×

จิบคราฟต์ค็อกเทลและดื่มด่ำดนตรีแจ๊ซที่ The WoodShed บ้านไม้กลางกรุงย่านสุขุมวิท

13.12.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • คราฟต์ค็อกเทลคือสไตล์ของค็อกเทลที่ The WoodShed เพราะเหล้าทุกตัวล้วนแต่มีที่มาที่ไป มีเอกลักษณ์และคาแรกเตอร์ที่เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเหล้ารัมที่ทำจากสับปะรดจากแถบแคริบเบียน ซิงเกิลมอลต์จากเกาะทางตอนใต้ของสกอตแลนด์ หรือเหล้าจินจากผลของต้นเบาบับที่แอฟริกาใต้
  • คราฟต์ค็อกเทล (Craft Cocktails) คือคำจำกัดความของค็อกเทลที่เกิดขึ้นจากส่วนผสมที่บรรจงทำขึ้นเองโดยเฉพาะ และเหล้าที่เลือกใช้ล้วนแต่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น หาตัวตายตัวแทนได้ยาก และอาจมีจำนวนจำกัดเพราะการผลิตแบบ Limited Batch นั่นเอง

ลองจินตนาการถึงบ้านไม้สไตล์ยุโรปชนบทแบบในภาพยนตร์หรือซีรีส์ฝรั่งหลายเรื่อง จะดีแค่ไหนถ้าในกรุงเทพฯ มีร้านที่ให้บรรยากาศแบบนั้นบ้าง ที่ Harvest ร้านอาหารแนวรัสติกยูโรเปียนเพิ่งจะเปิดบ้านไม้หลังข้างๆ ที่กลายมาเป็นค็อกเทลบาร์เคล้าเพลงแจ๊ซ ซึ่งเราอยากให้ที่นี่เป็นหนึ่งใน to-go list ของคุณ

 

บรรยากาศอบอุ่นแลดูเชื้อเชิญ

 

The Vibe

The WoodShed คำนี้มี 2 ความหมาย ความหมายแรกหมายถึงโรงเก็บไม้และเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในงานไม้ ส่วนความหมายที่ 2 หมายถึงการซ้อมเพลงของเหล่านักดนตรี ซึ่งที่นี่ได้ควบรวมสองความหมายเข้าด้วยกัน เกิดเป็นค็อกเทลบาร์ในบ้านไม้ที่สนุกสนานจากดนตรีแจ๊ซในยามค่ำคืน

 

เลือกนั่งฟังเพลงมุมไหนดี

 

ค็อกเทลบาร์แห่งนี้ทำขึ้นจากไม้เก่าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงบ้าน โต๊ะ เก้าอี้ เคาน์เตอร์บาร์ ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างให้ The WoodShed (เดอะ วูดเชด) มีความอบอุ่นทว่าน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน หากมาในช่วงที่ยังมีแดดส่องลอดกระจกสีขุ่น บ้านหลังนี้ก็จะเต็มไปด้วยแสงสีนวลชวนให้นึกถึงบรรยากาศช่วงฤดูหนาว แต่หากมาหลังพระอาทิตย์ตก จะเจอกับแสงเทียนสลัว พร้อมเสียงมีดกระทบน้ำแข็งผลงานจิตรกรรมของบาร์เทนเดอร์ที่บรรจงแกะสลักน้ำแข็งกับมือเพื่อใส่ในค็อกเทลทุกแก้ว

 

โทนไม้สีอบอุ่นด้านในร้าน

 

The Concept

คราฟต์ค็อกเทล คือคำจำกัดความของค็อกเทลที่ The WoodShed เพราะเหล้าทุกตัวล้วนแต่มีที่มาที่ไป มีเอกลักษณ์และคาแรกเตอร์ที่เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเหล้ารัมที่ทำจากสับปะรดจากแถบแคริบเบียน ซิงเกิลมอลต์จากเกาะทางตอนใต้ของสกอตแลนด์ หรือเหล้าจินจากผลของต้นเบาบับที่แอฟริกาใต้ และไม่เพียงแต่คราฟต์สปิริตจากทั่วโลก ไซรัปหรือส่วนประกอบค็อกเทลหลายอย่างทางร้านก็ทำขึ้นเอง ตลอดจนน้ำแข็งแกะด้วยมือจากทีมบาร์เทนเดอร์ที่บรรจงสกัด แกะ แซะ กะเทาะ และขัดให้ได้รูปทรงเข้ากับแก้วแต่ละประเภท เพื่อสุนทรียภาพในการดื่มที่ดี และการดึงรสชาติของเหล้าให้เด่นยิ่งขึ้น

 

ลองชิมสิ่งที่ทางร้านเรียกว่า ‘คราฟต์ค็อกเทล’

 

The Drinks

Red (365 บาท) แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจจากช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยสีสันโดยเฉพาะสีเขียวและแดง จึงนำสีแดงมาเป็นหน้าตาให้กับค็อกเทลเสียเลย ตั้งแต่เหล้าจินที่ผสมผลไม้ตระกูลพลัม ซึ่งให้สีออกแดงๆ จากนั้นท็อปด้วยสปาร์กลิงไวน์เพิ่มความสดชื่น น้ำมะนาวอีกนิดหน่อย และตกแต่งขอบแก้วด้วยผลเรดเคอร์แรนต์ รสชาติค่อนข้างฟรุตตี้ เปรี้ยวอมหวาน ดื่มง่าย เหมาะที่จะสั่งเป็นแก้วแรกของค่ำคืน

 

Red แก้วที่ได้แรงบันดาลใจจากช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 

ไต่ระดับรสชาติขึ้นอีกสเตปกับ Pinrosery (430 บาท) ชื่อนี้เกิดจากการผสม 3 คำ ระหว่าง Pineapple, Rose Lemonade และ Cape Gooseberry ซึ่งเป็น 3 องค์ประกอบหลักของค็อกเทลแก้วนี้ หากมองผ่านๆ อาจคิดว่าแก้วนี้น่าจะใสๆ ไร้พิษภัยแต่ที่จริงแล้วกลับเบสด้วยเหล้าจินและดาร์กรัม ซึ่งเหล้าจินที่ใช้มาไกลจากแอฟริกาใต้ เป็นจินที่ได้จากผลเบาบับ (Baobab) หรืออแดนโซเนีย (Adansonia) ต้นไม้ขนาดยักษ์ ลำต้นอวบใหญ่ ส่วนรัมผ่านการอินฟิวส์กับสับปะรดควีนวิกตอเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สับปะรดรสชาติเยี่ยมติดอันดับโลก แค่เปิดขวดรัมกลิ่นก็หอมยวนใจ ตามด้วยน้ำโรสเลมอนเนด และผลเคปกูสเบอร์รีอันหอมหวานจากโครงการหลวง ก่อนที่จะตัดกลิ่นผลไม้ด้วยใบเสจหอมๆ ทำให้ค็อกเทลแก้วนี้แม้จะมีผลไม้เป็นส่วนประกอบแต่มีกลิ่นนำของสมุนไพรที่ได้จากใบเสจ แฝงรสเปรี้ยวเล็กๆ ปิดท้าย เหมาะแก่การเคล้าฟังจังหวะบีบ๊อพชวนขยับจากเสียงดนตรีเสนาะหู

 

Pinrosery จินผลเบาบับอินฟิวส์กับสับปะรด และ Gintichoke จากน้ำดองของหัวอาร์ติโชกที่คุณอาจหลงรักเลยก็ได้

 

หากคุณคุ้นเคยกับ Dirty Martini แก้วนี้ก็น่าจะใกล้เคียง เพราะ Gintichoke (365 บาท) มีส่วนผสมเพียงสามอย่าง คือ เหล้าจิน ดรายเวอร์มุธ และน้ำดองหัวอาร์ติโชก รสชาติเค็มนำแต่ไม่แหลม แฝงด้วยสัมผัสที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นอาหารกับเครื่องดื่ม เรียกง่ายๆ ว่าแก้วนี้ ‘ถ้าไม่รัก ก็เกลียดเลย’

 

The Smoke Lingers แก้วโปรดของคนรักควันหอมๆ

 

The Smoke Lingers (450 บาท) ไม่ต้องสาธยายให้มากความ เพราะด้วยชื่อเรียกก็ชวนคนชอบกลิ่นหอมควันได้อยู่หมัด เราให้คอนเซปต์แก้วนี้ว่าเป็นการดมกลิ่นด้วยโสตสัมผัสแห่งการดื่ม เนื่องจากส่วนประกอบทุกอย่างในค็อกเทลตัวนี้ล้วนแต่มีกลิ่นเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเตกีลา เอสเพรสโซ ไซรัปกาแฟ วอลนัตเผา และซิงเกิลมอลต์อายุ 10 ปี จาก Islay (ไอเลย์) เกาะเล็กๆ ทางตอนใต้ของสกอตแลนด์ ซึ่งความพิเศษของซิงเกิลมอลต์ชนิดนี้คือกระบวนการนำฟืนอัดแท่งไปรมควันกับตัวเหล้าให้เกิดกลิ่นหอมของควันลงไปถึงเนื้อซิงเกิลมอลต์ เมื่อรวมทุกส่วนประกอบเข้ากันก็เกิดเป็นเครื่องดื่มที่อบอวลไปด้วยกลิ่นควัน คล้ายกลิ่นควันฟืนยามเช้าตอนไปตั้งแคมป์กลางป่า รสชาตินำด้วยกาแฟ ตามติดมากับกลิ่นควันอ่อนๆ ของไอเลย์ซิงเกิลมอลต์และเตกีลาตามลำดับ

 

และขอบอกว่าหากคุณยังคงยึดมั่นในสายคลาสสิกค็อกเทล Old Fashioned หรือ Negroni ของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน

 

What You Should Know

  • หากคุณชื่นชอบดนตรีแจ๊ซ ที่นี่มีดนตรีสดทุกคืนวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และเสาร์ ตั้งแต่สามทุ่มจนถึงเกือบเที่ยงคืน ช่วงต้นสัปดาห์จะเป็น New Orleans Jazz ส่วนสุดสัปดาห์เป็น Standard และ Straight Ahead Jazz แต่ถ้าเป็นสายกิน ไหนๆ ก็มาที่นี่ ควรที่จะแวะอิ่มท้องที่ร้าน Harvest เคียงกัน แล้วค่อยย้ายไปยังบ้านไม้หลังนี้ต่อ

 

The WoodShed

Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.30-24.00 น.

Address: ซอยสุขุมวิท 31 (สวัสดี) กรุงเทพฯ

Budget: 450-1,500 บาทต่อคน

Contact: โทร. 09 7235 8286

Page: www.facebook.com/thewoodshedbkk

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising