วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่สถานีตำรวจภูธรคลองลึก จังหวัดสระแก้ว หญิงชาวกระบี่ 3 คน และชายชาวปราจีนบุรี 1 คน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากได้รับการช่วยเหลือก่อนข้ามพรมแดนจากประเทศไทยไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศกัมพูชา
หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า วันที่ 6 กุมภาพันธ์ มีคนรู้จักติดต่อผ่านทางญาติสนิทให้ชักชวนไปทำงานออนไลน์ จากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตนเองกับเพื่อนรวม 7 คนเดินทางไปกรุงเทพฯ ซึ่งคนที่ชวนระบุว่าต้องให้พวกเธอเปิดบัญชีธนาคารก่อนจึงจะให้เริ่มงาน โดยจะจ่ายค่าเปิดบัญชี 5,000 บาทต่อบัญชี พร้อมกำชับว่ายิ่งเปิดบัญชีมากยิ่งได้เงินมาก ทั้งนี้ มีหนึ่งในกลุ่มของตนไปเปิดบัญชีและส่งต่อสมุดบัญชีให้คนชวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินค่าจ้างที่รับปากไว้จะจ่ายก็ต่อเมื่อผ่านขั้นตอนสแกนใบหน้า
หญิงรายนี้ยอมรับว่า ไม่ทราบว่าต้องไปสแกนหน้าที่ไหน จนกระทั่งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ทั้งหมดถูกพามาที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นมีกลุ่มคนที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีเดินทางมาบริการเปิดบัญชีธนาคารให้ถึงที่พัก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะถูกสั่งห้ามใช้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัว
ทั้งนี้ กลุ่มของตนเองที่เดินทางมาพร้อมกันหลอกครอบครัวว่ามาเที่ยวที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อตนและคนในกลุ่มเริ่มจับสัญญาณความผิดปกติจึงพยายามติดต่อครอบครัวอีกครั้ง จนตนเองติดต่อไปยังลูกสาวได้ จึงส่งโลเคชันล่าสุดให้ลูกสาว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าตนอยู่ชายแดนอรัญประเทศ ลูกสาวมั่นใจว่าแม่ของตนจะถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศกัมพูชา จากนั้นลูกสาวจึงประสานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วให้ไปช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งหมดที่โรงแรม กระทั่งวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือและพยายามตะโกนเรียกชื่อตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง หญิงรายนี้เล่าว่าคนที่ชวนมาบอกให้ทั้งหมดไปหลบในห้องน้ำและห้ามแสดงตัว แต่ตัวเธอฝ่าออกมาหาเจ้าหน้าที่ และแสดงตัวว่าต้องการรับความช่วยเหลือ จนช่วยสำเร็จในที่สุด
ส่วนคนที่เหลือที่ไม่ยอมออกมาหาเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันกับเธอว่าจะเดินทางไปสแกนหน้ารับเงินค่าจ้างที่ประเทศกัมพูชา