×

คนไทยซื้อของออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ปี 2024 คือยุคทองของ ‘คนเล่าเรื่องเป็น’ StorySelling

โดย THE STANDARD TEAM
25.01.2024
  • LOADING...

จากผลสำรวจล่าสุดปี 2023-2024 คนไทยยังครองแชมป์ซื้อของออนไลน์อันดับ 1 ของโลก

 

ช่วงปีนี้มีเครื่องมือการตลาดเพิ่มขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายแก่นของธุรกิจที่เป็นตัวชูให้โดดเด่นเอาชนะได้แม้ขายสินค้าแบบเดียวกัน ก็ยังต้องเริ่มจากการเล่าสตอรี หรือทำคอนเทนต์การขายให้เป็น โดย ปรัชญา โมรา ผู้ก่อตั้ง StorySelling เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ยุคนี้ Storytelling นั้นไม่พออีกต่อไป ต้องเป็น StorySelling ที่ขายได้ทันที ทำธุรกิจในยุคใหม่นี้ไม่ใช่การเล่าเรื่องให้เก่ง แต่ต้อง ‘เล่าเรื่องให้เป็น’ ขยายความก็คือ เล่าเรื่องให้มีจุดขาย ‘ให้ขายให้ได้ในทันที’

 

“ลองนึกถึง ถ้าวันนี้คุณเป็นเจ้าของแบรนด์ด้วยต้นทุนที่จำกัด เราคงทำโฆษณาและส่งออกไป แต่นั่นคือสิ่งที่คู่แข่งก็ทำ เราจึงต้องหาทางกระตุ้นลูกค้าให้ได้ในแบบที่โดดเด่นและแตกต่าง และนี่คืองานของผม คือหาจุดขาย สร้างจุดเด่น โดยใช้สตอรีและเรื่องราวที่ทรงพลัง”

 

หากในวันนี้เป็นเจ้าของธุรกิจที่เริ่มเองจากทุนจำกัด ไม่มีคอนเน็กชันมากมาย ต้องใช้จุดนี้เป็นจุดแข็งแรก ก่อนต่อยอดไปถึงจุดอื่นๆ ผลงานของผมเองจากบริษัทตัวคนเดียว ตอนนี้ทำจนได้เป็นที่ปรึกษาองค์กร 400 ล้าน และมีทีมงานแล้วในวันนี้ ที่ผ่านมา 6-7 ปีนี้พบว่า ไม่ว่าเครื่องมือการตลาดจะดีแค่ไหน ข้อมูลลูกค้าจะเก็บได้ลึกแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องใช้ ‘พลังของการสื่อสารให้ได้ชัดอยู่ดี’ คือการทำให้โฆษณาขายแบบเร็วที่สุด ไม่ใช่มานั่งรอยอดขายอีกต่อไป แต่เป็นชั่วข้ามคืนต้องได้ทันที

 

การแข่งขันที่ทำให้ธุรกิจชนะ ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องเก่ง แต่ต้อง ‘เล่าเรื่องเป็น’ แบบมีจุดขาย StorySelling

 

ในตลาดโดยรวม ดูจากข้อมูลที่มีก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่า สิ่งที่คนทำธุรกิจเจอเหมือนกันคือ “สินค้าเหมือนกันง่ายมาก คู่แข่งเพียบ ไม่ว่าจะขายอะไร” เพราะใครๆ ก็ขายของได้ ตอนนี้สินค้าผลิตจากที่ไหนก็สามารถรู้ได้ในไม่กี่คลิก ดังนั้นเลยต้องมาเอาชนะกันในด้านของการสื่อสารและทำโฆษณา  

 

 

ในแง่ของธุรกิจ ช่วงแรกต้องทำยอดวิวให้ได้ และต่อมาก็ต้องเปลี่ยนยอดวิวและคนติดตามเหล่านั้นกลับมาเป็นยอดขายให้ได้ พอทำจริงจะพบว่าต้องใช้ความเข้าใจที่ชัดเจน มีหลายคนทำยอดวิวได้ แต่ทำยอดขายไม่ได้ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่เจอมี 2 ส่วนคือ 

 

ส่วนแรก: ทำคอนเทนต์แล้ว ‘ขายไม่ได้เลย’ 

 

ส่วนที่สอง: ขายได้บ้างแล้วแต่ ‘ยอดขายก็ยังขึ้นๆ ลงๆ’

 

ทั้ง 2 ส่วนนี้ใช้การแก้กันคนละแบบ แต่หัวใจหลักชี้ไปในทางเดียวกัน คือ ‘สตอรี การเล่าเรื่อง และคอนเทนต์’ ผมใช้เวลาเรียนรู้เกือบ 4-5 ปี เริ่มจากนั่งศึกษาและเล่าเรื่องเองทุกวัน ศึกษาทั้งของไทยและต่างประเทศ ทั้งแบบเล่าเรื่องทั่วไป แบบเล่าเรื่องให้ขายได้ 

 

จนได้มีโอกาสไปทำงานในแคมเปญใหญ่ๆ ร่วมกับบริษัทจำกัดมหาชน เราก็ได้เห็นเครื่องมือที่มากขึ้น สเกลที่ใหญ่ขึ้น แบบช่องทางการขายทั่วประเทศ พอเจอตรงนี้ก็เอามาเทียบดูกับคนสเกลเล็กๆ แบบช่องทางแค่ในออนไลน์ หรือมีแค่หน้าร้าน 1-2 แห่ง ก็พบว่าใช้หลักการเดียวกัน แต่คนเจ้าเล็กถ้ายังไม่เข้าใจตอนนี้ ยอดขายที่ควรได้อาจถูกแบ่งไปโดยไม่รู้ตัว และที่ไปกว่านั้นจะตกอยู่ในวังวนตัดราคาแบบดิ้นไม่หลุดสักที ในตลาดยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เลยเป็นที่มาของอะคาเดมี ‘StorySelling Studio ให้เรื่องราว ทำงานหนักแทนคุณ’

 

‘ให้เรื่องราว ทำงานหนักแทนคุณ’ StorySelling Studio

 

 

StorySelling Studio Academy ที่มีเป้าหมายในการสร้างนักเล่าเรื่องราวที่มีจุดขาย ในตอนนี้เป็นนักเล่าโฆษณาประสบการณ์กว่า 10 ปี ผลงานเด่นสร้างผู้ติดตามด้วยตัวเองกว่า 1,300,000+ Followers ประสบการณ์ด้านการขาย ผ่านแคมเปญมาแล้วตั้งแต่ขายของออนไลน์ จนถึงสินค้าในระดับบริษัทจำกัดมหาชน ความโดดเด่นของคุณปรัชญาได้สร้างเพจดังๆ แบบ สมองไหล ของคุณนาฟิส และเพจขายดีไปด้วยกัน ของคุณคุ สองเพจนี้คือตัวอย่างแห่งความสำเร็จที่เริ่มจาก 0 โดยเป็นผู้เรียนรุ่นแรกๆ จากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย และยังมีอีกหลายผลงานที่ได้ไปอยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จ ผู้เรียนของ StorySelling Studio ในคลาสจะได้เจออินฟลูเอ็นเซอร์และไอดอลหลายคน แบบบังเอิญมาเรียนรอบเดียวกันบ่อยมาก คุณปรัชญาบอกทิ้งท้าย และในวันนี้เพื่อให้ผู้อ่านได้อะไรกลับไป มีเคล็ดลับ 5 เทคนิคเปลี่ยนสตอรีคอนเทนต์ให้มีจุดขายแบบ StorySelling มาฝากกันด้วย สรุปมาได้ดังนี้

 

 

5 เทคนิคเปลี่ยน ‘สตอรีคอนเทนต์ให้มีจุดขาย’ แบบ StorySelling

 

1. การขายโดยคอนเทนต์ ไม่ใช่ให้ลูกค้า ‘มีแต่ได้’ แต่เป็น ‘การกระตุ้น’ ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าด้วยจุดขาย และโน้มน้าวให้มาซื้อเรา

 

ในยุคที่คอนเทนต์ขายล้น การให้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ แต่ต้องมีการสร้างแรงดึงดูดแบบกระตุ้นด้วย เช่น โครงเรื่องสตอรี คำที่กระตุ้น แล้วก็ชี้ไปที่จุดขาย ถึงจะมีโอกาสในการขายได้มากขึ้น หรือถ้าทำในแบบวิดีโอ ก็ต้องมีซีนที่สร้างแรงดึงดูดที่น่าสนใจและปูเนื้อเรื่องสู่จุดขาย เป็นต้น 

 

2. ความต้องการของลูกค้า ‘เป็นสาย ไม่ใช่จุด’ ยิ่งลงได้ลึก ‘โอกาสทำกำไรก็จะได้ชัดกว่า’

 

ความต้องการคือโอกาสในการทำกำไร อย่าตั้งเป็นจุด ให้ตั้งเป็นสาย เช่น ขายไก่ย่าง ลูกค้าไม่ได้ต้องการไก่ย่าง แต่เป็นถึงเวลาหิว / อยากกิน > หาร้านใกล้ๆ หรือสั่งอาหาร > ต้องการไก่ย่างเพราะหอมรสชาติ หรือเน้นกินง่ายๆ > กินคู่ข้าวเหนียวด้วย > อิ่ม

 

จะเห็นได้ว่ายิ่งเข้าใจมากเท่าไร มูลค่าก็มากขึ้นเท่านั้น ให้พยายามหาข้อมูลลูกค้าหลายๆ มิติ มาทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดในการเกิดความต้องการ ช่วยให้แบรนด์และคอนเทนต์ชัดมากขึ้นด้วย

 

3. ทำสตอรีคอนเทนต์ไม่มีผิดหรือถูก มีแค่ ‘ได้ผลมากหรือน้อย’

 

คอนเทนต์ที่สำเร็จต้องข้ามจุดที่เรียกว่า ‘ผิดหรือถูก’ เพียงแค่ให้ตรงตามกรอบของแบรนด์ และวัดจากการได้ผลมากหรือได้ผลน้อย หากน้อยก็หาทางทำให้มาก แต่ถ้าไปวนกับผิดถูก คอนเทนต์จะไม่มีจุดเด่นและไปต่อยาก

 

4. คอนเทนต์ขายที่ได้ผลมากไม่ใช่เน้นแต่อารมณ์ฮาหรือเศร้า และไม่ใช่ข้อมูลแน่น แต่คอนเทนต์ที่ ‘ตรงตามการเปิดรับ’ และมีการคิดต่อว่าลูกค้าจะแอ็กชันอย่างไร โดยการใช้เครื่องมือทางอารมณ์และเหตุผลมาปูเป็นเส้นทางเชื่อมเข้าจุดขาย

 

เช่น ขายหนังสือ ก็คงต้องการคอนเทนต์ที่เล่าจริงจังระดับหนึ่ง (ตรงกับการเปิดรับลูกค้ามองหาหนังสือ) แต่ถ้าขายแก้วน้ำ อันนี้จะเล่าฮาๆ อย่างไรก็ได้ แต่ต้องออกแบบให้จบเป็นยอดขายได้

 

และยังมีการเปิดรับแบบความเคยชินพฤติกรรม เช่น ขายของใน TikTok ต้องให้มีอารมณ์ อย่าทำตัวน่าเบื่อเหมือนไปแข่งพรีเซนต์งาน แต่ถ้าต้องขายงาน B2B ก็ต้องทำวิดีโอให้เหมือนพรีเซนต์งานได้ แต่มีตลกเบาๆ เป็นต้น หลักๆ ดูว่าลูกค้าต้องการอะไร เปิดรับอะไร และทำคอนเทนต์ให้ได้ตามการเปิดรับนั้นนั่นเอง

 

5. สตอรีคอนเทนต์แบรนด์ที่ดี ไม่ใช่พูดเรื่องตัวเอง แต่เป็น ‘พูดเรื่องลูกค้าที่มีเราเข้าไปในชีวิตประจำวัน’

 

ทำธุรกิจมี 3 ระยะคือ ‘สร้าง เติบโต ขยาย’ และไม่ว่าจะขายอะไร ลูกค้าไม่เคยสนว่าสินค้าดีอย่างไร ลูกค้าจะมองหาสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น พยายามทำให้เป็นเรื่องราวของลูกค้าที่ดีขึ้น โดยแทรกเข้าไปในชีวิตประจำวันให้ได้ แล้วแบรนด์คุณจะไปได้ในทุกระยะแบบไม่ตัน เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่าขาดเราไม่ได้ กลับมาซื้อซ้ำหรือบอกต่อให้โดยอัตโนมัติ 

 

 

และทั้งหมดนี้คือเทคนิคเบื้องต้นในการทำ ‘StorySelling’ ในตอนนี้เราได้เพิ่มในส่วนใหม่ๆ ที่ใช้ AI เข้ามาช่วยจัดการทั้งเนื้อหาและรูป มาเรียนรู้กันก่อนก็จะมีโอกาสนำคู่แข่งได้มากกว่า ติดตามได้ในเพจ StorySelling https://www.facebook.com/storysellingstudio หรือ LINE ID: @StorySelling  

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising