วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ของรัฐบาลไทยที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว พร้อมตั้งคำถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่ามีผลสำเร็จเท่าไร ตัวชี้วัดสำคัญคือการตัดวงจรคนที่ทำงานในนั้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดที่สุด
“เพราะเรารู้ดีว่าในเมืองสแกมเมอร์เหล่านั้นมีคนทำงานอยู่จริง แต่น่าจะมีแค่รัฐบาลไทยที่ไม่รู้ เพราะไม่เคยเห็นรัฐมนตรีคนไทยมาลงพื้นที่จริง มาดูให้เห็นกับตาว่าเมืองสแกมเมอร์ที่คนทั้งโลกรู้จักนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร สุดท้ายการทำขึงขังว่าตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ต ไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ก็อาจเป็นแค่การแสดงเอาใจจีน ก่อนที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน”
กัณวีร์ระบุว่า หน้าที่ที่รัฐบาลไทยต้องทำคือต้องเตรียมรับมือคนที่อยู่ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะเต็มใจมาทำงานหรือเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ แต่รัฐบาลไทยยังต้องให้ หลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน มาชี้นิ้วสั่ง แถมยังข้ามแดนไปมาอย่างตามใจชอบ ไปเตรียมการกับเมียนมา โดยที่รัฐบาลไทยยังหลับหูหลับตา รอคุยกับชาติอื่นๆ
กัณวีร์กล่าวด้วยว่า ชีวิตคน ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทรมานจากขบวนการอาชญากรรมที่เลวร้ายนี้ ถ้าเป็นลูกหรือครอบครัวเรา จะทนกันไหวหรือไม่ที่จะให้อยู่ในสถานที่ที่มีมาเฟียมาทำร้ายร่างกายตัวเอง บังคับให้ทำงาน แม้ว่าตอนนี้กองกำลังชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น BGF หรือ DKBA จะช่วยเหลือมาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากระบวนการในการส่งตัวล่าช้า
“ถ้าไม่นับชุดใหญ่ 260 คน ที่ผมขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กล้าหาญรับคนเหล่านั้นมาจากกองกำลัง DKBA เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นภารกิจมนุษยธรรมไร้พรมแดนที่ควรได้เสียงปรบมือ แต่กลับกลายเป็นคำตำหนิจากรัฐบาล”
กัณวีร์ย้ำว่า เราไม่มีเวลามาโทษกัน ถ้าเรามีสำนึกของความเป็นมนุษย์ และนี่ก็ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว ที่รัฐบาลไทยกดดันให้มีการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่ากลุ่มชาติพันธุ์เขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อเขาให้ความร่วมมือปราบปราม รัฐบาลไทยก็ควรต้องเตรียมรับมือในการรับคนจำนวนมากเหล่านั้น ช่วยให้เขาได้กลับประเทศของเขาโดยเร็ว
“ล่าสุดผมได้รับรายชื่อชาวต่างชาติ 317 คนจากทางกองกำลัง DKBA ว่าขณะนี้พวกเขาช่วยเหลือชาวต่างชาติได้เพิ่มเติม อยู่ในที่ปลอดภัย และดูแลมา 5-6 วันแล้ว แต่ด้วยขั้นตอนที่ต้องส่งตัวให้รัฐบาลเมียนมาเพื่อส่งให้ไทย ทำให้กระบวนการล่าช้า ยังไม่รู้กำหนดว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านเมื่อไร ทำให้กองกำลัง DKBA ไม่ได้ไปรวบรวมคนจากบริษัทสแกมเมอร์มาเพิ่ม เพราะดูแลไม่ไหว”
กัณวีร์เปิดเผยว่า จากที่ทราบมาจาก DKBA ระบุว่า ถ้าจะให้นำคนทั้งหมดไปส่งที่เมียวดี ก็ลำบากเรื่องการขนส่ง ไม่มีรถจะส่งคนมากขนาดนั้น แถมหากเคลื่อนย้ายคนเยอะขนาดนั้นไปเมียวดี จะต้องผ่านบางพื้นที่ซึ่งยังมีการเผชิญหน้ากันของกองกำลังที่อาจมีอันตรายได้ ดังนั้นสถานที่ที่อยู่ในพื้นที่ DKBA ก็ปลอดภัยดี การส่งผ่านช่องทางบ้านช่องแคบแบบเดิมสะดวกที่สุด และขณะนี้หลายประเทศก็ติดต่อมาว่าอยากรับคนของตัวเองแล้ว แต่ติดตรงขั้นตอนพิธีการของรัฐบาลไทยและเมียนมา
“ถ้าหากยืดเยื้อและล่าช้าแบบนี้ พวกเขาก็อาจจะดูแลต่อไม่ได้หรือไม่ก็ควบคุมสถานการณ์อะไรไม่ได้ หากคนพวกนั้นหลบหนีหรือจำเป็นต้องปล่อยตัวไป ก็เสียประโยชน์เปล่าที่ช่วยเหลือกันมา และทราบข่าวมาว่าทาง BGF ก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน และน่าจะหนักกว่าเพราะมีคนหลายพันคน”
กัณวีร์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ย้อนแย้งอย่างมากกับการที่ไทยจะให้แต่ละประเทศรับคนกลับไปเองที่สะพานมิตรภาพไทย-พม่าแห่งที่ 2 จะไม่มีที่พักให้ ซึ่งต้องถามว่าจะเอาคนเหล่านั้นเข้ากลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) เพื่อคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่
“ดูลักลั่น ย้อนแย้งไปหมด เหมือนรัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายอะไร แค่ปัดให้พ้นตัว ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ผ่านทางประเทศไทย ไม่อยากยอมรับว่าคนเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ เพราะคนไทยไปเกี่ยวข้องในการรับ-ส่ง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยให้คนข้ามแดน เหมือนอย่างที่ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ เลขาธิการกองกำลัง BGF ปรามาสกลับมาว่า คนพวกนั้นไม่ได้ตกมาจากฟ้า”
กัณวีร์กล่าวว่า ยังรอการตัดสินใจที่เด็ดขาดจากรัฐบาลไทย ที่เวลานี้เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเป็นผู้นำด้านมนุษยธรรม ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นับหมื่นคน อย่าเอาแต่ทำการทูตแบบเงียบๆ จนผู้ช่วยรัฐมนตรีจีนมาปาดหน้า ทำการทูตแบบโจ่งแจ้ง ข้ามแดนไปมาแม่สอด-เมียวดี จนคนไทยคิดว่าเป็นรัฐมนตรีของไทยไปเสียแล้ว
ล่าสุดกัณวีร์เปิดเผยด้วยว่า เครื่องบินจีน 2 ลำจะมาถึงอำเภอแม่สอดเย็นวันนี้ เพื่อเตรียมรับคนจีนที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศในวันพรุ่งนี้
“จบกัน การบังคับใช้กฎหมายไทยต่อคนทำผิดที่ใช้ไทยเป็นที่นำพาและเจตนาค้ามนุษย์ ข้อมูลที่จะมาปราบเครือข่ายไทยดำ-ไทยเทาก็ปลิว” กัณวีร์กล่าวย้ำ