×

‘The Special Two’ รูเบน อโมริม จ้าวแท็กติกคนรุ่นใหม่​ ตัวเลือกที่ดีที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ด?

29.10.2024
  • LOADING...
รูเบน อโมริม

20 ปีที่แล้วโลกฟุตบอลทั้งใบตื่นตะลึงกับความมั่นใจระคนยโสของผู้จัดการทีมคนหนุ่มที่เพิ่งพาสโมสรในบ้านเกิดอย่างปอร์โต ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ ก่อนจะถูก โรมัน อบราโมวิช ชักชวนให้มาสานฝันของตัวเองในทีมเชลซี

 

“ได้โปรดอย่าเรียกผมว่าคนยโสเลย แต่ผมเป็นแชมป์ยุโรป และผมคิดว่าผมคือ The Special One” โชเซ มูรินโญ สร้างตำนานและการจดจำของตัวเองในวันนั้น

 

ผ่านมาถึงวันนี้ วงการฟุตบอลโปรตุเกสคล้ายจะค้นพบคนที่มีทั้งความเก่งกาจในเชิงแท็กติกลูกหนัง และมีบุคลิกตัวตนที่จัดจ้านในตัวของ รูเบน อโมริม นายใหญ่ของทีมสปอร์ติง ลิสบอน หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของประเทศ

 

และอโมริมคนนี้คือคนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

คำถามคือ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะกอบกู้สโมสรที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษแล้วใช่ไหม?

 

จากช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 ตุลาคม) จนถึงเช้าวันนี้ (29 ตุลาคม) มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและมีความเปลี่ยนแปลงในระดับรวดเร็วอย่างมากจากในรั้วโอลด์แทรฟฟอร์ด

 

เริ่มจากข่าวปลด เอริก เทน ฮาก พ้นตำแหน่งผู้จัดการทีมที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะไม่มีสัญญาณใดๆ จากสื่อ ซึ่งแตกต่างจากในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการประโคมข่าวครึกโครมแต่สุดท้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

 

การปลดเทน ฮาก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็เพิ่งทราบการตัดสินใจจากฝ่ายบริหารโดย แดน แอชเวิร์ธ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของสโมสร และ โอมาร์ เบอร์ราดา ซีอีโอของสโมสร เรียกตัวเทน ฮาก เข้าประชุมร่วมในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาอังกฤษ)

 

ก่อนจะแจ้งอย่างเป็นทางการอย่างซื่อตรงว่า กุนซือชาวดัตช์​ซึ่งคุมทีมมาตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2022 จะไม่ได้ทำงานที่สโมสรอีกต่อไป ซึ่งเทน ฮาก เข้าใจและยอมรับการตัดสินใจจากฝ่ายบริหารด้วยดี ไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีระหว่างกันแต่อย่างใด

 

ในขณะที่นักฟุตบอลในทีมมาทราบเรื่องภายหลังจากนั้น

 

สาเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่น ในทางตรงกันข้ามเป็นการตัดสินใจที่ฝ่ายบริหารของสโมสรเพิ่งจะกล้าตัดสินใจสักที ภายหลังจากที่ปล่อยให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะการไม่ตัดสินใจของพวกเขาเอง

 

ความจริง INEOS ภายใต้ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในเกาะอังกฤษ ซึ่งเข้ามาซื้อหุ้นหนึ่งในสามของสโมสรต่อจากครอบครัวเกลเซอร์ และขอสิทธิ์ในการบริหารกิจการ มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมของแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

 

แต่ทั้งกระบวนการเจรจากับแคนดิเดตที่น่าสนใจ และที่สำคัญคือกระบวนการ ‘รีวิว’ ผลงานของเทน ฮาก เป็นไปอย่างล่าช้าและขาดความชัดเจน

 

จะปลดหรือไม่ปลด จะดึงใครหรือไม่ดึงใคร จนสุดท้ายก็ตกลงกับใครไม่ได้และต้องเลือกทางเลือกสุดท้ายในเวลานั้น คือการให้เทน ฮาก ทำงานในตำแหน่งต่อไป โดยให้เหตุผลว่าต้องการจะให้ผู้จัดการทีมที่เพิ่งพาทีมคว้าโทรฟีเอฟเอคัพ ซึ่งเป็นถ้วยแชมป์ใบที่ 2 ในรอบ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน มีโอกาสทำงานอย่างเต็มที่ภายใต้โครงสร้างทางกีฬา (Sporting Structure) ใหม่ของสโมสร – ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทีมงานเบื้องหลังในชุดสตาฟฟ์โค้ช ที่มีการดึง เรอเน ฮาก และ รุด ฟาน นิสเตลรอย เข้ามาช่วยงาน

 

ไม่เพียงเท่านั้นเพื่อเป็นรางวัลปลอบใจ แมนฯ ยูไนเต็ดเสนอยืดระยะเวลาสัญญาของเทน ฮาก ออกไปจากเดิมอีก 1 ปีด้วย 

 

พร้อม ‘เปย์’ งบให้อีก 200 ล้านปอนด์สำหรับการเสริมทีมช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

 

116 วันหลังจากนั้น INEOS ยอมรับว่า การตัดสินใจในช่วงฤดูร้อนเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงทีมในเวลาที่มีโอกาสอยู่

 

สถานการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ดเลวร้ายลงเรื่อยๆ อย่างน่าใจหาย และการแพ้เวสต์แฮมในนัดล่าสุด – ซึ่งแม้จะถูกมองว่าเป็นความโชคร้ายที่เสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมแบบอยุติธรรม เพราะการแทรกแซงที่ผิดพลาดของ ไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสิน VAR – ทำให้อันดับของพวกเขาจมอยู่ที่ 14

 

นั่นเป็น ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ที่ทำให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจปลดเทน ฮาก พ้นจากการเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งมีราคาที่ต้องจ่ายไม่น้อย เพราะค่ายกเลิกสัญญาตัวเขามากถึง 13 ล้านปอนด์

 

คำถามที่ทุกคนอยากรู้คือ แล้วใครจะเข้ามาแทนที่?

 

 

 

คำตอบแรกที่ได้คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตหัวหอกระดับตำนานของสโมสร ซึ่งมีประสบการณ์ในการคุมสโมสรใหญ่อย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน คว้าแชมป์ดัตช์​คัพมาแล้วในฤดูกาล 2022/23 จะทำงานในฐานะ ‘มวยแทน’ ไปก่อน

 

เพียงแต่ดูเหมือนว่าระยะเวลาในการทำงานของฟาน นิสเตลรอย อาจไม่ได้ยืนยาวเหมือนครั้งที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา ถูกขอให้กลับมาช่วยสโมสรหลังปลด โชเซ มูรินโญ ซึ่งเริ่มจากการรักษาการณ์ตำแหน่ง ก่อนจะทำผลงานได้อย่างมหัศจรรย์จนสโมสรต้านทานกระแสไม่ไหวตั้งเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวในอีก 4 เดือนต่อมา

 

สองคีย์แมนอย่างแอชเวิร์ธและเบอร์ราดาที่ได้รับมอบหมายจาก เซอร์เดฟ เบรลส์ฟอร์ด มือขวาของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ และเป็นบิ๊กบอสของ INEOS Sport ที่ดูแลทีมกีฬาในเครือทั้งหมด (ทีมจักรยาน, รถแข่ง, เรือใบ และสโมสรฟุตบอล) ให้เริ่มต้นกระบวนการสรรหาคนที่จะมาทำงานแทนทันที

 

โดยเฉพาะกับแอชเวิร์ธ นี่คือบทพิสูจน์ฝีมือและสายตาของเขาอย่างเป็นทางการครั้งแรกด้วย เพราะในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ดลังเลเรื่องการปลดหรือไม่ปลดเทน ฮาก และการเจรจากับแคนดิเดต เขายังไม่เข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการ

 

สิ่งที่ดีคืออย่างน้อยกระบวนการไม่ได้เริ่มต้นจาก ‘ศูนย์’ ทั้งหมด เพราะมีข้อมูลแคนดิเดตพร้อมแล้ว ซึ่งตัวเลือกเท่าที่มีในเวลานี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครที่น่าสนใจ 

 

การตัดสินใจควรจะทำอย่างรวดเร็วเพื่อความชัดเจนในทิศทางเดินของสโมสร ไม่ควรจะปล่อยให้งานอยู่ในมือของมวยแทนเป็นเวลานาน ซึ่งเคยผิดพลาดมาแล้วทั้งในรายของโซลชาและ ราล์ฟ รังนิก ปรมาจารย์ลูกหนังชาวเยอรมันที่ถูกขอให้ทำงานแทนในเวลาต่อมา

 

ดูเหมือนคนที่แอชเวิร์ธต้องการคือ รูเบน อโมริม กุนซือจากทีมสปอร์ติง ลิสบอน

 

ตามทิศทางข่าวแล้วอโมริมไม่ได้เป็นตัวเลือกที่อยู่ในกลุ่มที่ถูกคาดหมายในทีแรก เพราะคนที่ถูกจับตามองคือ แกเร็ธ เซาธ์เกต, ชาบี เอร์นานเดซ, เกรแฮม พอตเตอร์ ซึ่งทั้งหมดว่างงานอยู่ อีกคนคือ โธมัส แฟรงก์ ผู้จัดการทีมเบรนท์ฟอร์ดที่มีเสียงเชียร์ไม่น้อย

 

แต่ The Athletic โดย เดวิด ออร์นสตีน ผู้สื่อข่าวคนดังรายงานเป็นที่แรกว่า แมนฯ ยูไนเต็ดกำลังเจรจากับสปอร์ติง ลิสบอน เพื่อขอตัวอโมริมมารับตำแหน่งแทนที่เทน ฮาก

 

คำว่าเจรจาไม่มีอะไรมากกว่าการตกลงเรื่องเงินชดเชย ซึ่งตามรายงานแล้วอโมริมมีค่าปล่อยตัวตามเงื่อนไขสัญญา (Release Clause) ที่ 10 ล้านยูโร

 

 

ตามรายงานข่าวในโปรตุเกสระบุว่า อโมริมไม่เพียงแต่สนใจจะรับตำแหน่งงานนี้เท่านั้น แต่ยัง ‘Say Yes!’ ตกลงที่จะรับตำแหน่งนี้ไปแล้วด้วย ซึ่งหมายถึงเหลือแค่ขั้นตอนการตกลงกันระหว่างสองสโมสรเท่านั้น

 

อโมริมเป็นกุนซือคนหนุ่มวัย 39 ปีที่ได้รับการจับตามองอย่างมากในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ในฐานะกลุ่มโค้ชคนรุ่นใหม่ของวงการ ตีคู่มากับ ชาบี อลอนโซ ตำนานกองกลางทีมชาติสเปนที่สร้างปรากฏการณ์นำไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ลบตำนาน ‘Neverkusen’ คว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกมาครองได้ในรอบ 124 ปีของสโมสร และคว้าแชมป์เดเอฟเบโพคาลได้อีกรายการ

 

โดยที่อโมริมเองก็ดีกรีไม่ธรรมดา เพราะพาสปอร์ติงคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสได้ถึง 2 สมัย ครั้งแรกในปี 2021 และอีกครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา นอกจากจะคว้าแชมป์ลีกแล้วยังคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยโปรตุเกสได้อีกด้วย – ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์บอลถ้วยสมัยที่ 3 หลังจากที่เคยพาบรากา สโมสรเล็กๆ ทีมเก่าคว้าแชมป์นี้ได้มาก่อน

 

เรียกว่าแม้จะอายุน้อยแต่ก็ไม่น้อยฝีมือและประสบการณ์ มีรางวัลการันตีตัวเองอยู่พอสมควร

 

โดยที่ครั้งหนึ่งเคยมีข่าวเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูลรวมถึงเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และเคยสร้างความประหลาดใจด้วยการเดินทางมาอังกฤษ ท่ามกลางข่าวลือว่ามาเพื่อเจรจาหาความเป็นไปได้ที่จะย้ายมาหาสโมสรในพรีเมียร์ลีก

 

ความเก่งกาจของอโมริม (และบุคลิกบางอย่าง) ทำให้เขาถูกนำไปเปรียบเทียบว่าเป็น ‘The Next Mourinho’ เลยทีเดียว

 

จุดเด่นสำหรับกุนซือคนหนุ่มผู้นี้ อย่างแรกคือเรื่องของระบบวิธีการเล่นที่น่าสนใจ อโมริมถนัดใช้ระบบการเล่นแบบ 3-4-3 หรืออาจจะเรียกว่า 3-4-2-1 เป็นฟุตบอลสมัยใหม่ที่เน้นเกมรุก บุกมัน เร้าใจ

 

มันแค่ไหน? ในฤดูกาลนี้สปอร์ติงเปิดฉากมาด้วยการคว้าชัยชนะ 9 นัดรวด โดยที่ทีมทำได้ถึง 30 ประตู แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นแท็กติกที่มีความยืดหยุ่นสูง รวมถึงมีเกมรับที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยในฤดูกาลนี้พวกเขาเพิ่งเสียไปเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น

 

โดยเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เลย เพราะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อยังใช้การได้เป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ยังเป็นโค้ชที่ชอบให้โอกาสแก่ดาวรุ่งฝีเท้าดีในสโมสรได้แจ้งเกิด – ซึ่งเป็นแนวทางของสปอร์ติงอยู่แล้ว – มีนักเตะฝีเท้าดีหลายรายที่ได้โอกาสจากอโมริม เช่น กอนซาโล อินาซิโอ, มาเตอุส นูเนส, นูโน เมนเดส, อุสมาน ดิโอมานเด, เปโดร ปอร์โร และ ชูเอา ปาลินญา 

 

รวมถึง มานูเอล อูการ์เต กองกลางตัวรับที่แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าตัวมาก็นับได้ว่าเป็นศิษย์อโมริมมาก่อนทั้งสิ้น

 

ด้วยโปรไฟล์แล้วจึงมีความน่าสนใจและตอบโจทย์กับวิถีของฟุตบอลสมัยใหม่ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ปัจจุบันนี้โค้ชคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีการทำงานทันสมัยใช้ดาต้าเข้ามาช่วย ไปจนถึงการทำงานร่วมกับฝ่ายเทคนิคของสโมสรก็ทำได้เหนือกว่าโค้ชยุคเก่าที่กลายเป็นของตกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

 

 

อย่างไรก็ดี จนถึงตอนนี้ยังไม่อาจพูดได้ว่า อโมริมจะเป็นผู้จัดการทีมปีศาจแดงคนใหม่แต่อย่างใด เพราะยังอยู่ในกระบวนการเจรจา

 

กิลเยม บาลาเก คนข่าวชาวสเปน มีรายงานอีกสายว่า “เป็นไปได้ที่อโมริมอาจอยากรองานกับแมนฯ ซิตี้ ต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ในช่วงปลายฤดูกาล” (แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ยากเกินไป) 

 

ทุกอย่างยังเกิดขึ้นได้เสมอ และมีโอกาสสำหรับแคนดิเดตคนอื่น – ซึ่งล่าสุดมีการยกชื่อ มาร์โก ซิลวา จากฟูแลมขึ้นมา – เช่นเดียวกัน 

 

แต่ในบรรดาแคนดิเดตทั้งหมด หากแมนฯ ยูไนเต็ดอยากได้คนที่พาทีม ‘ไปข้างหน้า’ จริงๆ

 

คนรุ่นใหม่อย่างอโมริมน่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขาพอจะหาได้ในเวลานี้

 
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X