×
SCB Omnibus Fund 2024

‘หุ้นไทย’ ดิ่ง 15 จุด รอลุ้นผลประชุม Fed โบรกมองดัชนี 1,700 จุด เป็นโซนขายในเดือนนี้

03.05.2022
  • LOADING...
หุ้นไทย

ภาวะตลาดหุ้นไทยในวันทำการแรกของเดือนพฤษภาคม ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (3 พฤษภาคม) ปิดที่ 1,652.29 จุด ลดลง 15.15 จุด หรือ -0.91% จากวันก่อนหน้า 

 

ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แรงขายที่ออกมาในวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดความเสี่ยงของนักลงทุนก่อนที่ตลาดหุ้นไทยหยุดในวันพรุ่งนี้ (4 พฤษภาคม) ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการประชุมในวันที่ 3-4 พฤษภาคม ซึ่งตลาดคาดการณ์กันว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% พร้อมกับการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้มาตรการ Quantitative Tightening (QT) เพื่อดึงสภาพคล่องออกจากระบบ 

 

“โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม มักจะให้ผลตอบแทนเป็นลบกว่า 1% สำหรับ 6 ปี จาก 10 ปี ซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ตลาดน่าจะปรับตัวลง แต่เชื่อว่าจะไม่ปรับลงแรงจนหลุดกรอบ 1,600 จุด” 

 

ภาดลคาดว่าดัชนีหุ้นไทยในเดือนนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,700 จุด หากดัชนีเข้าใกล้บริเวณ 1,700 จุด ก็ควรจะถือเงินสดมากขึ้นและหุ้นน้อยลง แต่เมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1,600 จุดก็เป็นจังหวะในการเพิ่มหุ้นในพอร์ต 

 

สำหรับผลการประชุม Fed ที่จะออกมาในวันที่ 4 พฤษภาคม คาดว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะตึงตัวมากขึ้น ขณะที่มาตรการ QT ซึ่งตลาดมองว่าใน 3 เดือนข้างหน้า อาจจะเห็นการดึงสภาพคล่องออกถึงเดือนละ 95,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน 

 

“ถ้าตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นบวกได้บ้างหลังการประชุม คงต้องเห็นการส่งสัญญาณดึงสภาพคล่องช้ากว่าที่คิดไว้ แต่ ณ ตอนนี้ คาดว่าการทำ QT น่าจะเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมนี้เลย”

 

แม้ภาพรวมตลาดจะไม่ดีนัก แต่สำหรับหุ้นบางกลุ่ม เช่น พลังงาน เฮลท์แคร์ และส่งออกยังพอจะลงทุนได้ เนื่องจากปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ยังมีความสามารถในการปกป้องตัวเองจากเงินเฟ้อ ส่วนกลุ่มโรงแรมมองว่าราคาค่อนข้างสูงแล้ว โดยหุ้นสนามบินอาจจะน่าสนใจมากกว่า อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลังงานมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนคลี่คลาย

 

ด้าน กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า ประเด็นหลักที่กำหนดทิศทางตลาดในเดือนนี้คือ 

 

  1. ความเสี่ยงเกี่ยวกับความต่อเนื่องในการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของ Fed ซึ่งจะขึ้นกับอัตราเงินเฟ้อในระยะถัดไป โดยราคาพลังงานจะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญ

 

  1. ปริมาณนักท่องเที่ยวหลังการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งจะเปิดอัปไซด์เศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด 

 

โดยกลยุทธ์แนะนำหุ้น 5 กลุ่มคือ 

 

  1. กลุ่มที่มีการปรับโครงสร้างการเงินแข็งแกร่งขึ้น หนุนโอกาสในการเข้าซื้อของกองทุนอิงดัชนี ได้แก่ JMT และ JMART 

 

  1. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และการส่งออกยังดี ได้แก่ KCE และ ASIAN 

 

  1. บริษัทที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมจำนำทะเบียนรถ คือ TIDLOR 

 

  1. หุ้นเติบโตสูงไปกับกระแสดิจิทัลและทนทานต่อเงินเฟ้อ คือ BE8 

 

  1. กลุ่มบริหารหนี้ ซึ่งฐานกำไรยังเติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ คือ CHAYO
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising