×

ส่องอนาคตหุ้น SC หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ลงสนามการเมืองเต็มตัว นักวิเคราะห์ชี้การเคลื่อนไหวจากนี้ไปอาจไม่เหมือนเดิม

02.11.2021
  • LOADING...
เอสซี แอสเสท

สปอตไลต์ที่ฉายมายังหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) หลังจากนี้ไปจะค่อยๆ สว่างชัดเจนมากขึ้น กลายเป็นที่จับจ้องของผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร’ ลูกสาวคนสุดท้องจากจำนวน 3 คน ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตัดสินใจกระโดดเข้าสู่แวดวงการเมืองเดินตามรอยเท้าพ่อและอา ซึ่งก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยอีกคนหนึ่ง ด้วยการก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญที่สุดของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม (Inclusion and Innovation) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564

 

แพทองธารถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SC ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นธุรกิจของตระกูลชินวัตร ดังนั้นผู้ถือหุ้นหลักๆ ของบริษัทนี้จึงเป็นกลุ่มชินวัตรและกลุ่มดามาพงศ์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกัน 

 

โดยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 SC มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย

 

  1. แพทองธาร ชินวัตร จำนวน 1,216,149,870 หุ้น คิดเป็น 29.04%
  2. พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ จำนวน 1,176,915,495 หุ้น คิดเป็น 28.10% (เกี่ยวข้องเป็นพี่สาว)
  3. บรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำนวน 201,234,375 หุ้น คิดเป็น 4.81% (เกี่ยวข้องเป็นลุง)
  4. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ จำนวน 117,109,887 หุ้น คิดเป็น 2.80% (เกี่ยวข้องเป็นแม่)
  5. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว จำนวน 116,104,512 หุ้น คิดเป็น 2.77%
  6. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวน 111,159,721 หุ้น คิดเป็น 2.65%
  7. โสภณ มิตรพันธ์พานิชย์ จำนวน 56,395,016 หุ้น คิดเป็น 1.35%
  8. วิทวัส พรกุล จำนวน 49,010,000 หุ้น คิดเป็น 1.17%
  9. กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 จำนวน 39,524,675 หุ้น คิดเป็น 0.94%
  10. สมทรง ลาภานันต์รัตน์ จำนวน 39,085,800 หุ้น คิดเป็น 0.93%

 

SC ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร แบ่งเป็นธุรกิจหลัก 3 ด้าน คือ 

  1. ธุรกิจเพื่อขาย เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และอาคารชุดพักอาศัย 
  2. ธุรกิจเพื่อให้เช่า 
  3. ธุรกิจที่ปรึกษาและบริหารงานด้านการบริหาร เทคนิควิศวกรรม และระบบงานสนับสนุน

 

SC ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้การกุมบังเหียนของ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ซึ่งรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริษัท ที่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติในฐานะสามีของพินทองทา ผู้เป็นพี่สาว เขาจึงอยู่ในฐานะพี่เขยของแพทองธาร นั่นเอง

 

ดังนั้น แม้แพทองธารจะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่ใช่ผู้บริหารของ SC แต่การ

กระโดดเข้าสู่แวดวงการเมืองของผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของ SC รายนี้ ส่งผลให้หุ้น SC กลับเข้ามาอยู่ในจอเรดาร์ของนักลงทุน และยังตอกย้ำภาพความเป็น ‘หุ้นการเมือง’ ที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย 

 

ศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวกับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ว่า การก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองของแพทองธาร ไม่ได้ส่งผลร้ายในด้านปัจจัยพื้นฐานของ SC ซึ่งถือเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่จะส่งผลทางด้านอารมณ์การลงทุน เนื่องจากคาดว่าภายใต้สถาวะที่สถานการณ์การเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หุ้น SC จะเกิดแรงกระเพื่อม และเคลื่อนไหวผันผวนไปตามกระแสการเมืองในขณะนั้นมากขึ้น

 

“สปอตไลต์ได้ฉายไปที่หุ้นตัวนี้แล้ว จากเดิมหุ้น SC จะเคลื่อนไหวตามกระแสข่าวที่มีผลดี ผลร้าย กับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่ต่อไปจะไม่ใช่แล้ว หุ้นตัวนี้จะเกิดแรงกระเพื่อมจากปัจจัยการเมืองที่เข้ามาด้วยอารมณ์ของนักลงทุน จะทำให้หุ้นผันผวนไปตามสถานการณ์ ตอนนี้อาจจะยังไม่มีผลมากนัก และเชื่อว่าเขาจะยังไม่ขายหุ้นออกเพราะยังเป็นแค่ที่ปรึกษา แต่ถ้าเข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วต้องขายหุ้นออกก็เชื่อว่าน่าจะขายให้เครือญาติ ถ้าช่วงเลือกตั้งก็ต้องมารอดูกันว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดการเลือกตั้งอย่างเร็วสุดประมาณกลางปีหน้า”

 

ศราวุธกล่าวว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้วพบว่า SC ถือเป็นหุ้นเกรดเอ โดยเป็นบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์บริษัทต้นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากการปลดล็อกมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะตลาดของ SC จะอยู่ในระดับบนที่ยังมีกำลังซื้อสูง และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565

 

อย่างไรก็ตามภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์และปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสย่อตัวลง จึงถือเป็นจังหวะเข้าเก็บหุ้น SC เข้าพอร์ต

 

IAA Consensus ระบุว่า โบรกเกอร์  7 รายมีคำแนะนำ ‘ซื้อ’ หุ้น SC โดยประเมินราคาเป้าหมายในปีหน้าระหว่าง 4.0-4.30 บาทต่อหุ้น จากคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 10% มาที่ 2,284 ล้านบาท 

 

ด้านความเคลื่อนไหวของหุ้น SC เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 1.68% จากนั้นย่อตัวลงและยืนปิดที่ 3.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.56%

 

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า กรณีที่แพทองธารเข้าสู่แวดวงการเมืองถือเป็นปัจจัยภายนอก ขณะที่ปัจจัยภายในคือพื้นฐานของหุ้น SC ซึ่งจับตลาดลูกค้าระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้นคาดว่าผลการดำเนินงานของ SC ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จะออกมาดีกว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ

 

“การจะเลือกลงทุนหุ้นที่อิงการเมือง นักลงทุนต้องพิจารณาปัจจัยภายในเป็นหลักมองที่พื้นฐานหุ้นว่าเป็นอย่างไร หากมองด้านสถานการณ์การเมืองกับหุ้นตัวนี้ก็ต้องเกาะติดความเคลื่อนไหวกัน แต่ถือเป็นแค่ปัจจัยภายนอก นักลงทุนควรดูที่ปัจจัยภายใน ดูที่พื้นฐานของหุ้น ซึ่ง SC ได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการ LTV เต็มๆ ล่าสุดเราจึงมีคำแนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนี้”

 

อย่างไรก็ตามหากดูการเคลื่อนไหวของหุ้น SC นับตั้งแต่วันที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว แพทองธาร เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พบว่า ราคาหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ 3.56-3.60 บาท 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising