ดัชนีหุ้นไทย (SET) ร่วงแตะ 1,288 จุด ติดลบ 17.98 จุดจากวันก่อนหน้า ทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ทั่วโลกยังคงเผชิญกับวิกฤตโควิด และหากดัชนี SET ในสัปดาห์นี้ปิดตลาดต่ำกว่า 1,306 จุด จะถือว่าเป็นการติดลบ 5 สัปดาห์ติดต่อกัน
นักลงทุนกลุ่มหลักที่เป็นฝ่ายขายสุทธิยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งขายสุทธิต่อเนื่องตลอด 17 วันทำการที่ผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม คิดเป็นมูลค่าการขายสุทธิ 9.75 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และคิดเป็นมูลค่าการขายมากถึง 4.45 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา
โดยภาพรวมแล้วปีนี้ตลาดหุ้นไทยติดลบไปกว่า 8% ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ผลตอบแทนย่ำแย่ที่สุดในโลก
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเวลานี้ยังไร้ปัจจัยบวก ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยกดดันจากหลายประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นของนายกรัฐมนตรีว่าจะปฏิบัติหน้าที่ต่อได้หรือไม่
“ยิ่งดัชนีร่วงต่ำกว่า 1,300 จุด ยิ่งเป็นเชิงลบต่อ Sentiment ของนักลงทุน”
สำหรับประเด็นการเมือง หากท้ายที่สุดแล้วเศรษฐาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมทั้งการพิจารณางบประมาณปี 2568 ซึ่งอาจกดดันให้ดัชนี SET มีโอกาสจะไหลลงไปถึง 1,250-1,260 จุด
แต่กลับกัน หากเศรษฐาปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ น่าจะเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวได้บ้าง
อย่างไรก็ดี อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะเข้ามาช่วยหนุนการฟื้นตัวหลังจากนี้คือ การเริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ทำให้การขายชอร์ตหุ้นทำได้ยากขึ้น