ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 19 จุดตามตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนเก็ง โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง หนุนการค้าโลกดีขึ้น ขณะที่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยต่อเนื่องอีก 2.2 พันล้าน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,221.33 จุด เพิ่มขึ้น 19.17 จุด หรือ 1.59% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 50,169 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,382.44 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 14.97 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,248.87 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 1,148,54 ล้านบาท
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางบวกวันนี้ (3 พฤศจิกายน) เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ซึ่งได้รับอิทธิพลเชิงบวกจากคาดการณ์ว่าไบเดนจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามโพล
โดยนักลงทุนเชื่อว่าหากไบเดนชนะการเลือกตั้ง รูปแบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเชื่อว่าการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ จะมีปริมาณธุรกรรมเยอะขึ้น ต่างจากสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดำเนินนโยบายแบบเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐฯ เป็นหลัก ทำให้ธุรกรรมการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ไม่คึกคัก
ในส่วนของความร้อนแรงของตลาดหุ้นนั้น หากไบเดนชนะการเลือกตั้งตามคาดจะส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร้อนแรงลดลง เนื่องจากไบเดนจะเน้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจและอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่งให้ค่าพรีเมียมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง แต่ดิสเคานต์ของตลาดหุ้นเอเชียจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้อิทธิพลของผลการเลือกตั้งที่ให้น้ำหนักไปทางไบเดนจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเช่นกัน
“ตอนนี้ตลาดหุ้นกำลังเทรดกันบนธีมหลักของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหากผลเลือกตั้งปรากฏว่าไบเดนขึ้นเป็นประธานาธิบดีตามคาด ธีมหลักของตลาดทุนทั่วโลกก็สอดรับไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่ไบเดนประกาศไว้ เชื่อว่าตลาดจะมีการรีบาลานซ์หลังจากที่เม็ดเงินลงทุนทั่วโลกเทไปที่ตลาดสหรัฐฯ ไปแล้วกว่า 24 เดือน ตลาดเอเชียจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง”
ทั้งนี้ หากมองไปที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดน มองว่ากลุ่มที่น่าลงทุนคือหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มอีคอมเมิร์ซ และแพ็กเกจจิ้ง ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ส่วนกลุ่มที่ความน่าสนใจลดลงคือกลุ่มโรงกลั่น ตามการเปิดเสรีตลาดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
