×

รวมเหตุการณ์สุดประทับใจของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2020-21

24.05.2021
  • LOADING...
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

หลังการแข่งขันเกมสุดท้ายของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ประจำฤดูกาล 2020-21 ได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา 

 

วันนี้ THE STANDARD ขอพาทุกคนไปย้อนชมเหตุการณ์สุดประทับใจที่เกิดขึ้นตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา 

 

แฟนเพจ THE STANDARD มีเหตุการณ์ใดที่ประทับใจที่สุดตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา สามารถร่วมแบ่งปันกับเราได้ในคอมเมนต์ 

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

แฟนบอลหวนคืนสู่สนาม 

 

“Football is nothing without fans” คือประโยคที่มักจะถูกล่าวถึงความสัมพันธ์ที่สโมสรฟุตบอลมีกับแฟนบอล เพราะแฟนบอลมีส่วนเชื่อมโยง สนับสนุน ในแบบที่เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของทุกทีมกีฬา 

 

แต่ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้การแข่งขันฟุตบอลโดยเฉพาะในยุโรป นักข่าวต้องเขียนทิ้งท้ายประโยคด้วยคำว่า ‘แข่งขันแบบปิด’ ไม่ให้แฟนบอลเข้าสนามเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย 

 

และหลังจากที่เราได้เห็นแต่ป้ายโลโก้สโมสร รูปแฟนบอลบนป้ายกระดาษ และข้อความสนับสนุนประเด็นทางสังคมบนอัฒจันทร์ของแต่ละสนามตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา 

 

สุดท้ายในฤดูกาลนี้เราก็ได้เห็นแฟนบอลกลับคืนสู่สนามอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเชียร์ในแต่ละสนามที่ตอกย้ำถึงความสำคัญของประโยคแรกที่เราใช้อธิบายความหมายของภาพนี้ 

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

อลิสสันโหม่งพังประตูชัยให้ลิเวอร์พูล 

 

ฤดูกาล 2020-21 นับเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่แฟนบอลลิเวอร์พูลพบเจอกับโรลเลอร์โคสเตอร์ทางอารมณ์ในการเชียร์เป็นอย่างมาก 

 

หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี เมื่อฤดูกาลที่แล้ว 

 

มาในครั้งนี้พวกเขาต้องสูญเสีย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังเสาหลักของทีม ที่ได้รับบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่าขั้นรุนแรง บวกกับกองหลังหลายคนทยอยกันได้รับบาดเจ็บจนฟอร์มโดยรวมของทีมดรอปลงไปจากฤดูกาลที่แล้วเป็นอย่างมาก 

 

แต่หลังจากความพยายามต่อสู้เพื่อพาทีมกลับสู่เส้นทางของการจบ Top 4 ในฤดูกาลนี้เริ่มเห็นผลสำเร็จในช่วงท้าย เราก็เชื่อว่าไม่มีเหตุการณ์ไหนน่าจะประทับใจไปกว่า ประตูชัยของ อลิสสัน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม 

 

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ลิเวอร์พูลต้องเก็บชัยชนะนัดที่เหลือทั้งหมดของฤดูกาลเพื่อการันตีสิทธิ์ไปแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า แต่พวกเขาเกือบสะดุดในเกมที่โดนเวสต์บรอมวิช อัลเบียนยิงประตูออกนำไปก่อนจาก ฮัล ร็อบสัน-คานู ในนาทีที่ 15 

 

แต่แชมป์เก่าก็ยังตีเสมอเป็น 1-1 ได้จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในนาทีที่ 33 จนมาถึงช่วงสุดท้ายที่แฟนบอลหลายคนเริ่มถอดใจ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเราเห็นผู้รักษาประตูชาวบราซิลเลียนวิ่งขึ้นมาช่วยทีมในจังหวะที่ได้ลูกเตะมุม 

 

และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออลิสสันผู้ที่มีโอกาสทำประตูน้อยที่สุดของทีมกลายเป็นผู้ที่กระโดดขึ้นโหม่ง เปลี่ยนทิศทางลูก ส่งบอลพุ่งเข้าประตูในนาทีที่ 90+5 พาทีมเอาชนะไปได้ 2-1 และสร้างเหตุการณ์ที่น่าประทับใจมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล 

 

หลังจากนั้นลิเวอร์พูลยังสามารถเก็บชัยชนะต่อเนื่องจนเกมสุดท้ายเอาชนะคริสตัล พาเลซไป 2-0 และจบการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ในอันดับที่ 3 พร้อมคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จอีกด้วย 

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เอฟเอคัพสมัยแรกของสโมสร กับบทบาทของเจ้าของสโมสรที่ได้รับการยกย่อง 

 

“ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของสโมสรกับนักเตะและแฟนบอลอยู่ในช่วงที่บอบบางมากในตอนนี้ แต่สิ่งที่เราเห็นที่เลสเตอร์เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้เห็นอย่างมาก เพราะผมไม่คิดว่าจะมีสโมสรไหนที่เชื่อมโยงถึงกันขนาดนี้ตั้งแต่ตำแหน่งสูงสุดถึงต่ำสุดในสโมสร 

 

“นี่คือสิ่งที่ฟุตบอลควรจะเป็น ความร่วมมือจากทั้งสโมสร เหมือนกับที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอกว่า คุณต้องการให้ทั้งสโมสรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน และทุกคนในสโมสรแห่งนี้ได้เดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกันมาตลอด และพวกเขาคู่ควรกับแชมป์วันนี้ในฐานะทีมที่ดีกว่า”

 

นี่คือสิ่งที่ผู้บรรยายเกมจาก BT Sport กล่าวถึงภาพบรรยากาศการฉลองแชมป์ที่ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ลงสนามมาเฉลิมฉลองแชมป์เอฟเอคัพร่วมกับทีม พร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนักเตะในสโมสร 

 

ซึ่งนับเป็นภาพสะท้อนหลักการบริหารสโมสรที่สื่อต่างประเทศหลายสำนักให้การยอมรับถึงความใส่ใจในความรู้สึกขององค์ประกอบต่างๆ ของสโมสร จนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สุดท้ายนำพามาซึ่งแชมป์เอฟเอคัพสมัยแรกของสโมสรในฤดูกาลนี้ 

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก การลุกฮือของแฟนบอลท่ีเปลี่ยนให้สโมสรหันมาใส่ใจความสัมพันธ์กับพวกเขามากขึ้น จนนำไปสู่การจัดตั้งบอร์ดแฟนบอล 

 

ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา แฟนบอลหลายเริ่มต้นได้ยินข่าวสารการก่อตัวของยูโรเปียนซูเปอร์ลีก สุดยอดรายการที่รวมทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปมาแข่งขันกันเอง ซึ่งเริ่มต้นมี 12 สโมสรชั้นนำเข้าร่วมก่อตั้งลีกขึ้นมาอย่างเป็นทางการ 

 

เวลา 56 ชั่วโมงต่อจากนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย 12 สโมสรชั้นนำที่เดินเครื่องการเมืองสื่อสารไปยังสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กับสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ว่าพร้อมที่จะเจรจาจัดการแข่งขันลีกใหม่นี้ ขณะที่องค์กรบริหารของโลกฟุตบอลทั้งฟีฟ่าและยูฟ่าต่างก็ออกมายืนยันว่าจะมีบทลงโทษสำหรับสโมสรที่เข้าร่วมลีกใหม่นี้ 

 

สุดท้ายเรื่องราวจบลงด้วยกาประท้วงใหญ่ของแฟนบอล โดยเฉพาะในอังกฤษ ที่แฟนบอลรวมตัวกันประท้วงหน้าสโมสร ทั้งเชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จนสุดท้ายทั้ง 6 สโมสรจากอังกฤษยอมประกาศถอนตัวออกจากลีก และทำให้ไอเดียนี้ถูกพักไปในชั่วขณะ 

 

แต่การประท้วงของแฟนบอลยังไม่จบลงสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อความรู้สึกต่อเจ้าของสโมสรอย่างตระกูลเกลเซอร์ ถูกจุดไฟให้ลุกขึ้นใหม่อีกครั้งจากการเข้าร่วมซูเปอร์ลีกโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของแฟนบอล 

 

จนทำให้พวกเขารวมตัวกันประท้วงในเกมศึกแดงเดือดพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูล จนทำให้เกมต้องเลื่อนแข่งขันออกไปเพื่อความปลอดภัย 

 

สุดท้ายหลังความพยายามประท้วงสกัดเกมแดงเดือดที่เลื่อนออกมาไม่สัมฤทธิ์ผล จนทำให้แฟนบอลผู้ประท้วงต่างทยอยเดินทางออกจากบริเวณสนามก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น ทำให้เชื่อว่าการประท้วงรอบนี้จะเบาบางลงแล้ว 

 

แต่รอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์ของเจ้าของทีมกับแฟนบอลยังคงบาดลึกลงไป หลังการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เข้าร่วมซูเปอร์ลีก โดยไม่มีความรู้สึกของแฟนบอลอยู่ในสมการ 

 

แม้ว่าเหตุการณ์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่สำหรับสโมสรอย่างเชลซีและลิเวอร์พูลก็ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารกับแฟนบอลครั้งใหญ่  

 

โดยเชลซีได้เปิดให้ตัวแทนแฟนบอล 3 คนเข้าไปร่วมประชุมบอร์ดบริหารได้ต่อจากนี้ 

 

ขณะที่ลิเวอร์พูลได้ก่อตั้งแฟนบอลเข้าเป็นสมาชิกบอร์ดบริหารที่จะสามารถเข้ามามีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจของสโมสรได้ในอนาคต 

 

ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของแฟนบอลกับสโมสรครั้งสำคัญในอังกฤษ

 

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

 

เซร์คิโอ อเกวโร ตำนานสโมสรที่ถึงเวลาบอกลา ขณะที่ แฮร์รี เคน มองว่า เขาถึงเวลาต้องไป 

 

ภาพการบอกลาสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของ เซร์คิโอ อเกวโร ในนัดสุดท้ายที่ยิงไป 2 ประตูพาทีมเอาชนะไป 5-0 เหนือเอฟเวอร์ตัน และยังทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูให้กับสโมสรเดียวมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่ 124 ประตู ในรอบ 10 ปี 

 

พร้อมกันนี้แฟนบอลและสโมสรยังร่วมให้เกียรติผู้กลายเป็นตำนานของสโมสรไปแล้ว ด้วยการต่อแถว Guard of Honour ส่งท้ายเกมสุดท้ายของเขาในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา 

 

นับเป็นการจากลากันอย่างสวยงามของตัวเขาและต้นสังกัดที่เรียกได้ว่าเขามีส่วนสำคัญในการสร้างความสำเร็จตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยสถานีต่อไปของเขาจะย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา โดยจะมีการแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ 

 

รวมถึงการเข้าชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นครั้งแรก ทำให้อเกวโรมีโอกาสทำตามเป้าหมายที่เขาต้องการคือพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จ และหากเขาทำสำเร็จจะเป็นการบอกลากับสโมสรอย่างยิ่งใหญ่ที่โปรตุเกสอีกด้วย 

 

แต่ข้ามไปที่สถานการณ์ของศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของท็อตแนม ฮอตสเปอร์อย่าง แฮร์รี เคน ด้วยผลงานที่ผ่านมาของสโมสร ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามกับสถานะของตัวเขาเองในวัย 27 ปี หลังจากที่ไม่เคยได้แชมป์กับทีมที่ลงเล่นไป 334 นัด ยิงไป 220 ประตู 

 

จนสุดท้ายเขาตัดสินใจบอกกับสโมสรว่า เขาต้องการหาอนาคตใหม่กับต้นสังกัดอื่น

 

แต่ปัจจุบันเคนเองยังเหลือสัญญากับสเปอร์สอีกถึง 3 ปีเต็ม (หมดสัญญา 2024) โดยหลังจากที่มีข่าวการย้ายทีมของเคนออกมา ทางสเปอร์สยังได้แสดงท่าทีที่ต้องการให้เคนอยู่กับสโมสรต่อไป 

 

ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าโอกาสที่จะย้ายทีมของเขาอาจมีไม่เกิน 50% แต่หากเขาย้ายออกจริง สโมสรที่มีโอกาสสูงสุดในการคว้าตัวของเขาในเวลานี้คงหนีไม่พ้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกที่กำลังตามหาศูนย์หน้าคนใหม่ของทีม 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising