังแม่ก็ยืนร้องไห้ อยากให้จำเลยได้รับบทเรียน สิ่งที่ทำไปต้องชดใช้ 

 

ส่วนตำรวจที่เป็นผู้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เจ้าของหลักฐานตนเคยเจอหนึ่งครั้ง ได้บอกกับตนว่า ขอโทษที่ช่วยน้องไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงต้องนำคลิปออกมาเผยแพร่ ซึ่งตนก็อยากจะเจอกับตำรวจคนนี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอบคุณ กรณีการเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ต้องไปฟ้องร้องเรียกกับหน่วยงานต้นสังกัดของจำเลยนั้น ตนขอปรึกษากันกับทนายความก่อน

 

ด้าน จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ มารดาของมาวินระบุว่า วันนี้ตนไม่รู้ว่าจำเลยสำนึกจริงหรือไม่ แต่แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้ลูกแม่ตายแบบนี้ แต่ส่วนตัวแม่อยากให้ลงโทษประหารชีวิต เพราะจากที่ฟังศาลบรรยาย พฤติการณ์มันยิ่งกว่าที่ตนเคยดูคลิป ฟังแล้วรับไม่ได้ จึงอยากให้ประหาร แลกกับชีวิตลูกตน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising