×

บจ.ไทย พร้อมสู้ศึกเศรษฐกิจปี 2566 ผลสำรวจพบบริษัทส่วนมากเน้นบริหารกำลังคนแบบ ‘ยืดหยุ่น’ เพื่อรับมือความท้าทายจากโควิด

01.01.2023
  • LOADING...
บริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.)

เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่วัดฝีมือและความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เนื่องจากเต็มไปด้วยความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่น่าจะทรงตัวในระดับสูง รวมถึงการปรับมือกับวิกฤตโควิด สิ่งที่ บจ. ต้องการที่สุดในเวลานี้คือความยืดหยุ่น (Resilience) และความแข็งแกร่งจากภายใน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเสาหลักอย่างมีคุณภาพของทรัพยากรบุคคล  

 

จากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทจดทะเบียน (CEO Survey: Economic Outlook 2022) ในประเด็นพิเศษเกี่ยวกับนโยบายด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทจดทะเบียนในช่วงสถานการณ์โควิด พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ บจ. ส่วนใหญ่พยายามรักษาอัตราการจ้างงาน โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน อัตรากำลัง และปรับเพิ่มศักยภาพพนักงาน และเตรียมพร้อมรับพนักงานเพิ่มเติมกรณีเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะ บจ. ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมมือกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหาร บจ. ในช่วงวันที่ 25 สิงหาคม – 19 กันยายน 2565 โดยในการสำรวจครั้งนี้ได้เพิ่มคำถามพิเศษเกี่ยวกับ ‘การวางแผนบริหารอัตรากำลังท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด’ ตลอดจนการใช้นโยบาย Work from Home เช่น การใช้นโยบายฯ สวัสดิการพนักงาน การเรียกพนักงานกลับทำงานที่สำนักงาน และสัญญาณในการนำนโยบาย Work from Home กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากท่านผู้บริหาร บจ. สรุปประเด็นได้ดังนี้  

 

1. แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ บจ. ส่วนใหญ่พยายามรักษาอัตราการจ้างงาน โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน อัตรากำลัง และปรับเพิ่มศักยภาพพนักงาน และเตรียมพร้อมรับพนักงานเพิ่มเติมกรณีเศรษฐกิจฟื้นตัว

 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ส่งผลให้แต่ละหน่วยงานมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร รูปแบบการดำเนินการธุรกิจ นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล รูปแบบของการทำงาน การวางแผนอัตรากำลังในระยะยาว ขณะที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนกลับมาสู่รูปแบบการทำงานปกติ อาทิ ให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่อาคารสำนักงาน ซึ่งจากการสำรวจจากต่างประเทศ ‘People at Work 2022: A Global Workforce View’ พบสถิติว่า 2 ใน 3 ของพนักงานทั้งหมดพร้อมตัดสินใจหางานที่ใหม่ หากองค์กรเรียกให้กลับเข้าไปทำงานที่สำนักงานแบบเต็มเวลา (Full-Time)

 

ผลสำรวจพบว่า ซีอีโอมีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางในการปรับเปลี่ยนแผนกำลังคนตามสถานการณ์ สังเกตได้จากการเลือกคำตอบที่ส่วนใหญ่หรือ 66% ของซีอีโอที่ตอบแบบสอบถามเลือกเพียงคำตอบเดียว ขณะที่อีก 34% เลือกใช้แนวทางผสมผสานตามสถานการณ์

 

สำหรับบริษัทที่ตอบเพียงคำตอบเดียว พบว่า ส่วนใหญ่คาดว่าจะรักษาระดับการจ้างงานโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่ กระจายอัตรากำลังใหม่ การทำงานแบบเข้ากะ การหมุนเวียนพนักงานเพื่อการทดแทนกันในอนาคต การทำงานแบบ Work from Anywhere เป็นต้น และเตรียมขยายการจ้างงานเพื่อรองรับการฟื้นของเศรษฐกิจ ขณะที่มีเพียง 1% ของซีอีโอที่ตอบแบบสอบถามที่ปรับลดอัตรากำลัง

 

จากผลการสำรวจโดยรวม พบว่า บจ. ส่วนใหญ่พยายามที่จะรักษาระดับการจ้างงาน โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบต่างๆ และเตรียมพร้อมในการจัดจ้างพนักงานเพิ่มเติมเมื่อเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว โดยเฉพาะ บจ. ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ในทางกลับกัน ธุรกิจบริการขนาดเล็ก และ บจ. ในหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มลดการจ้างงาน

 

2. บจ. ส่วนใหญ่นำนโยบาย Work from Home (WFH) มาใช้ และในปี 2565 บจ. ทยอยเรียกพนักงานกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงาน และหลังจากเรียกพนักงานกลับมาทำงาน พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของ บจ. มีพนักงาน Work from Home ไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด

 

จาก SET Note Volume ฉบับที่ 2/2563 เรื่อง SET CEO Survey (Special Issue) การรับมือของ บจ. ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2563 ได้เปิดเผยว่า บจ. ส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถามได้รับผลกระทบจากโควิด ทั้งผลกระทบในด้านผลประกอบการ การบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหาร ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่ง บจ. มีการปรับตัวด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งหนึ่งในวิธีหนึ่งที่บริษัทเลือกใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล คือการใช้นโยบาย Work from Home (WFH)

 

ในการสำรวจแบบสอบถามในครั้งนี้ ได้มีการสอบถามท่านผู้บริหาร บจ. ต่อเนื่องเกี่ยวกับนโยบาย Work from Home โดย 82% ของซีอีโอที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า ในปี 2564 นำนโยบาย Work from Home มาใช้ โดย บจ. ส่วนใหญ่มีสัดส่วนพนักงาน Work from Home ในช่วงระหว่าง 25% แต่ไม่ถึง 50% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำหรับ บจ. ที่ไม่มีการนำนโยบายมาใช้ พบว่า เป็นบริษัทที่มีการติดต่อโดยตรงกับลูกค้า และธุรกิจที่พนักงานจำเป็นต้องทำงานกับสายพานการผลิต หรือประจำการ ณ จุดบริการ เป็นต้น

 

บจ. ที่มีสัดส่วนพนักงานที่ Work from Home ในระดับสูง อยู่ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดประกันภัยและประกันชีวิต เป็นต้น ขณะที่ บจ. ที่มีสัดส่วนพนักงานที่ Work from Home ในระดับต่ำ คือสัดส่วนพนักงานที่ Work from Home ไม่เกิน 10% พบว่า เป็น บจ. ในหมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง หมวดแฟชั่น หมวดบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

 

บจ. บางบริษัทระบุชัดเจนว่า ในส่วนของพนักงานที่ทำงานที่สำนักงานสามารถให้ Work from Home ได้ทั้งหมด ขณะที่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดบริการ จะอยู่ในลักษณะของการสลับการเข้าปฏิบัติงาน

 

3. บจ. จัดสวัสดิการให้พนักงานที่ทำงานแบบ Work from Home เพื่อให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพการทำงาน

 

เมื่อสอบถามว่า บจ. ได้จัดสรรสวัสดิการใดๆ เพิ่มเติมให้พนักงานขณะที่ Work from Home หรือไม่ อย่างไร พบว่า บจ. จัดสวัสดิการให้หลากหลายด้าน ดังนี้

 

  • การดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาล​
  • รูปแบบการทำงาน​ 
  • อุปกรณ์การทำงาน
  • อุปกรณ์สำนักงาน​
  • ค่าสนับสนุนการปฏิบัติงาน
  • การปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาบุคลากร​
  • การดูแลกรณีพนักงานหรือครอบครัวติดโควิด​

 

4. หลังจากภาครัฐขอความร่วมมือในการขอให้ภาคเอกชนกลับเข้าสู่การทำงานรูปแบบปกติ บจ. ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งกรณีเรียกกลับเข้าทำงานพร้อมกันหมด และทยอยเรียกกลับเข้าทำงานที่สำนักงาน

 

ในช่วงกลางปี 2565 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดภายในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ภาครัฐขอความร่วมมือในการขอให้ภาคเอกชนกลับเข้าสู่การทำงานรูปแบบปกติ ก่อนที่จะมีนโยบายปรับให้การปรับสถานะของโควิดจากโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่น

 

ในการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหาร บจ. ครั้งนี้ ได้มีการสอบถามถึงแนวทางการดำเนินการในการเรียกพนักงานกลับเข้าทำงานที่สำนักงาน พบว่า 93% ของ บจ. ที่ตอบแบบสอบถามและใช้นโยบาย Work from Home ได้เรียกพนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน มีเพียง 7% ที่ยังไม่เรียกพนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงาน

 

หลังจากที่ บจ. เรียกพนักงานกลับเข้าทำงานสำนักงาน พบว่า ครึ่งหนึ่งของ บจ. ที่ตอบแบบสอบถามและใช้นโยบาย Work from Home มีสัดส่วนพนักงานที่ยังคง Work from Home ไม่เกิน 10% ของพนักงานทั้งหมดของแต่ละบริษัท

 

5. บจ. พร้อมเรียกพนักงานกลับเข้ามาทำงานที่สำนักงานเมื่อภาครัฐประกาศถึงความคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ขณะที่สัญญาณเตือนในการนำนโยบาย Work form Home กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดกลับมารุนแรง มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

 

ในการสำรวจนี้ ได้มีการสอบถามถึงแผนในการเรียกพนักงานกลับเข้าทำงานที่สำนักงาน และสัญญาณเตือนที่ท่านคาดว่าอาจจะต้องกลับไปใช้มาตรการ Work from Home อีกครั้ง ซึ่งได้ข้อสรุปที่สำคัญ ได้ดังนี้

 

แผนในการเรียกพนักงานกลับทำงานสำนักงาน

  • เมื่อมีประกาศ / นโยบายของภาครัฐ ที่ประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น
  • ตามมติของคณะกรรมการ / อนุกรรมการ / คณะทำงาน ของบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์ภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งหลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดและแนวทางบริหารจัดการในช่วงที่ผ่านมา บจ. บางบริษัทได้ในการจัดทำคณะทำงานขึ้นมาใหม่ หรือผนวกเรื่องแนวทางบริหารจัดการเมื่อเกิดวิกฤตเข้าไปกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการต่างๆ ที่ บจ. มีอยู่แล้ว และมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และวางแผนดำเนินงานของคณะกรรมการ / คณะอนุกรรมการ / คณะทำงาน ที่เป็นผู้ดูแล
  • ขึ้นอยู่กับประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม
  • หลังจากเกิดวิกฤต บจ. พิจารณานโยบาย Work from Anywhere อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงานภายในบริษัท (New Normal Working Practices) และปรับสำนักงานให้เป็นแบบลักษณะยืดหยุ่น สำหรับการเรียกพนักงานกลับเข้าทำงานสำนักงานเมื่อมีเหตุจำเป็น (Need Basis) อาทิ ต้องมีติดต่อประสานงานกับลูกค้าโดยตรง หรือเมื่อผู้บริหารมีนโยบายเรียกกลับ

 

สัญญาณเตือนว่าอาจกลับไปใช้นโยบาย Work from Home

  • เมื่อมีประกาศ / นโยบายของภาครัฐ ที่ประกาศสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีความรุนแรงขึ้น
  • เมื่อมีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น สังเกตได้จากมีเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ที่มีการระบาดและอาการของโรครุนแรงขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
  • เมื่อจำนวนพนักงานของ บจ. ที่ติดเชื้อมากยิ่งขึ้น
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising