กรณี เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ปรับแต่งภาพ-ไม่ปรากฏตัว กระตุ้นให้คนอยากรู้ความจริง

ข่าวคราวเกี่ยวกับแคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างประเทศหลายสำนักตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากกรณีที่เจ้าหญิงแห่งเวลส์ออกแถลงการณ์ขอโทษ เหตุปรับแต่งรูปถ่ายที่สำนักพระราชวังเคนซิงตันเผยแพร่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสว่าภาพดังกล่าวอาจเป็นภาพตัดต่อ และทำให้สื่อใหญ่หลายสำนักต้องลบภาพดังกล่าวออกจากระบบ

จากกรณีการปรับแต่งภาพ ประกอบกับการไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมานานหลายเดือน นับตั้งแต่งานพิธีทางศาสนาช่วงวันคริสต์มาส และเข้ารับการผ่าตัดช่องท้องในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยิ่งกระตุ้นให้ผู้คนโดยเฉพาะแฟนคลับราชวงศ์อยากรู้ ‘ความจริง’ เบื้องหลังราชวงศ์มากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การสันนิษฐานและสร้างทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ เกี่ยวกับอาการของเจ้าหญิงแห่งเวลส์

ด้าน คาร์ลีย์ เวนเวิร์ท ชาวอเมริกันวัย 28 ปี ที่ติดตามข่าวซุบซิบราชวงศ์ใน Reddit และสื่อโซเชียลอื่นๆ ให้สัมภาษณ์กับสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง CNN ว่า กระแสข่าวของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังไขปริศนา

“ทุกคนรักความลึกลับ คนเหล่านี้สนุกกับการมองหาเบาะแส เพื่อคาดเดาว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลัง”

นอกจากนี้ สื่อระดับโลกบางสำนักระบุว่า การที่สำนักพระราชวังเคนซิงตันเผยแพร่ภาพที่ถูกปรับแต่งเนื่องในวันแม่ของสหราชอาณาจักร อาจทำให้สำนักพระราชวังถูกตั้งคำถามถึง ‘ความน่าเชื่อถือ’ ขณะที่สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งเกาะอังกฤษได้เรียกร้องให้สำนักพระราชวังเตรียมภาพต้นฉบับไว้ให้สำนักข่าวตรวจสอบ และประเมินว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ด้าน มาร์ก บอร์โคว์สกี ผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารในภาวะวิกฤตของสหราชอาณาจักร ระบุว่า วัฒนธรรมเงียบที่มีมานานของราชวงศ์อังกฤษไม่ได้ช่วยอะไรราชวงศ์เลย โดยเฉพาะหลังเกิดกรณีการปรับแต่งรูป และการไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหญิงแห่งเวลส์มีอยู่น้อยมาก สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติในสภาวการณ์เช่นนี้

ขณะที่สำนักพระราชวังปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ รวมถึงรูปถ่ายต้นฉบับก่อนการปรับแต่ง ท่ามกลางเสียงของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกร้องให้เคารพความเป็นส่วนตัวของเจ้าหญิงแห่งเวลส์ รวมถึงสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ

ภาพ: Paul Ellis / AFP

อ้างอิง: