เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มมาแต่ไกล มองไปลิบๆ เห็นขอบโค้งสนามน่าหวาดเสียว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสมาชิกทริป The Ultimate BMW M Track Experience – Nürburgring เริ่มเข้าสู่พื้นที่นูร์เบอร์กริง สนามแข่งรถระดับตำนานของโลก และเวลาหลายชั่วโมงนับจากนี้ พวกเขาจะได้ลองสัมผัสประสบการณ์ ‘ซิ่ง’ บนพื้นที่อันตรายที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น ‘นรกสีเขียว’ ไฮไลต์ของทริปที่ทุกคนรอคอย
แต่ก่อนจะเริ่มซิ่งไปกับพวกเขา เราขอย้อนเล่าถึงที่มาของทริปนี้กันสักนิด
The Ultimate BMW M Track Experience – Nürburgring คือกิจกรรมหนึ่งในโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ซึ่งเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกคันในประเทศไทยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมเพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมายได้ทุกวัน และปลายปีแบบนี้ก็ถือเป็นช่วงเวลาของการออกเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่เอาใจคนรักความเร็วกันที่ประเทศเยอรมนี
ทริปนี้เริ่มต้นที่ บีเอ็มดับเบิลยู เวลท์ (BMW Welt) โลกแห่งยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู และเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยที่สุดในโลก ออกแบบโดย ศาสตราจารย์วูฟ ดี ปริกซ์ แห่ง Coop Himmelb(l)au บริษัทสถาปนิกชื่อดัง ซึ่งที่นี่กำลังมีนิทรรศการพิเศษ From the Racetrack to the Street จัดแสดงชุดแต่งรถให้คนรัก BMW M Sport ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
ความเอ็กซ์คลูซีฟยังคงต่อเนื่องกับการแวะชม BMW Group Classic สถานที่จัดเก็บรถบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นโบราณมากกว่า 100 คัน ซึ่งเปิดให้สมาชิกทริปนี้เข้าชมพร้อมผู้เชี่ยวชาญนำทัวร์เป็นวาระพิเศษ โดยมีรถรุ่นไฮไลต์อย่าง BMW M1 ปี 1978 ต้นแบบของรถบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล M สุดสปอร์ต, BMW 328 Berlin-Rom Touring Roadster และ BMW 328 Mille Miglia Roadster รถแข่งในตำนานที่พิชิตชัยชนะมาแล้วหลายสนามระดับโลกจนได้ฉายาว่า The Twin ไปจนถึง BMW 3/15 หรือที่เรียกกันว่า Dixi รถบีเอ็มดับเบิลยูคันแรกของโลก
ก่อนถึงโมเมนต์สำคัญ สมาชิกได้แวะอุ่นเครื่องกับ BMW Driving Academy ณ เมืองไมซาค สถาบันฝึกอบรมและทดสอบการขับขี่ครบวงจร ซึ่งถือเป็นบ้านเกิดของเหล่าอินสตรักเตอร์บีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก โดยชาวทริป JOY ได้โอกาสเข้ารับการอบรมทั้งทางทฤษฎีและลงสนามฝึกจริงพร้อม BMW 430D เพื่อปรับตัวกับการขับพวงมาลัยซ้าย แถมได้ลองดริฟต์กันพอหอมปากหอมคอ ท่ามกลางบรรยากาศของสนามบินเก่าซึ่งเคยถูกใช้เป็นโรงเก็บเครื่องบินทหารและพลเรือนในอดีต
แล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อก้าวเข้าสู่นูร์เบอร์กริง สนามแข่งรถชื่อดังระดับตำนาน และแทร็กที่ชาวบีเอ็มดับเบิลยูได้ใช้ทดสอบสมรรถนะ BMW M4 ก็คือ GP-Strecke หรือแทร็กกรังด์ปรีซ์ความยาวกว่า 5 กิโลเมตร ผ่านการเป็นสนามแข่งขันรายการชื่อดังมาไม่น้อย แถมการได้ขับขี่บนแทร็กนี้นับเป็นการตามรอยแชมป์โลกอย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์ อีกด้วย
ระหว่างกำลังตื่นตากับทัศนียภาพรอบๆ ชาวทริปก็ผลัดเปลี่ยนกันทดลองขับ BMW M4 ผ่านด่านฝึกการขับขี่รูปแบบต่างๆ อาทิ การใช้เบรกฉุกเฉิน การเบรกเพื่อควบคุมรถขณะเข้าโค้ง ด่านสลาลมบนทางชัน เทคนิคการเข้าโค้งต่อเนื่องอย่างนุ่มนวล โดยอินสตรักเตอร์ชาวเยอรมันที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูชาวไทยยังได้ JOY เหนือระดับไปกับการนั่ง BMW M5 ซิ่งบน สนามนอร์ดชไลเฟ่ (Nordschleife) เจ้าของฉายา Green Hell หรือนรกสีเขียว อันมีที่มาจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาคดเคี้ยว ตลอดเส้นทาง 22 กิโลเมตรมีโค้งสุดท้าทายกว่า 73 โค้ง ทั้งโค้งแคบ โค้งหักศอก โค้งกะทันหัน ทางขึ้นลงสูงต่ำบนเนินเขา จนถูกใช้เป็นสนามทดสอบรถแข่งของหลายค่ายยักษ์ใหญ่ สนามแข่งขันรถระดับโลกหลายรายการ รวมถึงกลายเป็นฉากหลังอันน่าเศร้าของจุดจบชีวิตนักแข่งรถหลายคน
ด้วยความอันตรายเกินขีดจำกัดอย่างที่เล่าไป บนแทร็กนี้ชาวทริปจึงต้องขยับสถานะจากผู้ขับขี่มาใช้บริการ Ring Taxi โดยมีอดีตนักแข่งรถมืออาชีพมาเป็นผู้บังคับพวงมาลัย BMW M5 พาสมาชิกแต่ละคนซิ่งไปบนความเร็วมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งตื่นตาตื่นใจ ท้าทาย หวาดเสียว งดงาม และแน่นอนว่าประสบการณ์สุดยอดแบบนี้อาจหาไม่ได้จากที่ไหนในโลกอีกแล้ว!
นอกจากสนุกไปกับความเร็วแรงบนสนามแข่งรถระดับโลก ทริปนี้ชาวคณะบีเอ็มดับเบิลยูยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองใหญ่ ทิวทัศน์ และอาหารเยอรมันชนิดเรียกได้ว่าครบทุกรสชาติ คุ้มค่าทุกนาที
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟจากโปรแกรม The Ultimate JOY Experience เพียงแค่เป็นเจ้าของรถยนต์ BMW แล้วสมัครสมาชิกที่ bmwultimatejoy.com ก็สามารถรับสิทธิประโยชน์เหนือระดับแบบนี้ได้เช่นกัน
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/bmwultimatejoy
