×

เปิดแล้ว The PARQ Life แหล่งช้อป-ชิลแห่งใหม่ ติด MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
02.09.2020
  • LOADING...

เราเชื่อว่าทุกคนย่อมรู้จัก ‘MRT ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์’ กันอยู่แล้ว ส่วนใครจะแวะเวียนมาบ่อยแค่ไหน ก็สุดแล้วแต่ว่างานที่อยากมานั้นถูกจัดอยู่ในช่วงไหน 

 

ในระหว่างที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์กำลังพลิกโฉมครั้งใหญ่ รู้หรือไม่ว่าวันนี้ได้เกิดแหล่งแฮงเอาต์สุดชิลแห่งใหม่ในย่านนี้ที่ไม่ควรพลาดแก่การเข้ามาจิบกาแฟร้านดัง ทานอาหารร้านโปรด ช้อปปิ้ง ก่อนเช็กอิน และถ่ายรูปลงอินสตาแกรม นั่นคือ The PARQ Life ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ The PARQ โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท 

 

The PARQ Life ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ที่ให้บริการด้านสุขภาพและความงาม ตลอดจนร้านที่ดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งวันนี้กลายเป็นตัวเลือกสำคัญหากเราจะเดินเข้าไปช้อปสักร้านหนึ่ง

 

The PARQ Life เริ่มซอฟต์โอเพนนิ่งไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 กันยายนนี้ แต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น เราได้ลองเดินเข้าไปสำรวจและคัดร้านเด็ดที่ไม่ควรพลาดมาให้แล้วที่นี่ โดยคุณสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตามลำดับร้านต่างๆ ที่เราเรียงไว้ให้เลย

 

Brave Roasters ร้านกาแฟที่ซื้อเมล็ดโดยตรงจากเกษตรกรทั่วโลกและคั่วเอง

 

 

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่า The PARQ Life เป็นส่วนหนึ่งของ The PARQ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส โดยอีกส่วนหนึ่งเป็นอาคารสำนักงาน จึงมีพนักงานออฟฟิศทำงานอยู่ที่นี่จำนวนมาก

 

สำหรับพนักงานออฟฟิศช่วงเช้าๆ ก่อนที่จะเริ่มทำงานคงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้จิบกาแฟหอมๆ สักแก้ว เติมพลังก่อนจะไปเจอวันอันหนักหน่วง เราขอบอกว่า Brave Roasters จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

 

เพราะหากใครที่เป็นนักดื่มกาแฟตัวยงคงจะรู้จักกับชื่อแบรนด์กาแฟนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะ Brave Roasters เป็นแบรนด์เมล็ดกาแฟที่อยู่เบื้องหลังคาเฟ่ดังๆ มากมายในกรุงเทพฯ จุดเด่นของ Brave Roasters คือการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟโดยตรงกับเกษตรกรทั้งในไทย ไร่จอมทอง ดอยแม่มอญ และดอยสะเก็ด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟชั้นดี ตลอดจนค้นหากาแฟสายพันธุ์ดีๆ จากทั่วโลก

 

 

เมื่อได้เมล็ดกาแฟมาแล้วก็เข้ามาสู่โรงคั่วของตัวเอง ทำให้กาแฟของ Brave Roasters เป็นสูตรเฉพาะที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นอกจากกาแฟแล้ว ร้านแห่งนี้ยังคิดค้น ‘สูตรไซรัป’ ขึ้นมาเอง อย่างเช่น Ginger Bread และ Vanilla Cloves ซึ่งไซรัปทุกตัวใช้ของธรรมชาติทั้งหมดในการทำ ไม่มีการสังเคราะห์หรือใช้กลิ่นอะไรปรุงแต่ง อย่าง Ginger Bread ก็ทำขึ้นมาจากขิงสด ขิงแห้ง ลูกจันทน์เทศ แล้วก็ใช้อบเชยจริงๆ ทำ

 

รูปแบบของร้านก็น่าสนใจไม่แพ้กาแฟ เพราะตั้งอยู่บริเวณ Q Steps จุดไฮไลต์ของโครงการที่เป็นที่นั่งลักษณะขั้นบันได ที่ทำให้เราสามารถนั่งจิบกาแฟมองผู้คนที่เดินไปมาก็เพลินไม่น้อย หรือจะถือโน้ตบุ๊กสักเครื่องมานั่งทานเพลินๆ ตรง Q Steps นี้ก็ได้ นอกจากนี้เคาน์เตอร์ชงกาแฟของที่ร้านยังเปิดโล่ง ทำให้เราสามารถมองเห็นขั้นตอนการทำเครื่องดื่มแบบพิถีพิถันอย่างใกล้ชิด 

 

 

แต่ถ้าใครไม่อยากกินแค่กาแฟ อยากมีขนมสักชิ้นมากินคู่กัน ก็สามารถเลือกขนมที่รังสรรค์ขึ้นมาแบบโฮมเมดได้เช่นกัน กาแฟเข้มๆ ตัดกับเค้กเลมอนดูเข้ากันไม่ใช่เล่น

 

Peace – Oriental Teahouse ร้านชาที่สามารถเลือกให้เหมาะสมกับช่วงเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ถ้าใครรู้สึกว่าคาเฟอีนอาจจะหนักสำหรับร่างกายเกินไป เราขอแนะนำให้รู้จัก Peace – Oriental Teahouse ห้องจิบน้ำชาแบบตะวันออกที่โดดเด่นเรื่องการชงชาจีนและญี่ปุ่น

 

 

เพียงก้าวแรกที่เดินเข้าไป เสมือนเราเดินเข้าไปอีกโลกหนึ่ง เพราะในร้านถูกออกแบบโดยใช้แนวคิดมินิมัลและใช้ไม้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่งร้าน ด้านในแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน โซนติดเคาน์เตอร์เป็นโต๊ะไม้ยาว พื้นยกระดับให้อยู่ในระนาบเดียวกับผู้ชงชา มีเก้าอี้หันเข้าหาเคาน์เตอร์เพื่อให้เห็นและใกล้ชิดวัฒนธรรมการชงชาแบบวิถีเซนแท้ๆ และผนังด้านข้างทำเป็นดิสเพลย์เพื่อวางอุปกรณ์ชงชา 

 

ตัวชาทางร้านมีให้เลือกหลากหลาย และสามารถเลือกให้เหมาะสำหรับช่วงเวลาได้ เช่น หลังทานข้าวเสร็จก็ดื่มชาอู่หลงที่ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร หรือช่วงเย็นก็สามารถจิบชาที่มีคุณสมบัติเพิ่มความผ่อนคลาย ช่วยให้หลับสบายในยามค่ำคืน

 

 

ความพิเศษของร้าน Peace Oriental Teahouse นอกจากชาที่หลากหลายแล้ว ชาของที่ร้านจะเปลี่ยนคอลเล็กชันทุก 3 เดือน ด้วยเหตุนี้จึงมีชาใหม่ๆ ทั้งชาจีนและญี่ปุ่นหลายสิบชนิดไว้คอยต้อนรับเสมอ ซึ่งชาแต่ละชนิดก็จะมีวิธีการชงแตกต่างกันไป ก่อนที่เราจะได้จิบชาหอมๆ ก็สามารถเพลิดเพลินกับกระบวนการชงชาอย่างพิถีพิถัน ที่เราอาจจะไม่ได้เห็นแบบนี้ที่ไหนบ่อยนัก

 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเสน่ห์ของชาภายใต้บรรยากาศสงบ สบาย ดีไซน์แบบมินิมัล เราขอแนะนำให้แวะไปลิ้มลองที่ Peace Oriental Teahouse สาขานี้ แล้วคุณจะรู้ว่ารสชาติของชาที่แท้จริงเป็นอย่างไร รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

 

Sakae Shabu ร้านที่ชูเอกลักษณ์ของชาบูชาบูและสุกี้ญี่ปุ่น

จิบเครื่องดื่มเบาๆ กันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาจัดเต็มกับอาหารมื้อเที่ยง หากเที่ยงหรือเย็นนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทานอะไร เราขอแนะนำ Sakae Shabu ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศไทย 

 

 

สายเนื้อต้องไม่พลาด เพราะที่นี่ได้คัดสรร ‘เนื้อวากิว’ ที่ดีที่สุด เมื่อมาเจอน้ำจิ้มงาสูตรดั้งเดิมที่ชื่อว่า ‘Gomadare’ เราขอบอกว่ามันเข้ากันอย่างลงตัว และอยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองด้วยตัวเอง

 

ยิ่งการกินในบรรยากาศที่ตกแต่งแบบญี่ปุ่น และยังมีพนักงานใส่ชุดกิโมโนคอยต้อนรับ ไม่ได้นั่งเครื่องบินไปก็เหมือนได้ไปเยือนญี่ปุ่นด้วยตัวเองเลยทีเดียว

 

 

Food Republic เมนูหลากหลายให้เลือกแบบจุใจ

แต่หากเที่ยงนี้ก๊วนแก๊งไหนที่นึกไม่ออกว่ามื้อนี้จะกินอะไรดี เราขอเชิญที่ Food Republic ศูนย์รวมความอร่อยที่มีให้เลือกหลากหลาย มีที่นั่งให้บริการมากมาย จะกลุ่มใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีสะดุด แถมยังเสิร์ฟความอร่อยในราคาที่คุ้มค่าที่สุดด้วย

 

 

เมื่อเราเดินเข้าไปที่ Food Republic เราพบว่าตัวเองไม่ได้เจออาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ละลานตาไปด้วยอาหารที่หลากหลาย อาทิ Juzzbar, Sergeant, Omelet Rama9, บู๊ ลูกชิ้นปลาเยาวราช, TOMU, หอยทอดสยามอัมพวา, Suki The Empire, แชมป์แม่กลอง, สยามแซ่บวงศ์, เจ้าพระยาก๋วยเตี๋ยวเรือ และเทียนชัย 24 

 

มีทั้งของคาว ของหวาน จะต้ม ผัด แกง ทอด ก็มีให้เลือก หากไปกินกับเพื่อนหลายๆ คน สบายหายห่วง ได้กินอาหารในแบบที่ชอบกันทุกคน

 

 

722 Organic Tea ชานมออร์แกนิกที่ไม่ต้องกังวลเรื่อง ‘แคลอรี’ 

เมื่อถึงช่วงเวลาบ่ายๆ ของวัน แน่นอนเราต้องนึกถึงเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่ออย่าง ‘ชานมไข่มุก’ แต่หากใครที่กำลังนึกถึงเรื่องสุขภาพ เราขอรับรองว่า 722 Organic Tea จะทำให้คุณสามารถดื่มได้แบบไม่รู้สึกผิด

 

 

เพราะ 722 Organic Tea เป็นร้านชานมที่นอกจากจะทำมาจากชาออร์แกนิก นมก็ยังเป็นออร์แกนิก แต่ถ้าใครแพ้แลคโตสก็มีนมถั่วเหลืองแทน ตัวไข่มุกก็ไร้สารกันบูด

 

แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ ชานมของที่นี่เลือกใช้น้ำตาลแคลอรีต่ำที่ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไปถึง 95% สบายใจหายห่วง ได้กินของที่ชอบโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความหวาน

 

 

Gyu-Kaku ร้านเนื้อย่างแบบฉบับญี่ปุ่น

ช่วงเย็นๆ คงไม่มีอะไรจะฟินไปกว่าการ ‘กินเนื้อย่าง’ อีกแล้ว ซึ่งที่ Gyu-Kaku ถือเป็นร้านปิ้งย่างที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะมีสาขามากที่สุดในญี่ปุ่น และมีอีก 700 สาขาทั่วโลก

 

เหตุผลที่ทำให้ Gyu-Kaku สามารถขยายสาขาได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะที่ร้านได้ขนเอาเนื้อนำเข้าจากหลายฟาร์มสุดพรีเมียมที่มีให้เลือกหลากชนิด ทั้งสด นุ่มลิ้น และแทบละลายในปาก มาเสิร์ฟถึงโต๊ะในเมืองไทย โดยไม่ต้องบินไปกินไกลถึงญี่ปุ่น

 

 

เนื้อที่เสิร์ฟในร้านมีทั้งวากิว เนื้อมิซึจิ เนื้อท้องลาย (Harami) เนื้อซี่โครง (Karubi) เนื้อสันคอ (Rosu) ลิ้นวัว ฯลฯ หรือถ้าหากใครไม่ใช่สายทานเนื้อ ก็ยังมีเนื้อสัตว์ชนิดอื่นให้เลือกสั่ง ไม่ว่าจะเป็นหมูหมักมิโซะรสหวาน สันคอหมูหมักซอสทาเระ เนื้อไก่หมักซอสโหระพา เนื้อปลาแซลมอน รวมถึงผักสดกรุบกรอบอีกมากมาย

 

นอกจากบรรดาเนื้อชนิดต่างๆ ที่เป็นหัวใจหลักของร้าน ก็ยังมีของกินเล่นอีกมากมายถึง 60 เมนู กินให้ฟินตัวแตกกันเลยทีเดียว

 

 

Jetts Black คลับระดับพรีเมียมแห่งแรกของไทย

กินกันมาทั้งวัน จะลืมดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายไปได้อย่างไร ถ้านึกถึงเรื่องออกกำลังกายก็ต้องนึกถึง Jetts Fitness ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจฟิตเนสจากประเทศออสเตรเลีย แต่หลายคนอาจคุ้นเคยกับ Jetts Fitness ที่มาพร้อมกับสีแดง แต่เมื่อมาเปิดที่ The PARQ Life ต้องแตกต่างจากที่อื่นๆ ด้วย Jetts Black

 

 

ตัว Jetts Black นั้นมาพร้อมกับโทนสีดำที่ยกระดับประสบการณ์การออกกำลังกายไปอีกขั้น ด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายรุ่นท็อปสุดทันสมัย โปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อผลลัพธ์ที่รวดเร็ว พื้นที่ที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการเทรนนิ่งทุกรูปแบบ คลาสออกกำลังกายแบบกลุ่ม เอกลักษณ์เฉพาะของ Jetts Fitness 

 

โดยมีคลาสใหม่ล่าสุดอย่าง Les Mills RPM, Bounce และ USTIX อีกทั้งยังมีคาเฟ่เพื่อสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น กุญแจดิจิทัลล็อก บริการผ้าขนหนูอีกด้วย

 

The PARQ Workplace จัดเต็มด้วยนวัตกรรม

อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่า The PARQ Life เป็นส่วนหนึ่งของ The PARQ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส นอกจาก The PARQ Life ที่รวบรวมร้านต่างๆ เพื่อให้คนทำงานในออฟฟิศนี้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้ว สิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ‘The PARQ Workplace’ พื้นที่สำนักงานเกรดเอที่จัดเต็มด้วยนวัตกรรม

 

 

จุดเด่นของอาคารนี้คือ ขนาดพื้นที่ต่อชั้น (Floor Plate) ซึ่งปราศจากเสาภายใน (Column-Free) ขนาดใหญ่ถึง 5,200 ตารางเมตร และเพดานสูงถึง 3 เมตร เพื่อสร้างความยืดหยุ่นแก่ผู้เช่าในการจัดสรรและออกแบบพื้นที่สำนักงานของตนเอง 

 

นอกจากนี้ทั้งสองฝั่งของอาคารยังมีล็อบบี้เป็นของตัวเอง พร้อมลิฟต์โดยสารที่กว้างขวางและเปิดเฉพาะชั้น รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม 

 

 

ส่วนด้านนอกอาคารจะใช้กระจกสะท้อนแสง Low-E มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น 

 

ระบบแสงสว่างจะเป็นไฟ LED ที่ทำงานโดยระบบเซนเซอร์ตรวจจับแสงอาทิตย์ ระบบฝ้าเพดานที่เก็บเสียง และมีกลไกควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารตลอดเวลา

 

ที่สำคัญในวันที่หลายคนกำลังกังวลกับฝุ่น PM2.5 และ PM10 หรือโควิด-19 แต่ผู้ที่ทำงานอยู่ใน The PARQ Workplace ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะอาคารได้วางแผนมาล่วงหน้าแล้ว โดยติดตั้งระบบหมุนเวียนอากาศสูงกว่าระดับมาตรฐานสากลถึง 30% ตลอดจนระบบกรองอากาศสองชั้น เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 และ PM10 เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ที่ทำงานภายในอาคารสำนักงาน 

 

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งหลอด UVC Emitters ที่ทำจากแร่ Quartz ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปล่งรังสีที่มีความเข้มสูง หลอด UVC ได้นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา มีความสามารถในการกำจัดแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดต่อผ่านทางอากาศ รวมถึงลดอัตราการติดโควิด-19 ที่สะสมบนพื้นผิวต่างๆ ได้ โดยทุกค่ำคืนจะมีเจ้าหุ่นยนต์ UV-C Robot ออกมาเคลื่อนที่ฉายรังสี UVC ฆ่าเชื้อไปทั่วตึก

 

 

แค่นั้นยังไม่พอ ภายในอาคารได้ใช้ระบบไร้สัมผัส เช่น ห้องน้ำ เพียงเราโบกมือผ่านเซนเซอร์ก็สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้ทันที โดยที่มือของเรานั้นไม่ต้องสัมผัสกับประตูห้องน้ำ

 

ขณะเดียวกันภายในโครงการประกอบไปด้วยสวน ‘Q Garden’ ซึ่งเป็นสวนลอยฟ้าขนาด 3,400 ตารางเมตร ที่ร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด และตกแต่งด้วยธารน้ำอย่างสวยงาม 

 

เดินจนเพลิน กินจนอิ่ม มาทั้งวัน ขอแทรกวันด้วยช่วงเวลาเสพงานศิลปะต่างๆ ที่ออกแบบโดยศิลปินมืออาชีพ ขอบอกเลยว่าผลงานศิลปะทุกชิ้นที่ถูกติดตั้งอยู่ที่โครงการนี้มีแนวคิดการออกแบบอันลึกซึ้งที่ศิลปินแต่ละท่านตั้งใจถ่ายทอดผ่านผลงานของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับใครที่อยากพักสายตาจากการทำงานหนัก มาพบกับงานศิลป์ที่ช่วยคลายความล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดี

 

 

ทั้งหมดนี้คือ The PARQ โครงการที่มุ่งเน้นการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวันผ่านความล้ำสมัยของอาคารที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว 

 

อย่าลืมมาร่วมฉลองการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ The PARQ วันที่ 3-5 กันยายนนี้

 

พิเศษ! วันที่ 3 กันยายน พบกับ Live Music จาก แสตมป์ อภิวัชร์ เวลา 19.00 น. บริเวณ Q Steps ชั้น 1 และเพียงร่วมสนุกครบทุกกิจกรรม รับทันที The PARQ Voucher มูลค่า 200 บาท 

 

พร้อมทั้งโปรโมชันจัดเต็ม โดยหากอิ่มอร่อยครบ 500 บาทจากร้านที่อยู่ใน The PARQ สามารถมาแลกรับ The PARQ Reusable Straw ส่วนใครที่อิ่มครบ 1,000 บาท สามารถมาแลกรับ The PARQ Tote Bag และใครที่อิ่มครบ 2,000 บาท รับไปเลย Voucher มูลค่า 400 บาท

 

อิ่มอร่อยแล้ว อย่าลืมไปแลกรับของที่ระลึกกันด้วยนะ! 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising