วันนี้ (25 กรกฎาคม) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทุ่งสองห้อง ฐปณีย์ เอียดศรีไชย หรือ แยม สื่อมวลชน พร้อมด้วย จตุรงค์ สุขเอียด อดีตผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไอทีวี นำหลักฐานคลิปวิดีโอเข้าพบ พ.ต.ต. อนุชิต ชาติชูเหลี่ยม สารวัตรสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ตามหมายเรียกในฐานะพยาน
กรณีเปิดเผยหลักฐานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) โต้แย้งกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พ้นสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เนื่องจากพบว่าถือหุ้นดังกล่าว
ฐปณีย์กล่าวว่า วันนี้มาเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกที่ รัชพล ศิริสาคร ทนายความ เคยแจ้งความเอาผิดประธานการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีและ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในข้อหาแจ้งความเท็จและปลอมแปลงเอกสาร พร้อมนำคลิปที่รายการ ข่าว 3 มิติ นำเสนอเรื่องการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวว่าไม่ตรงกับเอกสารรายงานการประชุม
โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวดังกล่าวมาให้การ ซึ่งจะสอบถามเกี่ยวกับประเด็นการรายงานข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับคลิปรายงานการประชุม ซึ่งเป็นคลิปที่ได้บันทึกจากแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลมา มีความยาวเพียง 3 นาที จากการประชุมทั้งหมดที่ใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมง ส่วนข้อมูลที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะสืบค้นและหาข้อมูลมาตรวจสอบเพิ่มเติม
ฐปณีย์กล่าวต่อว่า คลิปดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นไปตามที่ได้รายงานข่าวไว้ ซึ่งเราได้ตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนแล้ว รวมถึงรักษาความปลอดภัยของแหล่งข่าวที่นำข้อมูลมาให้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง เพียงแต่ทำตามหน้าที่ของสื่อ ส่วนตัวก็มีความฝันว่าหากไอทีวีจะกลับมาดำเนินกิจการอีกครั้งก็อยากให้กลับมาอย่างที่เคยเป็นและเคยทำงาน ไม่อยากให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีอะไรมากระทบกับตัวเอง แต่มั่นใจว่าสิ่งที่นำเสนอทำด้วยความรอบคอบถูกต้อง หากจะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมได้รับการตรวจสอบกลับเช่นกัน
จตุรงค์กล่าวว่า ตนเป็นอดีตประธานสหภาพแรงงานไอทีวี มีส่วนได้เสียกับบริษัทไอทีวีโดยตรง เมื่อทราบข่าวจึงต้องการทราบถึงข้อเท็จจริง โดยฐปณีย์ได้ค้นหาที่ตั้งของบริษัทไอทีวีเพื่อไปสอบถามกับทีมผู้บริหารถึงสภาพความเป็นสื่อของไอทีวี และได้พบกับผู้บริหารคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครที่สามารถให้ข้อมูลได้
ทั้งนี้ มีผู้ที่ให้ข้อมูลการประชุมดังกล่าวว่าข้อเท็จจริงไม่ตรงกับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ไปอย่างไร นอกจากนี้ยังพบการทำบัญชีบางส่วนที่ปรากฏการว่าจ้างทำสื่อ ภายหลังไม่ได้ดำเนินกิจการแล้ว ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องสืบค้นต่อว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง
ขณะที่คนส่วนใหญ่ก็ทราบดีว่าพนักงานไอทีวีนับพันคนถูกเลิกจ้าง พร้อมได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐแล้ว ซึ่งนับตั้งแต่ถูกเลิกจ้างก็ไม่เคยดำเนินกิจการสื่อเลย เราก็ร่วมต่อสู้จนถึงวันที่ไอทีวีถูกปิด จึงต้องการจะเป็นตัวแทนหาคำตอบ หากทุกวันนี้ไอทีวียังเป็นสื่อจริงก็ปฏิเสธไม่ได้