×

‘หุ้นไทย’ พุ่ง 38.41 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นักวิเคราะห์ประสานเสียงราคายังไปต่อ รับ 3 ปัจจัยบวกหลัก

05.01.2021
  • LOADING...
หุ้นไทย

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ (5 มกราคม) ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงท้ายตลาด โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับสูงสุดของวันต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ที่ระดับ 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุด หรือ +2.62​% มูลค่าการซื้อขาย 115,299.85 ล้านบาท

 

โดยหุ้นโรงไฟฟ้าปรับตัวขึ้นโดดเด่นแบบยกแผง และถือเป็นกลุ่มนำตลาด ประกอบด้วย 

 

  • บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ปิดที่ 64 บาท เพิ่มขึ้น 19.63% หนุนดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 3.5 จุด 
  • บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ปิดที่ 84.75 บาท เพิ่มขึ้น 7.28% หนุนดัชนี 1.5 จุด 
  • บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ปิดที่ 54.25 บาท เพิ่มขึ้น 6.37% หนุนดัชนี 0.7 จุด 
  • บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ปิดที่ 37.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.93% หนุนดัชนี 1.8 จุด

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้นมารอบนี้เกิดจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 

  • กระแสนโยบาย Green Energy ของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน 
  • การกระตุ้นภาคเศรษฐกิจของไทย โดยการออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการทรัพยากรไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้กลุ่มโรงไฟฟ้าได้รับอานิสงส์เชิงบวก คือมีกำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน 

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องราคาหุ้นที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ เพราะได้รับผลกระทบจากความกังวลในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดปีที่แล้ว และปัจจัยจากพฤติกรรมนักลงทุนที่เริ่มเฟ้นหาหุ้น Defensive 

 

ทั้งนี้ ประเมินว่าปัจจัยบวกหลักๆ จะสนับสนุนราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าต่อไปในระยะ 1-2 สัปดาห์จากนี้ หรือจนกว่าโจ ไบเดน จะขึ้นรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้วประกาศนโยบายอออกมาอย่างชัดเจน 

 

ขณะเดียวกัน เชื่อว่ากลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กต่างๆ หรือ บจ. ที่มีการกระจายธุรกิจไปทำธุรกิจพลังงานทดแทน ก็จะได้รับความสนใจเข้าลงทุนเพิ่มมากขึ้นในเร็วๆ นี้ 

 

“การปรับขึ้นรอบนี้ นอกจากกลุ่มโรงไฟฟ้าแล้ว ยังมีกลุ่มที่ Underperform ตลาดเมื่อปีที่แล้ว ก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นมาด้วย ทั้งกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ธนาคาร อย่างไรก็ตาม กลุ่มธนาคารถือว่าปรับเพิ่มขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ในช่วงต้นปีจึงไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก” 

 

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มมองหาหุ้นที่เป็น Defensive Stoc​k และโรงไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายการลงทุน ประกอบกับอยู่ในธีมการลงทุนในปีนี้ที่ควรเน้นการลงทุนในหุ้นพลังงานทดแทนและรถยนต์ไฟฟ้า ตามนโยบายของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นทั่วโลก 

 

สำหรับหุ้นที่เป็น Defensive Stock และราคาหุ้นยังต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ ในตลาดหุ้นไทยยังมีกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มสื่อสาร 

 

“ในช่วงนี้การจะมองหาว่าหุ้นกลุ่มไหนเป็น Defensive Stock ที่แท้จริง ควรประเมินปัจจัยเรื่องผลกระทบจากโควิด-19 ประกอบไปด้วย กลุ่มไหนหรือบริษัทใดที่ได้รับผลกระทบน้อยมาก ก็จัดเป็น Defensive Stock อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน และแนวโน้มการเติบโตด้วยเช่นกัน”​

 

สำหรับดัชนีที่ 1,500 จุด บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่าเป็นระดับที่สมเหตุสมผล สอดรับกับปัจจัยด้านจิตวิทยาที่นักลงทุนคลายกังวลเรื่องมาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามเรื่องผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งแม้จะใช้มาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่ แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอลงเช่นกัน ฉะนั้นจึงมองว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีรอบนี้น่าจะเกิดในช่วงสั้น 

 

ขณะที่ สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย ประเมินว่า การปรับขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้ารอบนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับปี 2563 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดรอบใหม่ พบว่ากลุ่มที่ปรับตัวได้สูงกว่าดัชนีคือกลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มบริหารสินทรัพย์ 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2563 กลุ่มโรงไฟฟ้าอาจจะไม่ใช่ Defensive Stock อย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ทำให้ลูกค้าของกลุ่มโรงไฟฟ้าไม่มีการซื้อไฟสำหรับภาคการผลิต จึงนับเป็นการขาดรายได้ แต่สถานการณ์ในปี 2564 แตกต่างออกไป เพราะรอบนี้เป็นการล็อกดาวน์บางส่วน และภาคการผลิตก็ยังคงดำเนินการผลิตต่อ นักลงทุนจึงเห็นเป็นจุดน่าเข้าลงทุน

 

ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีอัปไซด์เฉลี่ยอยู่ราว 10% บนการประเมินจากผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย เทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทค่อนข้างเต็มมูลค่าไปแล้ว จึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่ยังมีอัปไซด์อยู่ เช่น GPSC, BCPG 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising