×

The Despicable Leader: ผู้นำขยำหัวที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่ต้องการ?

07.03.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • หลังลิเวอร์พูลยิงหนีไปเป็น 6-0 บรูโน แฟร์นันด์ส ที่นำบอลกลับมาเขี่ยเริ่มเกมที่กลางสนาม ได้ส่งสัญญาณไปยังม้านั่งสำรองข้างสนาม “ทำไมผมถึงไม่ได้เป็นคนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป?” ซึ่งเป็นสิ่งที่ แกรี เนวิลล์ ออกมาโจมตีหลังจบเกม
  • รอย คีน อดีตกัปตันแมนฯ ยูไนเต็ด หนึ่งในผู้นำแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดในยุครุ่งเรืองมองว่า ‘ภาษากาย’ ของแฟร์นันด์สในวันนั้นแย่มากสำหรับคนที่เป็น ‘ผู้นำ’
  • คริส ซัตตัน ที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ทาง BBC มองว่า เอริก เทน ฮาก มีสิ่งที่ต้องจัดการเป็นการเร่งด่วนในเรื่องผู้นำของทีม และโดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่าแฟร์นันด์สสมควรได้รับโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกเลยจากเหตุการณ์ที่แอนฟิลด์

ในวันที่ 7 หลังจากที่ได้ชูถ้วยแชมป์ลีกคัพที่สนามเวมบลีย์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถูกกระชากลงมาจากสวรรค์ให้กลับมาสู่พิภพใต้ผืนดินอีกครั้ง ด้วยความพ่ายแพ้อัปยศต่อลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์

 

มากมายหลายสิ่งที่เชื่อว่า เอริก เทน ฮาก ในฐานะผู้จัดการทีมได้จัดเตรียมและ ‘เตรียมจัด’ ลูกทีมรายบุคคล ที่จะมีขึ้นภายในห้องวิเคราะห์เกมโฉมใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่กุนซือชาวดัตช์ขอให้สโมสรปรับปรุงเป็นการเร่งด่วนด้วยงบประมาณมากกว่า 2 แสนปอนด์ตั้งแต่ในช่วงก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มต้นขึ้น 

 

ในห้องแห่งนี้มีจอภาพขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ มีการจัดที่นั่งให้เป็นเหมือนโต๊ะเลกเชอร์ โดยที่ทีมวิเคราะห์พร้อมจะคัดช็อตการเล่นที่ผิดพลาดของแต่ละคนเอาไว้มาขึ้นจอ ซึ่งเทน​ ฮากและทีมจะเรียกนักเตะคนดังกล่าวให้มองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง

 

หนึ่งในคนที่คาดว่าจะโดนเรียกเยอะกว่าคนอื่นคือกัปตันทีมอย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ซึ่งไม่ได้มีแค่รายละเอียดการเล่นในเกม สำหรับเขาในฐานะกัปตันทีมมันมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากกว่านั้นเยอะ

 

ยกตัวอย่างรายละเอียดเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในระหว่างเกมแดงเดือดนัดประวัติศาสตร์ที่ ‘ปีศาจแดง’ ไม่อยากจดจำ

 

ในช่วงท้ายครึ่งหลัง – หลังจากที่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ทำประตูที่ 6 ให้ลิเวอร์พูลได้ในนาทีที่ 83 – เทน ฮากได้เปลี่ยนตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกมาพัก โดยส่ง แอนโทนี เอลังกา ลงไปแทน

 

ในตอนนั้นเองที่กล้อง แฟร์นันด์สที่นำบอลกลับมาเขี่ยเริ่มเกมที่กลางสนาม ได้ส่งสัญญาณไปยังม้านั่งสำรองข้างสนาม “ทำไมผมถึงไม่ได้เป็นคนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไป?” 

 

 

เหตุการณ์ดังกล่าวมีแฟนฟุตบอลแมนฯ ยูไนเต็ด จับภาพได้ และ แกรี เนวิลล์ ได้นำมาเล่าในช่วงของการวิเคราะห์เกมทางสถานี Sky Sports ด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง เรื่องการพ่ายแพ้คู่ปรับตลอดกาลมากมายถึงขนาดนี้ก็เรื่องหนึ่ง

 

แต่เรื่องคนที่เป็นผู้นำของแมนฯ ยูไนเต็ด มีปลอกแขนกัปตันทีมติดตัวอยู่ทำอาการหลายอย่างที่ดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ก็เป็นอีกเรื่องที่เนวิลล์ ตำนานแห่ง Class of 92 ผิดหวัง

 

ทั้งนี้แม้ BBC จะออกมาสวนกระแสข่าวด้วยการบอกว่า “ได้รับแจ้งว่าแฟร์นันด์สไม่ได้ขอให้เปลี่ยนตัวออกไปหรอก” แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่กองกลางโปรตุเกสทำแล้วไม่เข้าตา จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจในหมู่ชาว Red Army

 

เนวิลล์บอกหลังจบเกมแบบนี้ครับ “ผมคิดว่าพฤติกรรมบางอย่างในช่วงครึ่งหลังของเขามันน่าละอายมาก” 

 

บางอย่างนั้นมีตั้งแต่จังหวะที่พยายามล้มลงไปกองทำท่าโอดโอยหลังถูก อิบราฮิมา โกนาเต ใช้มือปัดป้องในจังหวะที่กำลังพยายามลำเลียงบอลขึ้นมา 

 

บางอย่างนั้นรวมถึงจังหวะที่ถูก สเตฟาน บายเซติช ไอ้หนูดาวรุ่งของลิเวอร์พูลที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมหลอกเลี้ยงผ่านไปดื้อๆ แทนที่จะช่วยเพื่อนวิ่งไล่กวด กลับยืนเฉยๆ และโวยวายอยู่ตรงนั้น

 

และอีกหลายครั้งที่ดูคร่ำครวญเกินเหตุ

 

รอย คีน อดีตกัปตันแมนฯ ยูไนเต็ด หนึ่งในผู้นำแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ดในยุครุ่งเรืองที่นั่งวิเคราะห์เกมด้วยกันกับเนวิลล์เองก็เห็นไม่ต่างกัน

 

‘ภาษากาย’ ของเขาในวันนั้นแย่มากสำหรับคนที่เป็น ‘ผู้นำ’

 

และสำหรับองค์กรใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด การที่มีผู้นำที่ไม่ได้เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งมันชวนให้คิดถึงเรื่องของภาวะความเป็นผู้นำจากหนังสือที่เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ พอดี

 

ในหนังสือ ‘The Invisible Leader: ผู้นำล่องหน’ ผลงานของ เคน นครินทร์ ที่เปิดให้พรีออร์เดอร์ไปเมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ (7 มีนาคม) (และหมดอย่างรวดเร็ว) ในบทที่ 11 มีชื่อหัวเรื่องว่า ‘Energize: พลังงานของผู้นำคือพลวัตของทีม’

 

บอกแค่หัวข้อก็พอมองเห็นภาพแล้วนะครับว่าทีมที่มีผู้นำที่ถอดใจ งอแง โวยวาย ทีมนี้จะมีพลังงานในแบบไหน?

 

 

เรื่องพรสวรรค์ ฝีเท้า คลาสบอล ไม่มีใครปฏิเสธว่าแฟร์นันด์สคือยอดนักเตะคนหนึ่ง ผลงาน 57 ประตู 50 แอสซิสต์จากการลงสนาม 166 เกมในบทบาทของกองกลางถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก และหากยังจำกันได้ในช่วงที่เข้าฝัก เขาคนเดียวแทบจะแบกทีมอยู่ทั้งทีม

 

หากพูดกันถึงเรื่องของความรักที่มีต่อทีม เรื่องความรู้สึกอันร้อนแรง แพสชันต่อผลการแข่งขัน แฟร์นันด์สก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยแสดงออกให้เห็นอยู่เสมอว่าเขา ‘แคร์’ ทีม

 

และเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เมื่อเทน ฮาก เข้ามารับงานในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด จึงได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมให้แฟร์นันด์สในระหว่างที่ แฮร์รี แม็กไกวร์ กัปตันทีมตัวจริงมีสภาพในฐานะตัวสำรองอดทนไม่ได้โอกาสลงสนามในฤดูกาลนี้ เพราะเชื่อว่าความรู้สึกที่ร้อนแรงของเขาจะเป็นตัวจุดประกายให้ทีมได้

 

แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้นในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

อย่างไรก็ดี หากให้ความยุติธรรมกับแฟร์นันด์ส เขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ทำได้แย่ในการเล่นและแสดงออกได้แย่ยิ่งกว่าในสนาม เพราะนักเตะในระดับที่เป็น Leader ใกล้เคียงกันอย่าง คาเซมิโร, ราฟาเอล วาราน หรือแม้แต่ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เองก็เจอฝันร้ายเหมือนกันหมด

 

ทั้งๆ ที่นักเตะเหล่านี้ก็สามารถจะขึ้นมาเป็นผู้นำในระหว่างเกมได้เหมือนกับที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายของลิเวอร์พูลที่ไม่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็น ‘ผู้นำล่องหน’ ผ่านการเล่นด้วยความรู้สึกร้อนแรง มุ่งมั่น ทุ่มเท และอยู่ในเกมตลอดเวลา

 

แม้กระทั่งในช่วงที่ทั้งทีมวิ่งกรูไปร่วมฉลองประตูที่ 2 ของซาลาห์ ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้เขาทำลายสถิติยิงสูงสุดตลอดกาลในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลด้วยจำนวน 129 ประตู แซงหน้าสถิติของ ร็อบบี ฟาวเลอร์ หัวหอกขวัญใจยุค 90 ได้สำเร็จ โรเบิร์ตสันก็ไม่ได้วิ่งไปร่วมฉลองด้วย

 

สิ่งที่เขาทำคือการเดินมาดื่มเครื่องดื่มให้พลังงานที่ข้างสนาม ก่อนที่ เจอร์เกน คล็อปป์ จะเดินมาหาพร้อมโอบไหล่ ก่อนที่จะสั่งการโรเบิร์ตสันในเรื่องแท็กติกการเล่น ซึ่งก็ถูกนำไปกระจายต่อให้เพื่อนร่วมทีมต่อไป

 

นี่คือผู้นำล่องหนในแบบที่ทุกทีมอยากมี ซึ่งรวมถึงแมนฯ ยูไนเต็ดด้วย

 

 

อดีตนักฟุตบอลดังในอดีตอย่าง คริส ซัตตัน ที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ทาง BBC มองว่า เทน ฮาก มีสิ่งที่ต้องจัดการเป็นการเร่งด่วนในเรื่องผู้นำของทีม และโดยส่วนตัวเขาไม่คิดว่าแฟร์นันด์สสมควรได้รับโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกเลยจากเหตุการณ์ที่แอนฟิลด์

 

แต่นั่นเป็นการตัดสินใจของเทน ฮาก ซึ่งหากทุกคนสังเกตเห็น กุนซือจอมเฮี้ยบที่ปราบได้แม้กระทั่ง คริสเตียโน โรนัลโด ก็ย่อมเห็นด้วยเช่นกัน และความจริงเขาก็พูดตั้งแต่หลังจบเกมแล้วว่า “ทีมไม่เป็นมืออาชีพ”

 

ที่ผ่านมาเทน ฮากแก้ไขสิ่งที่ผิดให้เป็นถูกได้เสมอ และค่อยๆ นำทางทีมกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น ซึ่งเราสามารถคาดหวังเรื่องนี้ได้เช่นกันว่าน่าจะมีการ ‘พูดคุย’ กับแฟร์นันด์สเป็นพิเศษ

 

45 นาทีในช่วงครึ่งหลังที่แอนฟิลด์อาจเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด แต่หากมองในอีกด้าน นี่คือบทเรียนสำคัญที่ใช้เรียนรู้ได้ และนักเตะอย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ไม่ว่าเขาจะยังได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อไปหรือไม่ หรือมันจะนำไปสู่การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงผู้นำในทีมในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ (เพราะคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงตอนนี้ที่อาจนำไปสู่บรรยากาศแตกร้าวในทีม) 

 

หากเขายังแคร์ทีมเหมือนที่ผ่านมา ส่วนตัวผมเชื่อว่าเขายังสามารถหาทางกลับมาเป็นผู้นำที่ดีของแมนฯ ยูไนเต็ดได้

 

ไม่ว่าในอนาคตจะมีปลอกแขนอยู่กับตัวหรือไม่ก็ตาม

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising