×

หุ้นไทย ‘รีบาวด์ 18 จุด’ หลังรูดกว่า 30 จุดวานนี้ นักวิเคราะห์มอง SET อยู่ในจุดที่น่าซื้อ แนะนำกลุ่ม EPS Growth-P/E ต่ำ และปันผลสูง

04.10.2022
  • LOADING...
หุ้นไทย

บรรยากาศตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 ตุลาคม) ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเช้า และปิดกาารซื้อขายภาคเช้าที่ระดับ 1,577.01 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด หรือ 1.22% มูลค่าการซื้อขาย 34,196 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งของการปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ที่ดัชนี SET ร่วงลงไป 31.46 จุด

 

ชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะตลาดคลายความกังวลต่อปัจจัยที่กระทบการลงทุน หลังจากที่วานนี้โดนแรงขายหนักจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการขึ้นดอกเบี้ย เพราะมีกระแสข่าวว่าทาง Fed มีการนัดประชุมฉุกเฉิน รวมถึงกังวลต่อสถานะทางการเงินของเครดิตสวิส ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยที่ไม่ชัดเจนเข้ามากระทบ ทำให้มีแรงขาย และจึงทำให้เกิดการเร่งปิดสถานะ Single Stock Futures


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือทิศทางตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ ซึ่งหากยังไม่ชะลอตัวตามที่ตลาดคาดการณ์อาจจะสร้างความกังวลต่อภาพรวมตลาดหุ้น ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในด้านของการที่รัสเซียผนวก 4 แคว้นของยูเครน รวมถึงมาตรการที่ทางยุโรปจะประกาศคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติม

 

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นในกลุ่มธีมเปิดเมืองที่จะได้รับอานิสงส์ของการเปิดประเทศและภาพการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น ได้แก่ CPN, AOT, CRC และ ERW ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการอุปโภคบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว เช่น HMPRO สำหรับแนวโน้มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในสิ้นปียังมองที่ระดับ 1,730 จุด อิง EPS ที่ 96.1 บาทต่อหุ้น

 

ทางด้าน ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้อยู่ในจุดที่น่าสนใจ เพราะหาก P/E อยู่ที่ระดับ 16.5 เท่า จะได้ระดับดัชนีที่ 1,550 จุด ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่เมื่อวานนี้ดัชนีลงไปแตะที่ระดับใกล้เคียงจุดดังกล่าว ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ

 

โดยมีมุมมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 1,700 จุด และอิง EPS ที่ 94 บาทต่อหุ้น ดังนั้นจึงแนะนำหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของ EPS ในปีหน้า และค่า P/E ในระดับต่ำ รวมถึงเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง และราคาหุ้นมีอัพไซด์ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น TTB และ KBANK กลุ่มไฟแนนซ์ อย่าง BAM และ SAWAD กลุ่มโรงพยาบาลแนะนำ BCH และกลุ่มค้าปลีก CPALL ที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้อในประเทศ

 

ประกิตกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่เมื่อวานนี้ (3 ตุลาคม) เกิดแรงขายอย่างหนักจากกองทุนสถาบันในประเทศนั้นเป็นแรงขายแค่เพียงไม่กี่กองทุน และมองว่าจะเป็นแรงขายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และมีโอกาสที่จะเกิดแรงซื้อสวนกลับเข้ามาได้เช่นกัน ซึ่งในขณะเดียวกัน กองทุนบางส่วนยังมีสถานะเป็นซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย

 

อีกทั้งตลาดหุ้นต่างประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงของจุดเปลี่ยน เช่น การที่อังกฤษยกเลิกแผนตัดลดภาษี ซึ่งส่งผลดีทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรของอังกฤษปรับลดลงและเงินปอนด์กลับมาแข็งค่า ซึ่งสอดคล้องกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มอ่อนค่า จึงถือเป็นการช่วยลดแรงกดดันฝั่งตลาดหุ้น

 

ด้าน กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ซึ่งหากดัชนียังเคลื่อนไหวในลักษณะนี้และไม่มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องของการถูกปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนนั้นมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยสิ้นปีมองว่ากรอบดัชนีอาจไต่ไปที่ระดับ 1,700 จุดได้

 

ทั้งนี้ แนะนำหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP ที่น่าสนใจลงทุนในระยะสั้น เพราะแนวโน้มกำไรในช่วงไตรมาส 3/65 และไตรมาส 4/65 จะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มหุ้นธีมเปิดเมือง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising