×

‘The Swiss System’ รูปแบบการแข่งขันใหม่ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2024

02.12.2020
  • LOADING...
‘The Swiss System’ รูปแบบการแข่งขันใหม่ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2024

HIGHLIGHTS

2 mins. read
  • ยูฟ่าเตรียมนำเสนอแผนการปรับรูปแบบการแข่งขันของแชมเปียนส์ลีกใหม่ โดยนำระบบที่เรียกว่า The Swiss System มาใช้
  • แต่ละทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะได้ลงแข่งอย่างน้อย 10 นัด ผลการแข่งขันทั้งหมดจะถูกนำไปคิดคะแนนรวมในตารางอันดับที่จะส่งผลต่อโอกาสในการเข้ารอบน็อกเอาต์
  • การปรับตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังถูกท้าทายจากสโมสรยักษ์ใหญ่ที่มีแนวคิดจะแยกตัวออกไปตั้ง ‘ซูเปอร์ลีก’ 

สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือยูฟ่า (UEFA) เตรียมหารือนัดพิเศษเกี่ยวกับข้อเสนอสำหรับการปรับรูปแบบการแข่งขันรายการฟุตบอลระดับสโมสรที่มีความสำคัญที่สุดอย่างแชมเปียนส์ลีกใหม่ ซึ่งจะเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนจากยูโรเปียนคัพมาเป็นรูปแบบปัจจุบันเมื่อปี 1992

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญอย่างมากต่ออนาคตของวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยูฟ่าเองที่ถูกท้าทายอย่างหนักจากกลุ่มสโมสรขนาดใหญ่ที่เริ่มต้องการอำนาจการต่อรองมากขึ้น โดยแผนขั้นสูงสุดอยู่ที่การแยกตัวออกไปเพื่อจัดตั้งรายการแข่งขันใหม่ที่เรียกกันในชื่อ ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก ซึ่งแม้จะยังไม่มีการพูดถึงอย่างเป็นทางการ ไม่มีใครเห็นข้อเสนอที่ชัดเจน แต่ไม่สามารถปฏิเสธการมีอยู่ของแนวคิดนี้ได้

 

สำหรับการปรับรูปแบบของแชมเปียนส์ลีกในครั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีการนำเสนอรูปแบบการแข่งขันที่หลากหลาย แต่ตามรายงานข่าวจาก The Times สื่อที่มีความน่าเชื่อถือจากประเทศอังกฤษ รูปแบบที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือรูปแบบที่เรียกว่า ‘The Swiss System’

 

The Swiss System นั้นความจริงไม่ใช่ของใหม่ (เช่นเดียวกับ The Queen’s Gambit ที่โด่งดังก็มาจากกลยุทธ์การเปิดเกมของกีฬาหมากรุก) หากแต่มีการใช้ในวงการหมากรุกมาแล้ว และในวงการฟุตบอลเองก็มีการใช้ในบางพื้นที่ของโลก เช่น สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติอเมริกาเหนือ หรือ CONCACAF ที่ดำเนินการแข่งขันรูปแบบประเภทนี้ในแถบอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน

 

หน้าตาของมันเป็นอย่างไร?

 

ปัจจุบันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกใช้ระบบการแข่งขันแบบแบ่งกลุ่มสำหรับรอบ 32 ทีมสุดท้าย มีทั้งหมด 8 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบไปด้วย 4 ทีม ทุกทีมเล่นแบบพบกันหมดแบบเหย้า-เยือน แชมป์และรองแชมป์กลุ่มได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ซึ่งจะแข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจนถึงรอบรองชนะเลิศแบบเหย้า-เยือน และชิงชนะเลิศที่สนามเป็นกลาง

 

ขณะที่รูปแบบใหม่ The Swiss System จะเป็นรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ดังนี้

 

  • จะมีทีมทั้งหมด 32 หรือ 36 ทีมในรอบสุดท้าย ทั้งหมดจะอยู่ในดิวิชันเดียวกัน คล้ายเป็นลีก แต่ไม่ใช่ลีก
  • จะมีการจัดกลุ่มทีมตามเกณฑ์ (ผลงาน, ค่าสัมประสิทธิ์ ฯลฯ แล้วแต่พิจารณา) ออกเป็น 4 โถด้วยกัน
  • ทุกทีมจะต้องแข่ง 10 นัดด้วยกัน แต่จะไม่ได้พบกันทั้งหมดทุกทีม 
  • ทีมที่อยู่ในโถแรก (Top-Seeded) จะได้เจอกับทีมในโถเดียวกัน 2 ทีม, ทีมจากโถที่ 2 และ 3 จำนวน 3 ทีม และทีมจากโถที่ 4 อีก 2 ทีม
  • การแข่งจะเป็นแบบเหย้า-เยือน โดย 5 นัดจะเป็นเกมเหย้า และอีก 5 นัดเป็นเกมเยือน
  • ผลการแข่งขันชนะ แพ้ เสมอ ประตูได้ ประตูเสีย จะถูกนำมาคิดรวมคะแนนในตารางเดียวกัน 
  • ทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุด 16 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์
  • ทีมที่ได้อันดับ 1 จะได้พบกับทีมอันดับที่ 16, ส่วนทีมอันดับที่ 2 จะได้พบกับทีมอันดับที่ 15 ไล่ลำดับเช่นนี้ไปจนครบ
  • ทีมที่ได้อันดับที่ 17-24 ในตารางจะได้สิทธิ์ลงไปแข่งยูฟ่ายูโรปาลีกในรอบน็อกเอาต์
  • ทีมที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ (หรืออาจจะรอบก่อนรองชนะเลิศ) จะได้ผ่านเข้ามาเล่นในแชมเปียนส์ลีกโดยอัตโนมัติในฤดูกาลหน้า

 

ในรูปแบบที่อาจจะชวนงงนี้มีข้อดีคือจะทำให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้น มีการพบกันระหว่างทีมระดับท็อปกันเองมากขึ้น ลดจำนวนเกมที่ความสำคัญน้อยลงไป (เช่น ทีมจากลีกท็อป 5 พบกับทีมจากลีกรองที่สู้กันไม่ได้) 

 

ที่สำคัญที่สุดคือผลการแข่งขันทุกนัดมีความหมายหมด ทำให้ทุกทีมต้องเน้นกันเต็มที่กว่าจะมั่นใจได้ว่าอันดับของทีมมั่นคง (และอาจจะเน้นถึงขั้นที่เลี่ยงการเผชิญหน้ากับทีมที่ไม่อยากเจอในรอบน็อกเอาต์ด้วย)

 

แต่ข้อเสียที่เกิดขึ้นคือจำนวนแมตช์ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 นัดจะทำให้โปรแกรมการแข่งขันยิ่งถูกอัดแน่นมากขึ้น ชาติที่มีโปรแกรมแน่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างอังกฤษอาจจะต้องพิจารณาเรื่องของการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่มีความสำคัญรองลงมาอย่างลีกคัพ หรือการยกเลิกระบบรีเพลย์ของเอฟเอคัพ

 

สำหรับโอกาสที่ข้อเสนอนี้จะได้รับการตอบสนองนั้นมีโอกาสไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าทางด้านสมาคมสโมสรฟุตบอลยุโรป (European Club Association หรือ ECA) และองค์กรยูโรเปียนลีก เชื่อว่าการแข่งขันในระบบนี้น่าจะออกมาดี

 

จำนวนแมตช์ขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แมตช์น่าดูเพิ่มขึ้น และนั่นหมายถึงคุณค่าของรายการในเชิงของการรับชมจะสูงขึ้น และขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ในราคาที่ดีขึ้น

 

คาดว่าข้อเสนอนี้จะมีการนำเสนออย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

 

หากข้อเสนอนี้ได้รับการเห็นชอบ ก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในปี 2024 ซึ่งอาจจะใช้ชื่อการแข่งขันเดิม หรือใช้ชื่อการแข่งขันใหม่ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising