วันนี้ (17 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน พร้อมคณะ หารือทวิภาคี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยได้ใช้เวลาหารือร่วมกันประมาณ 30 นาที
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แถลงกับสื่อมวลชนว่า ได้หารือใน 3 ประเด็น เรื่องแรกคือ สะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย ที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ที่มีการตกลงเรียบร้อยและจะดำเนินการโครงการต่อ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2027
ขณะที่ประเด็นที่ 2 คือความสงบในพื้นที่ภาคใต้ที่ขอความร่วมมือจากมาเลเซีย โดยจะเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าฮาลาลและอุตสาหกรรมยางพารา ซึ่งได้มีการพูดคุยกันโดยจะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า เพื่อจะได้ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและความร่วมมือซึ่งกันและกัน
สำหรับประเด็นที่ 3 คือ การหารือเรื่องของภาษีศุลกากร (Tariff) ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าในหลายประเทศ ซึ่งได้คุยกันว่าในส่วนของอาเซียนจะสามารถรวมพลังกันได้อย่างไร เพราะประชากรในอาเซียนแล้วก็มีจำนวนมากและแข็งแรงจึงต้องดูว่าแต่ละประเทศมีทางออกอย่างไร ซึ่งจะมีการประชุมอาเซียนจึงอยากจะได้รับความร่วมมือ เพื่อหาทางออกและแนวทางแก้ไข
ส่วนการจับมือของอาเซียนเพื่อต่อสู้กับกำแพงภาษีของสหรัฐฯ นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันในรายละเอียด แต่จะคุยกันในเชิงสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งไทยก็พร้อมที่จะร่วมมือกับอาเซียน โดยไม่เน้นเรื่องของความรุนแรง แต่จะเน้นเรื่องของความสงบสุข ฉะนั้นถ้าเจรจาอะไรที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราก็จะทำแบบนั้น
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับคณะทำงานพูดคุยสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ได้พูดคุยกันในรายละเอียดในส่วนของทีมทำงานที่จะสนับสนุนว่าจะร่วมมือกันให้มากขึ้นอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความชัดเจนต้องให้ทุกระดับพูดคุยกัน พร้อมยืนยันว่ามาเลเซียยังคงเป็นผู้อำนวยการความสะดวกในการพูดคุยเจรจาสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ต่อ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของไทย ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม มีกำหนดการเข้าพบ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา และจะมีการรับประทานอาหารร่วมกันที่โรงแรมโรสวูด