×

ธนาธรลั่น “ความอดทนของคนมีขีดจำกัด” เตรียมฟ้องกลับ กกต. นักร้องเรียน และสื่อฯ

30.04.2019
  • LOADING...

เวลาผ่านไปเกือบ 4 ชั่วโมง หลัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค หอบลังเอกสาร  26 รายการ เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. กรณีการถือหุ้นบริษัทสื่อฯ วี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)

 

นายธนาธรและนายปิยบุตรเดินมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเมื่อช่วงบ่ายก่อนการเข้าไปให้ถ้อยคำชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่สวน

 

“บรรยากาศในการประชุมมีบางช่วงเป็นไปอย่างตึงเครียด และมีบางช่วงเป็นไปอย่างผ่อนคลาย” นายธนาธรกล่าวประโยคแรกต่อสื่อมวลชน

 

แต่เนื้อหา สีหน้า และอารมณ์ของนายธนาธรระหว่างการให้สัมภาษณ์สะท้อนชัดว่า บรรยากาศในการไต่สวนค่อนไปทางตึงเครียดเสียเป็นส่วนใหญ่

 

ธนาธรเชื่อคดีนี้มีเหตุจูงใจทางการเมือง

นายธนาธรให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวแล้วหลังจากการชี้แจง มีความรู้สึกว่าคดีนี้มีมูลเหตุแรงจูงใจทางการเมืองมาก เพราะแม้แต่คำถามง่ายๆ ว่าผมผิดตรงไหน เอกสารที่ชี้แจงไปแล้วว่ามีตรงไหนที่ กกต. ไม่เชื่อ มีตรงไหนที่ กกต. เห็นว่าพวกเรากระทำผิด คำถามง่ายๆ แค่นี้ กกต. ก็ไม่สามารถตอบได้ ไม่สามารถชี้แจงกับพวกเราได้ ทำให้เชื่อว่าคดีนี้มีเหตุจูงใจทางการเมือง

 

แฉ กกต. ส่งเอกสารให้แม่ธนาธรตอนบ่าย เชิญไปให้การในตอนเช้าของวันเดียวกัน

ขณะที่นายปิยบุตรเปิดเผยต่อว่า หลังจาก กกต. มีมติแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 23 เมษายน แต่การตั้งข้อกล่าวหาของ กกต. น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย สาเหตุเพราะว่า กกต. มีมติแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 23 เมษายน โดยที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้นายธนาธรและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปชี้แจงเลย มีเพียงเอกสาร 1 ฉบับเท่านั้นที่ส่งไปถึงคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้รับโอนหุ้น ส่งไปเมื่อวันที่ 22 เมษายน ประทับตรา EMS เวลา 13.45 น. ให้คุณสมพรมาชี้แจงเวลา 10.00 น. ในวันเดียวกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาชี้แจง

 

ลั่นเตรียมฟ้องดำเนินคดีกับ กกต.

นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า แต่วันที่ 23 เมษายน กกต. กลับมีมติแจ้งข้อกล่าวหาในทันที นั่นหมายความว่าการแจ้งข้อกล่าวหานี้ใช้เพียงคำร้องอย่างเดียว และคำร้องนั้นลอกมาจากเนื้อหาของสำนักข่าวแห่งหนึ่งมาทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นอย่างยิ่ง กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาขัดกับหลักการ Due Process of Law

 

“ท่านทราบไหมครับว่าบันทึกข้อกล่าวหานั้นเขียนไว้ 3-4 บรรทัดเท่านั้น บอกว่าไปตรวจสอบจาก บอจ.5 (สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) มาแล้ว และไม่บอกด้วยว่า บอจ.5 นั้นลงวันที่เท่าไร เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าคุณธนาธรถือหุ้นอยู่ เราก็ถามในการสอบสวนว่าคุณไปตรวจสอบ บอจ.5 วันไหน ลงวันที่เท่าไร และพอตรวจแล้วคุณรู้ได้ทันทีเลยหรือว่าคุณธนาธรถือหุ้น เพราะ บอจ.5 มันไม่ได้เป็นเอกสารหลักฐานใดๆ ว่าหุ้นโอนไปแล้ว มันเพียงเป็นไปตามรูปแบบขั้นตอนเท่านั้น

 

ถ้าหาก กกต. เห็น บอจ.5 ทันทีแล้วรู้ทันทีว่าคุณธนาธรถือหุ้น นั่นแปลว่า กกต. เชื่อไปตามที่ผู้ร้องกล่าวทั้งหมดโดยที่ยังไม่ได้ถามผู้ถูกร้องเลย ยังไม่นับว่าเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด เรียกคุณสมพรมาชี้แจงวันที่ 22 เมษายน แต่จดหมายส่งไปถึงตอนบ่ายให้ไปชี้แจงตอนเช้า และวันที่ 23 เมษายนมีมติทันที ไม่รู้จะเร่งรีบขนาดไหน

 

ดังนั้นคุณธนาธรในฐานะผู้เสียหาย เราต้องขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อ กกต. ต่อไป ทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.ป. กกต. ที่กำหนดโทษเอาไว้ว่า ถ้า กกต. ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีโทษอาญาจำคุก โทษปรับ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย” นายปิยบุตรกล่าว

 

 

บอก กกต. อย่ากลัวแรงกดดัน คสช. ไม่อยู่คำ้ฟ้า

นายปิยบุตรให้สัมภาษณ์ต่อว่า พรรคอนาคตใหม่เตรียมจะเอาเอกสารหลักฐานที่ยื่นต่อ กกต. วันนี้เผยแพร่ต่อสาธารณะ พร้อมชี้แจงกระบวนการไต่สวนว่าวันนี้เป็นชั้นของคณะไต่สวน เมื่อไต่สวนเสร็จแล้วก็ทำสำนวนส่งให้ กกต. พิจารณาต่อไป

 

แต่ปัญหาก็คือ วันนี้เรายื่นเอกสารชี้แจง 26 รายการคำชี้แจงครบถ้วนทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเท่าใดนักเพราะมีในเอกสาร แต่เป็นการนั่งพูดคุยถึงการทำงานของ กกต. ว่าทำไมจึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาทั้งที่เรายังไม่ได้ไปชี้แจง

 

ทั้งนี้ ตนเตรียมทำคำให้การเพิ่มเติมอีกประเด็นเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหาโดยมิชอบ และสงวนสิทธิ์ว่าจะขอแสดงเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งที่จริงๆ ชี้แจงไปครบหมดแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่า เดี๋ยวไปฟังผู้ร้องเพิ่มเติมมาอีก มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาอีก ก็ต้องมาชี้แจง ไม่ใช่ปิดโอกาสทันที

 

นายปิยบุตรยังกล่าวไปถึง กกต. ว่า อย่ากลัวแรงกดดัน ถ้าท่านยืนอยู่บนกฎหมายและความยุติธรรม ความยุติธรรมและกฎหมายจะคุ้มครองตัวท่านเอง คสช. เดี๋ยวก็ไปแล้ว แต่ กกต. ต้องอยู่อีกนาน

 

ขณะที่นายธนาธรกล่าวยืนยันว่า เอกสารชี้แจงว่าการโอนหุ้นเกิดขึ้นจริงมีอยู่แล้วทั้งหมดในเอกสารทั้ง 26 รายการที่ส่งให้ กกต. แต่วันนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่ามีคนพยายามเอาคำถามเล็กๆ น้อยๆ ปั่นเป็นเรื่องใหญ่โต และปั่นซ้ำซากจนทำให้คนเชื่อไปแล้วว่าธนาธรผิดจริง

 

“ผมนำเสนอหลักฐานของผมทั้งหมดวางไว้บนโต๊ะแล้ว ใครคิดว่าหลักฐานตรงไหนผิดยกขึ้นมาคุยกัน”

 

ธนาธรเผยตั้งพรรคมา 1 ปี โดนไปแล้ว 16 คดี

นายธนาธรเปิดเผยด้วยว่า หนึ่งอย่างที่ทำให้อารมณ์เสียมากคือ ในขณะนี้ตน ผู้สมัครของพรรค และตัวพรรคอนาคตใหม่มีคดีรวมกันแล้ว 16 คดีในช่วง 1 ปีของการทำพรรคที่ผ่านมา แทนที่จะได้เอาเวลาไปตรวจสอบปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน และเตรียมตัวทั้งบทบาทหน้าที่และวิชาการความรู้เพื่อเป็น ส.ส. และกรรมาธิการในคณะต่างๆ เพื่อเข้าสภาฯ เป็น ส.ส. คุณภาพของประชาชน

 

 

ธนาธรลั่นความอดทนใกล้ถึงขีดจำกัด

นายธนาธรกล่าวด้วยว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการเอากฎหมายแต่ไม่มีข้อเท็จจริงมาทำลายกันทางการเมือง

 

“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ต้องบอกว่าผมมีรายชื่อของว่าที่ ส.ส. พรรคอื่นไม่น้อยกว่า 30 คนที่มีคดีหุ้นเหมือนกัน

 

“ถ้าจะทำกันอย่างนี้ ผมก็ต้องเอาเรื่องนี้ออกมาฟ้องบ้าง ถ้าจะทำกันอย่างนี้ผมก็ต้องฟ้องกลับบ้าง

 

“มีหลายกรณีที่คุณศรีสุวรรณเอาเรื่องเท็จมาฟ้อง ซึ่งผิดกฎหมาย จนถึงทุกวันนี้เรายังไม่ฟ้องกลับ มีหลายกรณีที่เรามีหลักฐานชัดเจนว่ามีสื่อมวลชนหลายสำนักเอาข้อความที่ไม่เป็นจริงและทำให้เกิดความเสียหายแก่ผมหรือพรรคอนาคตใหม่มาปั่น ซึ่งผิดกฎหมาย

 

“สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องบอกว่าความอดทนของคนมีขีดจำกัด ถ้าจะเดินหน้าต่อไปกันอย่างนี้เรื่อยๆ ก็เอากันอย่างนี้ แต่ที่ผ่านมาผมก็ต้องบอกว่าเรายังไม่อยากเดินไปถึงจุดนั้น

 

“อะไรที่เราเห็นว่าไม่ถูกไม่ควร อดทนอดกลั้น ต่อสู้ในแนวทางที่สันติที่สุด เรายืนยันมาอย่างนั้นตลอด แต่ช่องว่างระหว่างสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันกับเส้นของความอดทนมันใกล้กันเต็มทีแล้วครับ ช่องว่างนี้มันกำลังจะหมดไปแล้วครับ ถ้าดำเนินการกันต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งก็ต้องใช้วิธีการทางกฎหมายตอบโต้กลับบ้าง แล้วทั้งประเทศไทยผู้มีอำนาจก็จะใช้เวลามาแก้ตัวกันผ่านกระบวนการยุติธรรม แล้วจะไม่มีใครมีเวลาไปบริหารประเทศ แล้วจะไม่มีใครมีเวลาไปสนใจคุณภาพชีวิตของประชาชน ถ้าจะเอากันอย่างนี้”

 

ธนาธรอดทนรอ ‘คสช.’ หมดอำนาจ จะฟ้องกลับ ม.157

“ท้ายที่สุดผมขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องชื่อเสียงของตัวผมเอง ถ้าใครพิจารณาคดีความของผมแล้วทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าใครละเมิดสิทธิของผม ผมขอสงวนสิทธิในการดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ และถ้าผมจะดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ ผมเป็นคนใจเย็น จะรอจนกว่า คสช. หมดอำนาจแล้วดำเนินการตามกฎหมายมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี เราทุกคนรู้ว่าขณะนี้ คสช. อยู่ในขาลง ไม่มีทางที่คุณจะครองอำนาจอย่างนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ เวลาอยู่ข้างประชาชน ผมจะรอจนกว่า คสช. จะหมดอำนาจแล้วถึงจะฟ้องดำเนินคดีความกับคนที่ตัดสินคดีผมโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ผมจะรอถึงวันนั้นแล้วค่อยฟ้องกลับเพื่อปกป้องสิทธิของผม” นายธนาธรกล่าว

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising