The Glory ออกอากาศพาร์ตสอง วันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา หลังความสำเร็จถล่มทลายจากพาร์ตแรกที่ออกอากาศ 30 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา โดยทำสถิติ Top 10 TV ภาษาต่างประเทศทั่วโลกถึง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ทั้งยังติดอันดับยอดนิยม Top 10 ในประเทศต่างๆ ถึง 62 ประเทศอีกด้วย

ใครก็ตามที่ได้ชมซีรีส์ The Glory พาร์ตแรกกันมาแล้ว ถึงตอนนี้สิ้นสุดการรอคอยเสียที และจากงานแถลงข่าวแบบแฟนมีตที่ทาง Netflix จัดให้แฟนๆ ได้รับชมกันเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา นักเขียนคิมอึนซุก ผู้กำกับอันกิลโฮ และนักแสดงนำ ซงฮเยคโย ได้บอกเอาไว้ชัดเจนว่าในพาร์ตสองเรื่องราวการแก้แค้นจะดุเดือดกว่า และกระทั่งตัวพวกเขาเองก็ชอบงานที่ทำออกมามากๆ เช่นกัน

ซงฮเยคโย นักแสดงผู้รับบท มุนดงอึน เล่าถึงความรู้สึกหลังจาก The Glory พาร์ตแรกออกอากาศว่าตัวเธอเองก็มีความกังวลเช่นกัน 

“ปลายปีที่แล้วก่อนที่ The Glory พาร์ตแรกจะออกอากาศ ด้วยความที่ฉันเป็นนักแสดงและเป็นหนึ่งในทีมของซีรีส์ด้วย ฉันกังวลมากๆ เพราะตอนที่ได้ดูซีรีส์ที่ตัดต่อเสร็จแล้ว ฉันโฟกัสอยู่แต่กับฉากที่คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เก็บมันมาคิดว่าฉันควรทำให้มันดีกว่านี้ เพราะถ้าซีรีส์ออนแอร์ไป คนดูไม่ได้ชอบซีรีส์มากนัก ก็คงเป็นเพราะฉันเองที่ไม่ได้แสดงมันออกมาให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวลมากค่ะ 

“แต่หลังจากที่ The Glory พาร์ตแรกออกอากาศ และผลตอบรับก็ดีมากๆ เอาจริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้มีซีรีส์ที่ฮิตมากๆ มานานแล้ว ฉันดีใจมากจริงๆ เพราะมันเกิดจากการทำงานของพวกเรา ทั้งนักแสดงและทีมผู้สร้าง พวกเราใส่ทั้งหัวใจและจิตวิญญาณลงไปในซีรีส์ The Glory ทั้งหมดแล้ว

“The Glory เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ดราม่าหนักมากสำหรับฉัน ทุกอย่างเลยกลายเป็นความท้าทายและเป็นการทำงานที่ยากมากๆ เลยค่ะ เต็มไปด้วยความสงสัยและพยายามหาคำตอบ อย่างฉันเองในทุกๆ ฉากก็จะคอยถามตัวเองอยู่ตลอดว่าทำถูกไหม ได้แสดงสิ่งที่ถูกต้องที่สุดไปแล้วใช่ไหม ฉันเลยต้องขอบคุณมากสำหรับการตอบรับซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ”

คิมอึนซุก นักเขียนบทก็มีความรู้สึกที่คล้ายๆ กับซงฮเยคโย ที่มือเท้าเย็นเช่นกันตอนที่ The Glory พาร์ตแรกประสบความสำเร็จมาก มีคนติดต่อเธอเข้ามามากมายว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปในพาร์ตสอง ซึ่งนั่นนำมาซึ่งความกดดันมหาศาล

“ตอนที่ The Glory พาร์ตแรกประสบความสำเร็จ ฉันก็เริ่มกลัวแล้วค่ะ ความสำเร็จมันมากมายจนทำให้ฉันต้องคิดว่าฉันเขียนบทพาร์ตสองไว้ดีพอหรือยัง ฉันย้อนกลับไปอ่านบทพาร์ตสองอีกครั้งแล้วบอกกับตัวเองว่าทำได้ดีแล้ว เพราะมันเยี่ยมยอดมาก ใช่ค่ะ มันยอดมากจริงๆ” 

“ถ้าได้แก้แค้นแล้ว มุนดงอึนจะมีความสุขไหม”

สำหรับ The Glory พาร์ตสองที่เราจะได้เห็นอารมณ์ที่มากกว่าความเยือกเย็นของมุนดงอึน เพราะอย่างที่ได้ชมกันไปแล้ว มุนดงอึนในพาร์ตแรกจะค่อนข้างนิ่งเงียบและไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก แต่กับพาร์ตสอง อารมณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ข้างในจะระเบิดออกมา รวมทั้งมีฉากที่เจ็บปวดใจของมุนดงอึนด้วย

โดยเฉพาะฉากสำคัญที่มุนดงอึนฟิวส์ขาดและกรีดร้องออกมาว่า “หยุดหัวเราะแบบนั้นนะ” ซึ่งอยู่ในเรื่องราวพาร์ตสอง ซงฮเยคโยได้เล่าถึงฉากนี้เอาไว้ว่า

“เป็นฉากที่เจ็บปวดมากสำหรับมุนดงอึน ตอนที่ถ่ายทำฉากนี้ใกล้จะเป็นตอนจบแล้ว ซึ่งตั้งแต่ต้นเรื่องมาฉันพยายามเอาตัวเองใส่เข้าไปในตัวละครดงอึน พยายามกลายเป็นตัวเธอให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็เพราะฉันเองเป็นมนุษย์คนหนึ่งก่อนที่จะมาเป็นนักแสดง ดังนั้นในช่วงแรกจึงค่อนข้างยากมากในการเป็นดงอึนให้ได้ 100% จนกระทั่งถ่ายทำมาถึงฉากนี้ ฉันรู้สึกได้ทันทีเลยว่าตัวเองกลายเป็นดงอึนได้ 100% เป็นเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ฉันดึงเอาความรู้สึกที่ต้องการออกมาได้ครบถ้วนในฉากนี้เลยค่ะ”

และไม่ใช่แค่ซงฮเยคโย ซีรีส์ The Glory คือเคมีระหว่างนักแสดงที่โดดเด่นมาก เพราะตัวละครแทบทุกตัวได้รับความสนใจจากคนดู รวมถึงมิติที่มอบตื้นลึกหนาบางก็ทำให้ทุกๆ ตัวละครคล้ายมีชีวิตอยู่จริงบนโลกใบนี้ ซงฮเยคโยเล่าถึงเคมีเหล่านั้นไว้ว่า 

“การทำงานกับทีมนักแสดงและทีมผู้สร้างก็เป็นเคมีที่วิเศษมาก เหมือนกับเคมีพวกเราเข้ากัน 120-130% อะไรแบบนั้นเลยค่ะ มันทำให้พวกเรารับส่งพลังงานให้กัน ทีมนักแสดงเองก็รู้สึกว่าในพาร์ตสองเต็มไปด้วยฉากที่น่าประทับใจ”

“The Glory เล่าเรื่องราวที่คนทั่วไปรู้สึกเชื่อมโยงได้ ฉันได้รับเกียรติมากในการเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ ฉันขอบคุณนักเขียนและผู้กำกับที่ให้บทดงอึนกับฉันค่ะ การได้แสดงเป็นดงอึนทำให้ฉันมีความสุข ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวดงอึนที่ผ่านเรื่องราวเจ็บปวดและโหดร้าย แต่เธอกลับทำอะไรที่กล้าหาญให้เกิดขึ้นได้ ชีวิตมันไม่ได้จบแค่ความเศร้าแสนหดหู่เท่านั้น ฉันดีใจมากค่ะที่มีโอกาสได้ถ่ายทอดเมสเสจนี้ออกไป

“มีหลายฉากที่ประทับใจ แต่ฉากที่ฉันรู้สึกร่วมไปด้วยมากๆ ก็อย่างเช่นฉากที่ดงอึนไปเยี่ยมอดีตครูประจำชั้น ที่ลูกชายของครูเป็นรุ่นพี่เธอด้วยเหมือนกัน เธอต้องแก้แค้นพ่อของรุ่นพี่ และต้องบอกให้เขารู้ว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นตอนที่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สำหรับตัวเธอเองนั้น ดงอึนในอดีตที่ถูกทำลายเป็นเพียงเด็กหญิงอายุ 18 เท่านั้นเอง  

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยให้สัมภาษณ์ไปบ้างแล้วว่าตัวดงอึนรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการตกเป็นเหยื่อ เธอไม่ต้องการร้องขอความเมตตา เธอกลายมาเป็นคนไร้หัวใจที่ต้องการล้างแค้น 

“ดงอึนเข้าใจและรู้ดีว่าไม่ได้ตามหาชัยชนะ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เพราะไม่ใช่ว่าแก้แค้นเสร็จแล้วดงอึนจะมีความสุขเช่นกัน อย่างที่เธอพูดเอาไว้ ฉันจะแก้แค้นให้ได้ และฉันจะตายไปกับเธอ…ยอนจิน ฉันรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ทำร้ายดงอึนมากๆ ในการพูดมันออกมา แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เธอมีอยู่ในใจก็ตาม”

บาดแผลไม่ใช่แผลเป็น การเตรียมตัวเพื่อรับบทนี้ของซงฮเยคโย

ตัวละครมุนดงอึนมีรอยแผล รอยไหม้เต็มร่างกาย ซึ่งการถ่ายทำฉากนี้เพื่อเผยให้เห็นบาดแผลก็นับเป็นงานฝีมือที่ทางทีมงานต้องการให้ดูเหมือนจริงอย่างที่สุด เบื้องหลังการถ่ายทำใช้เวลานานราว 4-5 ชั่วโมงในการสร้างบาดแผล โดยเฉพาะฉากสำคัญในอีพี 6 ที่มุนดงอึนเปิดเผยตัวตนให้จูยอจองได้เห็น 

“ฉากนี้เราใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงในการแต่งบาดแผลบนร่างกายค่ะ ฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย 3 วันก่อนการถ่ายทำ ส่วนวันสุดท้ายก่อนถ่ายทำ งดน้ำดื่มด้วย เพื่อให้ได้เห็นร่างกายที่ผ่ายผอม ไร้ชีวิตชีวา เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน 

“มันยากมากจริงๆ ค่ะในการถ่ายทำฉากนั้น แต่ในท้ายที่สุดแล้วมันกลายเป็นฉากที่ตราตรึงใจ ทั้งเนื้อตัวที่ต้องโดนอุปกรณ์เมกอัพ สเปเชียลเอฟเฟกต์อยู่บ่อยๆ จนผิวหนังแห้งแตก ฉันคิดว่าเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำ การที่ฉันไดเอตอย่างเคร่งเครียด หรือกระทั่งแทบไม่ดื่มน้ำเลย นั่นก็เพราะต้องการสื่อสารความเจ็บปวดและความยากลำบาก จิตใจที่แหลกสลายของดงอึนออกมาให้ได้เห็นชัดเจนที่สุด”

ตัวอย่างซีรีส์ The Glory พาร์ตสอง 

สำหรับ The Glory พาร์ตสองจะมีทั้งหมด 8 อีพี เมื่อรวมกับพาร์ตแรกแล้วจะมีทั้งหมด 16 อีพี ออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วทาง Netlfix ซีรีส์ที่ดีที่สุดในการทำงานร่วมกันระหว่างนักเขียนคิมอึนซุกและซงฮเยคโย ที่ทั้งคู่ได้ก้าวข้ามผ่านผลงานในยุคก่อนหน้า ด้วยการท้าทายไอเดียใหม่ๆ ที่ทั้งสะท้อนสังคม และยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับงานของตัวเอง

The Glory เล่าเรื่องราวของ มุนดงอึน นักเรียนมัธยมที่ถูก ยอนจิน และเพื่อนๆ ลูกหลานผู้ทรงอิทธิพลทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส โดยที่ไม่อาจหาใครช่วยเหลือได้ แม้กระทั่งครู ครอบครัว หรือตำรวจ 

นั่นจึงเป็นจุดพลิกผันให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีความฝันอยากเป็นสถาปนิกต้องล้มเลิกความตั้งใจ แล้วเปลี่ยนความแค้นเป็นแรงผลักดันให้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อเอาคืนพวกเพื่อนเลวให้สาสม มุนดงอึนในวัย 30 กว่า กลายมาเป็นครูประถมในโรงเรียนที่ลูกสาวของยอนจินเรียนอยู่ และแผนการแก้แค้นที่วางไว้เกือบ 20 ปี กำลังจะเริ่มต้น

ตัวละครสำคัญใน The Glory

• มุนดงอึน รับบทโดย ซงฮเยคโย ผู้หญิงที่โลกมืดหม่นที่สุด จากความเลวร้ายของความรุนแรงในโรงเรียน เธอเปลี่ยนความแค้นให้กลายเป็นไฟที่ทำให้เธอมีเป้าหมายชีวิตเพื่อการแก้แค้น
• จูยอจอง รับบทโดย อีโดฮยอน นายแพทย์หนุ่มที่ภายนอกดูสดใส แต่ภายในกลับมีอะไรมากมายซ่อนอยู่ 
• พัคยอนจิน รับบทโดย อิมจียอน ผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศ แกนนำในการทำร้ายดงอึนในช่วงมัธยม รวมถึงความผิดที่ปกปิดเอาไว้ในอดีต
• โดยอน รับบทโดย จองซองอิล สามีของพัคยอนจิน ชายผู้สมบูรณ์แบบ และมองภาพรวมปัญหา เพื่อจัดการมันในแบบที่ยังปกป้องคนที่เขารักไว้ได้
• จอนแจจุน รับบทโดย พัคซองฮุน ตัวร้ายฝ่ายชายของกลุ่มเพื่อน เจ้าของสนามกอล์ฟและร้านเสื้อผ้าสุดหรู แต่มีปัญหาเรื่องตาบอดสีที่กลายมาเป็นเบาะแสสำคัญให้มุนดงอึน
• คังฮยอนนัม รับบทโดย ยอมฮเยรัน แม่บ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ตัวแทนผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว เธอกลายมาเป็นผู้ช่วยให้กับมุนดงอึน เพื่อแลกกับคำสัญญาว่าจะแก้แค้นให้
• ฮเยจอง รับบทโดย ชาจูยอง “โชคดีที่ไม่ใช่เธอที่โดนแกล้ง” ฮเยจองคือตัวละครที่ใกล้เคียงชีวิตจริง เด็กผู้หญิงที่ยอมเป็นลูกไล่ของกลุ่ม เพื่อรอดพ้นจากการโดนกลั่นแกล้ง 
• ซอนมยองโอ รับบทโดย คิมกอนอู ลูกไล่ของกลุ่มเพื่อนที่แม้โตขึ้นมาก็ยังเป็นลูกน้องของเพื่อน มีชีวิตเป็นรอง ในแบบที่เพื่อนไม่คิดว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำ

ภาพ: Netflix