แม้โดยทั่วไป ชัยชนะจะเป็นด้านตรงข้ามของความพ่ายแพ้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วสองเรื่องนี้ก็อาจกลายกลืนเป็นเรื่องเดียวกันได้ ขึ้นอยู่กับมุมมองและบริบทแวดล้อมของเรื่องนั้น เพราะในบางสถานการณ์ แม้เราจะดูเหมือนผู้แพ้ แต่ใครจะรู้ว่ามันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกัน ชัยชนะที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ มีผู้คนสรรเสริญกันอย่างกึกก้อง ก็อาจเป็นเพียงความพ่ายแพ้ที่เราต้องแบกรับไว้อย่างเจ็บปวดและเงียบเชียบเพียงผู้เดียว กล่าวให้ง่ายและพื้นฐานที่สุด คนทั่วไปมักจะคิดว่า คนเราจะพบชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้ในสนามการแข่งขันต่างๆ และจะต้องมีคนเป็นสักขีพยานว่า เราชนะคนอื่นมาแล้วจริงๆ แต่บางทีสนามนั้นก็อาจไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แค่มีใครอีกคนรับรู้ก็พอแล้ว เช่น ถ้าเราชวนเพื่อนคนหนึ่งวิ่งแข่งกัน แล้วเราชนะ ก็แปลว่า เรากับเพื่อนคนนั้นก็คือสองคนในโลกที่รู้ เพราะมันเป็นประสบการณ์จริงแท้ที่โกหกกันไม่ได้ เว้นแต่ว่าเมื่อเพื่อนเราไปเล่าผลแพ้ชนะให้คนอื่นฟังอีกอย่างว่าเราแพ้ คนอื่นๆ ก็จะรับรู้ไปตามนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรู้ความจริงเท่ากับคนที่อยู่ในสถานการณ์ด้วย ซึ่งในกรณีนี้ ชัยชนะอาจเป็นแค่เรื่องที่รู้เฉพาะตัว ใครทำใครก็รู้เท่านั้นเอง
จะว่าไป การโกหกว่าตัวเองได้รับชัยชนะหรือประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรมาบ้าง ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ไม่ยาก และสังคมรวมทั้งรูปแบบการสื่อสารทางโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ ก็เอื้อให้คนเราพูดและสร้างภาพได้เรื่อยๆ จนมีคนเชื่อว่า เราช่างเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากมายเหลือเกิน เผลอๆ เราเองก็เชื่อเรื่องที่ตัวเองแต่งขึ้นมาด้วย กระทั่งมีกลุ่มคนที่สามารถขุดคุ้ย ตีแผ่ความจริงได้นั่นแหละ ชื่อเสียงนั้นก็สามารถดับได้ในชั่วข้ามคืน ไม่ว่าจะดังมาแล้วกี่วันกี่คืนก็ตาม แม้จะเป็นชัยชนะหรือความสำเร็จจอมปลอม แต่ก็แปลกที่ยังมีคนจำนวนมากยินดีที่จะลิ้มรสที่คิดว่าหอมหวาน ทั้งที่ความอับอายที่จะตามมาคือความขมขื่นเหลือประมาณ และยาวนานกว่า แต่ก็ยังมีคนยอมแลก เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีต้นทุนใดๆ สะสมไว้ และวิธีคิดแบบนี้เองที่น่าเศร้า เพราะเอาเข้าจริง ทุกคนล้วนมีต้นทุนที่มองไม่เห็นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ ความน่าเคารพในฐานะมนุษย์ ซึ่งถ้าเราไม่เคารพตัวเองจนถึงขั้นโกหกในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น บอกโลกถึงความสำเร็จและชัยชนะที่เราไม่ได้ลงแรงทำ ก็จะไปโทษอะไร หากใครคนอื่นจะไม่เคารพหรือถึงขั้นเหยียบย่ำเราได้ หากเวลาแห่งความจริงเดินทางมาถึง
ขณะเดียวกัน ชัยชนะประเภทที่ได้มาโดยมีคนรับรู้มากมาย และไม่ใช่เรื่องจอมปลอม ก็ย่อมจะมีความรับผิดชอบและความคาดหวังที่ตามมาอย่างมหาศาล การได้รับการจับตามอง การถูกตั้งคำถาม การถูกตั้งข้อสงสัย หรือกระทั่งการถูกท้วงติง ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชนะต้องพบเจอ และแม้จะยินดีปรีดากับชัยชนะเพียงใด แต่เรื่องราวของผู้ชนะยังไม่จบแค่นั้น ชั่วขณะแห่งชัยชนะนั้นสั้นนิดเดียว การรักษาชัยชนะไม่ให้เปลี่ยนมือ การยืนระยะให้ได้นาน ไปจนถึงการเลือกที่จะลงจากตำแหน่งผู้ชนะอย่างสง่างาม หรือกล่าวให้ไกลไปถึงการยอมแพ้เมื่อสู้จนสุดความสามารถ ก็ล้วนมีส่วนในการกำหนดนิยามของชัยชนะได้ทั้งสิ้นว่าเราเป็นผู้ชนะที่จริงแท้แค่ไหน ในเมื่อชัยชนะยังมีทั้งแบบที่มองเห็นและไม่เห็น มีทั้งแบบที่คนรู้และไม่รู้ มีทั้งแบบจริงและลวง ความพ่ายแพ้ก็เช่นกัน และเราในฐานะมนุษย์ที่เกิดมาในโลกแห่งความผันแปรไม่แน่นอน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับมือทั้งกับชัยชนะและความพ่ายแพ้ ที่สุดท้าย-สุดทางแล้ว ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่ เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ล้วนมีความหมายกับมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหน ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องชั่วคราว ถ้าปล่อยให้มันกดทับนานเกินไป หัวใจเราจะมีแต่ร่องรอยฝังลึก ทั้งที่วันหนึ่ง ทุกอย่างล้วนต้องผ่านเลย