×

‘THE MATCH’ ในความทรงจำสีแดงของใครหลายคน

13.07.2022
  • LOADING...
THE MATCH

HIGHLIGHTS

  • มองในเชิงของเกมกีฬา ‘THE MATCH’ มีคุณค่าในการเป็นเกมประวัติศาสตร์ที่สองสโมสรฟุตบอลที่โด่งดังและมีชื่อเสียงที่สุดของอังกฤษเดินทางมาแข่งในบ้านเรา
  • สิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับช่วงพรีซีซันไม่ใช่เรื่องของผลการแข่งขัน แต่เป็นการตระเตรียมทีม การทดสอบทีม ที่จะมองเห็นอนาคตของทีมในฤดูกาลที่จะมาถึงว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร
  • จริงอยู่ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดการแข่งขันเกมนี้เต็มไปด้วย ‘บ้าบอ’ มากมายตั้งแต่ต้นจนจบ เพียงแต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป เช่นเดียวกับทุกเรื่องของชีวิต

Allez Allez Allez!

 

ผ้าพันคอถูกชูขึ้นก่อนโบกสะบัดขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เล็กๆ บริเวณนั้นจะกระโดดร่วมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศสายฝนที่โปรยปรายคล้ายการชวนเต้นระบำด้วยกันอย่างอ่อนโยน

 

การแสดงบนเวทีของ เจมี เว็บสเตอร์  ศิลปินชาวอังกฤษซึ่งเป็นเจ้าพ่อเพลงเชียร์ของแฟนๆ ลิเวอร์พูลยุคปัจจุบัน ผู้มาแทนที่ของ เจอร์รี มาร์สเดน แห่งวง Gerry and the Pacemakers ผู้ล่วงลับ เป็นหนึ่งในอีกสีสันที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าราชมังคลากีฬาสถานที่สวยสดและงดงาม

 

สำหรับหลายคน และสำหรับตัวผมเอง บางทีนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาต้องมนตร์ เป็น Magic Moment ที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับช่วงเวลาแบบนี้บนแผ่นดินไทย

 

และเชื่อว่าแฟนฟุตบอลอีกหลายพันหลายหมื่นคนเองก็น่าจะมีชั่วโมงต้องมนตร์ของตัวเองเช่นเดียวกัน

 

“นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของผมก็ได้ที่ได้เห็นพวกเขาใกล้ๆ แบบนี้” แฟนฟุตบอลกล่าวในระหว่างที่เขาและพวกเขาอีกหลายร้อยคนยืนรอรถบัสของนักฟุตบอลทีมรักอย่างอดทนโดยมิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย

 

บนฟีดโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยภาพความประทับใจของแฟนฟุตบอลไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือลิเวอร์พูล กับ ‘โมเมนต์’ ที่ตัวเองได้มีโอกาสพบและใกล้ชิดกับขวัญใจในระยะประชิด

 

THE MATCH

 

บางคนเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว เราต่างก็โยนหมวกหรือหน้ากากนั้นทิ้งไปข้างหลังโดยไม่ลังเลเพื่อจะกลายเป็นแค่แฟนฟุตบอลหรือ Supporter ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชูเสื้อ ผ้าพันคอ หรืออะไรก็ได้ที่อยู่ในมือ พร้อมตะโกนเรียกอย่างไม่อายใครเพื่อหวังจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสักครั้ง

 

มองในเชิงของเกมกีฬา ‘THE MATCH’ มีคุณค่าในการเป็นเกมประวัติศาสตร์ที่สองสโมสรฟุตบอลที่โด่งดังและมีชื่อเสียงที่สุดของอังกฤษเดินทางมาแข่งในบ้านเรา

 

จริงอยู่ที่การเดินทางมาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการหารายได้ของสโมสรควบคู่กับการรักษาและขยายฐานการตลาดใหม่ๆ ซึ่งแม้ปัจจุบันพรมแดนของคำว่าแฟนฟุตบอลนั้นจะเลือนรางเพราะสื่อสังคมออนไลน์ แต่ตัวเลขจำนวนผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเทียบกับแฟนฟุตบอลตัวเป็นๆ

 

ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดใช้โอกาสนี้ได้ดีในการเก็บเกี่ยวและร้อยรัดความผูกพันให้เกิดขึ้น

 

และในเวลาเดียวกันก็เป็นโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ของทั้งสองทีมหลังผ่านฤดูกาลที่ผิดหวังมาด้วยกันทั้งคู่

 

ฝ่ายแรกก็มีโอกาสได้ทดลองนักเตะใหม่ที่จะเป็นอนาคตของสโมสรอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ

 

ฝ่ายหลังนั้นมีนักฟุตบอลใหม่แค่คนเดียวคือ ไทเรลล์ มาลาเซีย ก็จริง แต่พวกเขาได้ผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง เอริก เทน ฮาก และแค่นัดแรกก็ดูเหมือนกุนซือดัตช์แมนจะสร้างความประทับใจให้ทุกคนได้เห็นถึงแนวทางการทำทีมที่แตกต่างจาก 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ปีศาจแดงที่เล่นกันแบบไร้ใจในฤดูกาลก่อนได้ตายจากไปแล้ว นี่คือปีศาจตนใหม่ที่มีความกระหาย ดุดัน ต้องการจะลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเตะที่เหมือนตายทั้งเป็นมาก่อนอย่าง เอริก ไบยี หรือ อองโตนี มาร์กซิยาล

 

พวกเขาคว้าชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และแม้ทุกคนจะรู้ดีว่านี่เป็นแค่เกมพรีซีซัน แถมเป็นเกมพรีซีซันนัดแรกกับลิเวอร์พูลที่เพิ่งกลับมารวมตัวได้ไม่นาน ทำให้ เจอร์เกน คล็อปป์ จำเป็นต้องจัดทีมเป็น 3 ชุด

 

เพียงแต่หลังโดนไล่ต้อนตือเหมือนบอลคนละชั้นมาร่วมปี สกอร์ 4-0 ในเกมนี้ก็นับเป็นยาชุบชูใจเล็กๆ น้อยๆ ได้อยู่เหมือนกัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกับแฟนๆ บนอัฒจันทร์ เพราะดูเหมือนนักฟุตบอลเองก็กระตือรือร้นเป็นพิเศษไปด้วย

 

แต่สิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับช่วงพรีซีซันไม่ใช่เรื่องของผลการแข่งขัน แต่เป็นการตระเตรียมทีม การทดสอบทีม ที่จะมองเห็นอนาคตของทีมในฤดูกาลที่จะมาถึงว่าจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร

 

โดยที่แฟนบอลชาวไทยก็โชคดีมากพอที่จะได้เห็นการซ้อมของทั้งสองทีมด้วยในบรรยากาศที่ใกล้ชิดอย่างเหลือเชื่อ

 

THE MATCH

 

สิ่งเหล่านี้คือความทรงจำที่สวยงามที่เกิดขึ้นจาก THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 – เกมฟุตบอลเหนือจิตนาการที่เกิดจากลูกบ้าของ วินิจ เลิศรัตนชัย

 

จริงอยู่ที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดการแข่งขันเกมนี้เต็มไปด้วย ‘บ้าบอ’ มากมายตั้งแต่ต้นจนจบ จากการประกาศราคาบัตรที่ทำเอาแฟนบอลโอดครวญเพราะสนนราคานั้นสูง – สูงเสียจนแฟนต่างชาติยังงงใจว่าทำไมตั้งราคาขนาดนี้ – ไปจนการถ่ายทอดสดล่ม และปิดท้ายด้วยถ้วยแชมป์ที่ บรูโน แฟร์นันด์ส ในฐานะตัวแทนกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้รับ แล้วพบว่าถูกนำมาตั้งวางไว้ในห้องทำงานของผู้สื่อข่าว (ผมเองอยู่ในห้องนั้นช่วงหลังจบเกมแต่ไม่ได้เห็นถ้วยนี้)

 

หลายเรื่องนั้นหากเปรียบเป็นมวยผู้จัดอย่าง เฟรชแอร์ เฟสติวัล ก็เหมือนโดนปล่อยหมัดฮุกใส่เต็มคางเพราะดันเผลอไผลปล่อยการ์ดตก โดนเข้าทีก็แทบทรุด และไม่ได้โดนทีเดียว โดนหลายทีด้วย

 

ที่เจ็บไม่น้อยกว่าคนจัดงานคือแฟนฟุตบอลจำนวนมากที่รู้สึกเหมือนถูก ‘หักหลัง’ จากการแก้ปัญหาที่สร้างปัญหาใหม่ คนเหล่านี้คือคนที่น่าเห็นใจที่สุดซึ่งทำอะไรไม่ได้มากกว่าการส่งเสียงความเจ็บปวดออกมา และใช้เวลาไปกับมันให้ดีที่สุด

 

เพียงแต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป เช่นเดียวกับทุกเรื่องของชีวิต

 

และทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นความทรงจำ

 

มากหรือน้อย ดีหรือร้าย เชื่อว่าใครที่ได้เกี่ยวข้องกับ THE MATCH ก็จะมี ‘ความทรงจำสีแดง’ ของตัวเองเก็บไว้

เหมือนคล็อปป์ – ผู้เก็บอาการไม่อยู่เผลอแอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงตะโกนกู่ร้องชื่อของเขาโดยแฟนเดอะ ค็อปชาวไทยในสนาม – ที่ก่อนจะบอกลาประเทศไทยก็ได้บอกรักเอาไว้ให้รู้

 

“อยากให้พวกคุณภูมิใจในความเป็นคนไทยที่แสนดีของพวกคุณ”

 

พร้อมกับคำสัญญา

 

“นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกัน”

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising