“การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ และมันจะเป็นเช่นนี้ไปจนนิรันดร์ แต่มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อรอการเปลี่ยนแปลง หรือพร่ำบ่น เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เราอยากเห็นและอยากเป็นได้เสมอ ทุกนาที นับจากวันนี้เป็นต้นไป”
หลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านหน้าที่การงานถาโถมเข้ามาในชีวิตของผู้เขียนเมื่อราวๆ 4 เดือนก่อน แน่นอนว่ามีทั้งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมและมีทั้งสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแต่ภายใต้ความไม่เปลี่ยนที่ว่านั้นก็ยากที่จะกล่าวได้ว่า ตัวเองยังเป็นคนเดิม
ถ้อยคำที่ว่า ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’ ยังเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจในแทบทุกช่วงของชีวิต แต่จะเข้าใจมากน้อย ก็แล้วแต่ว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นในตอนใดของชีวิต และตัวเราเองพร้อมที่จะรับความจริงที่เกิดขึ้นด้วยหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกคำถามหนึ่ง ส่วนตัวแล้ว แม้ว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปหลายอย่าง แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของความสบายใจและการเคารพตัวเองเสมอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดนิตยสารในมือเล่มนี้นับจากหน้านี้เป็นต้นไป นี่คือสิ่งที่พวกเรานิตยสาร THE STANDARD ตั้งใจและทุ่มเทพลังตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เราไม่ได้คิดจะมาปฏิวัติวงการนิตยสารอะไรให้ใหญ่โตหรอก แต่เราเชื่อว่าด้วยวิธีคิดที่พวกเรามี ด้วยวิถีที่พวกเราเป็น นิตยสาร THE STANDARD น่าจะช่วยทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของคนอ่านเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างน้อยที่สุดก็ในแง่ของการมองเห็นคุณค่าของข่าวและประเด็นที่เราหยิบจับมานำเสนอ คนเราให้เวลากับเรื่องแบบไหน ก็หมายความว่าเราให้คุณค่ากับเรื่องแบบนั้น เวลาไม่เคยย้อนคืน แต่สิ่งที่เราเลือกเสพจะซึมซับและไหลเวียนอยู่ในชีวิตและจิตใจเราอย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง… อย่างมากก็ตลอดไป
ท่ามกลางความผันแปรและการล้มหายตายจากของนิตยสารและสิ่งพิมพ์จำนวนมาก เราอยากจะตอบคำถามที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ว่า เรายังคงเชื่อมั่นอะไรในสื่อสิ่งพิมพ์? หรือพูดให้ชัดก็คือสื่อแบบนิตยสาร สิ่งที่อยากจะตอบในเวลานี้ก็คือ เรายังเชื่อในการสื่อสาร แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เชื่อในเรื่องของจังหวะ เวลา ระยะของความใกล้ชิด ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สิ่งพิมพ์ให้ทุกอย่างที่ว่ามานั้นได้ทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือ การจัดวางจังหวะของเรื่องราว บทสัมภาษณ์ รูปภาพ ในนิตยสาร การออกแบบมาเพื่อให้คนอ่านได้ใช้เวลามากพอในการอ่าน ขบคิด หยุดพักสายตา รวมไปถึงระยะของการสัมผัส พลิกเปิดในแต่ละหน้ากระดาษ ทุกอย่างล้วนมีความหมายและมีพลังของมัน ว่าไปแล้วเรายังชื่นชอบการอ่านในหน้านิตยสารอยู่มาก และเราก็ยังสนุกกับการเสาะหา ค้นคว้าเรื่องราวที่น่าสนใจมานำเสนอให้คนอ่านอย่างต่อเนื่อง แต่เราก็เข้าใจถึงวิถีโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงและมีอัตราเร่งที่ชวนให้ใจหายใจคว่ำ
เคยได้ยินคนบอกว่า โลกยุคนี้ไม่มีที่ว่างให้กับความช้า ผู้คนล้วนหิวกระหายในการเสพข้อมูลข่าวสาร
และต้องการรู้เรื่องที่เขาอยากรู้ในชั่วพริบตา ช้าแค่ไม่กี่วินาที ก็สามารถทำให้คนเปลี่ยนใจเลิกติดตามได้
แม้จะเชื่อในความรวดเร็ว ทันเหตุ การณ์ แต่เราก็ยังต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลที่เข้มข้น ลึกรอบด้าน และอ้างอิงได้ ทั้งหมดนี้มีกรอบเวลาที่เหมาะสมของมัน มีคำตอบที่ไม่อาจเร่งรัด มีข้อมูลที่เราต้องสำรวจตรวจสอบ และนั่นทำให้เราต้องใช้เวลาเท่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้คนอ่านได้อ่านในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราบอกกับทุกคนที่ไถ่ถามมาเสมอว่านิตยสารของเราจะนำเสนอสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้กับสังคม หรือ Journalism for Social Change การตั้งคำถามในประเด็นสำคัญๆ เป็นหน้าที่เบื้องต้นของคนทำงานสื่อ แต่การหาคำตอบหรือทางออกของปัญหาก็เป็นเรื่องที่เราจะละเลยไปไม่ได้เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมชาติ และมันจะเป็นเช่นนี้ไปจนนิรันดร์ แต่มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อรอการเปลี่ยนแปลง หรือพร่ำบ่น เราสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เราอยากเห็นและอยากเป็น
ได้เสมอ ทุกนาที นับจากวันนี้เป็นต้นไป
แล้วพบกันทุกวันจันทร์