ถึง The Pizza Company จะดูสตรองในตลาดพิซซ่ามูลค่า 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท ด้วยการกินส่วนแบ่งมากกว่า 70% ด้วยกัน ทว่ายังมีสมการอีกหลายข้อที่รอแก้โจทย์อยู่ หนึ่งในนั้นคือการเข้าถึง ‘คนรุ่นใหม่’ และนี่เองจึงเป็นที่มาของการ Spin Off ‘นิวยอร์กพิซซ่า’ ออกมาเป็นซับแบรนด์แรกในรอบ 20 ปี
“The Pizza Company อยู่มา 20 ปี เราเป็นแบรนด์แมสที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่อีกด้านหนึ่งเราก็เป็นแบรนด์ที่ใหญ่เกินกว่าที่จะออกไปสื่อสารกับคนรุ่นใหม่โดยตรง ดังนั้นการมีซับแบรนด์จะช่วยให้เราคล่องตัวและสื่อสารได้ง่ายขึ้น” ภาณุศักดิ์ ซื่อสัตย์บุญ ผู้จัดการทั่วไป The Pizza Company ภายใต้การดำเนินการของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์แก่ THE STANDARD WEALTH
‘นิวยอร์กพิซซ่า’ ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่เพิ่งก่อตั้ง แต่เริ่มวางขายอย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางปี 2563 โดยมีจุดเด่นตรงที่เป็นพิซซ่าสไตล์นิวยอร์กแท้ไซส์ยักษ์ขนาด 18 นิ้ว และแป้งโฮมเมดที่ทำสด ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก โดยมียอดขาย 2 แสนถาดภายใน 14 วัน และคิดเป็นเม็ดเงินเกือบ 100 ล้านบาทด้วยกัน
อีกทั้งยังช่วยให้ The Pizza Company สามารถฟื้นตัวได้อย่างสวยงาม ดึงให้ลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านมากขึ้น จาก 50% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ กลายมาเป็น 80% ซึ่งเกือบเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว ดังนั้น The Pizza Company จึงมองว่า ‘นิวยอร์กพิซซ่า’ เหมาะแล้วที่จะนำมาทำเป็นซับแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเจาะกลุ่มคนอายุ 15-28 ปี
“หากใช้แบรนด์หลักอาจจะแข็งแรงจนคลุมโปรดักต์ไปหมด คนอาจจะไม่เปิดใจเหมือนมีแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งเราได้วาง Positioning ของนิวยอร์กพิซซ่าให้ชัดเจนด้วยไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง”
ขณะเดียวกันการมีซับแบรนด์เฉยๆ เสียงอาจจะไม่ดังพอ ดังนั้น The Pizza Company จึงใช้โอกาสนี้การในตั้ง ‘ไอซ์ พาริส’ ให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนิวยอร์กพิซซ่า โดยนี่ถือเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนที่ 2 ของ The Pizza Company และเป็นการกลับมาใช้ในรอบ 10 ปีด้วยกัน
แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ The Pizza Company คือ ‘โน้ต อุดม’ โดยภาณุศักดิ์เล่าให้ฟังว่า โจทย์การตลาดในครั้งนั้นคือการสร้างการรับรู้และการเป็นผู้นำของแบรนด์ แต่โจทย์ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การรับรู้แล้ว แต่เป็นการสร้างบุคลิกใหม่ให้กับแบรนด์ ดังนั้นแบรนด์แอมบาสเดอร์จึงต้องตอบเรื่องนี้ได้
โดยสาเหตุที่เลือก ‘ไอซ์ พาริส’ นอกจากเป็นดาราวัยรุ่นระดับเบอร์ต้นๆ ของค่ายแล้ว ยังมีหน้าตาลูกครึ่งและเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นจึงเป็นตัวแทนของความเป็นนิวยอร์กเกอร์ได้ และที่สำคัญไอซ์ยังเป็นลูกค้าของ The Pizza Company อยู่ด้วย เบื้องต้นสัญญาการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จะอยู่ประมาณ 1 ปี แต่มีโอกาสต่อได้อีก
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการนำ ‘นิวยอร์กพิซซ่า XXXL’ กลับมาจำหน่ายอีกครั้งจนถึง 30 เมษายน พร้อมกับรสชาติใหม่ 4 หน้าแล้ว นี่ยังถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ The Pizza Company ตัดสินใจ ‘ขีดฆ่าราคา’ โดยจากราคาเริ่มต้น 469 บาท ได้ลดลงเหลือ 379 บาท และราคาบนสุด 699 บาท ลดเหลือ 599 บาท
ลึกๆ แล้ว สาเหตุที่ The Pizza Company ต้องยอมปรับลดราคาลง เป็นเพราะรู้ดีว่า กำลังซื้อในเวลานี้ยังไม่เอื้อ ยิ่งมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้กำลังซื้อซึมลงไปอีก ดังนั้นการลดราคาให้เข้าถึงง่ายจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้
กระนั้น The Pizza Company ก็คาดหวังว่าการคัมแบ็กของนิวยอร์กพิซซ่า XXXL ในครั้งนี้จะสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า ‘200 ล้านบาท’ ตลอด 4 เดือนของการวางจำหน่าย