×
SCB Omnibus Fund 2024

ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทย หลังไบเดนชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดย THE STANDARD TEAM
09.11.2020
  • LOADING...
ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทย หลังไบเดนชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

เกิดอะไรขึ้น:

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่า โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน อยู่ที่ 290 ต่อ 214 ส่งผลให้ไบเดนกลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 และจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2021 

 

โดยล่าสุดไบเดนได้เปิดเผยว่าเขามีแผนที่จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็ว และจะให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

กระทบอย่างไร:

สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวขึ้น 5.45%WoW สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่กลับมาสดใส หลังตลาดคาดหวังเชิงบวกว่าไบเดนจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และวันนี้ (9 พฤศจิกายน) SET Index ยังตอบรับเชิงบวกต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,293.90 จุด เพิ่มขึ้นถึง 33.82 จุด ก่อนช่วงบ่ายจะอ่อนตัวลงไปปิดสิ้นวันที่ระดับ 1,285.88 จุด เพิ่มขึ้น 25.80 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.05%DoD 

 

มุมมองต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย: 

ตลาดอาจมองว่ากระแสเงินจะไหลเข้า Emerging Market มากขึ้น แต่ด้วยผลการเลือกตั้งไม่ใช่ Blue Wave จึงทำให้มีโอกาสบังคับใช้นโยบายภาษีและ Antitrust กับบริษัทกลุ่มเทคโนโลยียากขึ้น ซึ่งทำให้กระแสเงินอาจไม่ได้ไหลออกจากสหรัฐฯ มากนักเหมือนที่ตลาดคาดไว้ โดยมองว่ากลุ่มประเทศที่จะได้ประโยชน์จากกระแสเงินไหลเข้าจะเป็นกลุ่มประเทศในเอเชียเหนือมากกว่ากลุ่มประเทศอาเซียน ขณะที่การเกิด Value-Cyclical Rotation นั้น SCBS มองว่าจะมาจากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวัคซีนมากกว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

 

มุมมองต่อกลุ่มอุตสาหกรรมไทย: 

สำหรับผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ถึงแม้ว่าไบเดนจะให้ความสำคัญกับนโยบายลดโลกร้อนโดยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ SCBS มองว่าการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ อาจจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสภาวะราคาน้ำมันที่ต่ำ ทำให้การผลิต Shale Oil และ Shale Gas ยังไม่กลับมาสูงเหมือนเดิม นอกจากนี้ราคาน้ำมันอาจมีทิศทางดีขึ้นจากเซนทิเมนต์ที่ดีขึ้น และการที่กลุ่ม OPEC+ เลื่อนแผนการผลิตน้ำมันเพิ่มออกไป

 

ขณะที่หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี SCBS คาดว่า Trade Flow จะกลับมาปกติและสามารถคาดการณ์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งทำให้การซื้อขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดี นโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ส่วนหุ้นกลุ่มยานยนต์นั้นมองว่าการเน้น Clean Energy และ EV Car มากขึ้น อาจจะกระทบต่อการผลิตในประเทศไทยซึ่งการผลิตเน้นเทคโนโลยีเดิม แต่อย่างไรก็ดี การส่งออกรถยนต์จากไทยไปสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 10% ของยอดการส่งออกรถยนต์ทั้งหมดก่อนช่วงโควิด-19

 

สำหรับหุ้นกลุ่มอื่นๆ มองว่าอาจไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ คิดเป็นราว 4% ของช่วงก่อนโควิด-19 ขณะที่กลุ่ม REITs อาจได้รับเซนทิเมนต์เชิงบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวลง แต่ในเชิงพื้นฐานไม่มีผลกระทบ สำหรับหุ้นกลุ่มอาหาร เช่น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) แม้จะมีบริษัทย่อยในสหรัฐฯ แต่นโยบายภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่น่ามีผลกระทบมาก เนื่องจากมีการยกยอดผลขาดทุน (Loss Carried Forward) 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:

คลื่นสีฟ้า (Blue Wave) คือการที่พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งทั้งสองสภา ประกอบด้วยสภาล่างและสภาสูง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising