×

วันแห่งการเริ่มต้น… สำรวจความเป็นไปของนักเตะไทยในเจลีก

26.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • นอกจากจะทำประตูขึ้นนำให้ทีมซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ในเกมแรกของฤดูกาลแล้ว ธีรศิลป์ แดงดา ยังเป็นคนไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุดเจ1 ลีกอีกด้วย
  • มุ้ยซังปรับตัวเข้ากับต้นสังกัดใหม่ได้ดีมาก เขาทำผลงานในสนามได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเกมอุ่นเครื่องมาจนถึงเกมเปิดสนามฤดูกาลใหม่ เห็นได้ว่าเพื่อนในทีมนั้นเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวของธีรศิลป์ค่อนข้างมาก
  • นักฟุตบอลไทยมีโอกาสและศักยภาพที่จะเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ในญี่ปุ่น เหมือนที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเห่อข้าวผัดกะเพรา ข้าวมันไก่ และผักชีมาแล้ว

เสียงกลองดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฮของคนหลายร้อยบนอัฒจันทร์จำลองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ในกิจกรรมที่ทางเจลีกจัดขึ้นเพื่อชวนแฟนบอลชาวไทยมานั่งดูเกมนัดแรกของเจ1 ลีก (ลีกสูงสุด) ฤดูกาลใหม่ 2018

 

โดยต้นกำเนิดของเสียงแห่งความยินดีนั้นเกิดขึ้นจากประตูขึ้นนำของทีมซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา ที่ได้จากการโหม่งเสียบมุมอย่างเหนือชั้นของ ธีรศิลป์ แดงดา หนึ่งซูเปอร์สตาร์ลูกหนังไทย รุ่น 2 ที่ได้โอกาสไปค้าแข้งในแดนอาทิตย์อุทัย

 

หลายคนคงจะทราบแล้วว่านอกจากจะเป็นประตูชัยในเกมแรกเหนือคอนซาโดเล ซัปโปโร ของชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ต้องเผชิญหน้ากันตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล ประตูนี้ยังทำให้ ‘มุ้ยซัง’ ยังเป็นคนไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุดเจ1 ลีกด้วย

 

และรางวัลพิเศษส่งท้ายคือการได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมนี้ด้วย

 

เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ต่างอะไรจาก ‘ความฝัน’ เลย

 

เป็นวันแห่งการเริ่มต้นที่ดีจริงๆ ครับ

 

Photo:  @Ebichans44/Twitter

 

ทั้งๆ ที่หากเราหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลากลับไปในช่วง 3-4 เดือนก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เริ่มมีกระแสข่าวว่าเขาจะได้โอกาสไปเล่นในเจลีก ผมคงไม่ใช่คนเดียวที่เป็นห่วงเขา

 

ความเป็นคนขี้อาย พูดน้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก ซึ่งเป็นบุคลิกที่แตกต่างจากชนาธิปที่เป็นคนสนุกสนาน ขี้เล่น และปรับตัวเข้าหาคนได้ง่าย กลายเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงธีรศิลป์ และอาจจะห่วงมากกว่าเรื่องของระดับฝีเท้าด้วยซ้ำไป

 

บาดแผลจากอัลเมเรีย ความเจ็บปวดของความโดดเดี่ยวในการไปค้าแข้งที่แดนไกลยังไม่ลบเลือนหาย

 

เรื่องเล่าที่เขาได้แต่ยิ้มและหัวเราะไปตามเรื่อง ทั้งๆ ที่ฟังไม่ออกสักคำว่าคนอื่นเขาคุยอะไรกัน ฟังแล้วก็ยังคงรู้สึกอยู่

 

แต่ดูเหมือนบางทีพวกเราอาจจะห่วงมากเกินไปครับ

 

มุ้ยซังปรับตัวเข้ากับต้นสังกัดใหม่ได้ดีมาก เขาทำผลงานในสนามได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเกมอุ่นเครื่องมาจนถึงเกมเปิดสนามฤดูกาลใหม่ เราได้เห็นว่าเพื่อนนั้นเชื่อมั่นและเชื่อใจในตัวของธีรศิลป์ค่อนข้างมาก

 

จากการเคาะบอล การเคลื่อนที่ไปรอบบอล รับส่งบอลง่ายๆ กับเพื่อนในช่วงต้นเกม นำไปสู่การประสานการเล่นที่ลื่นไหลจนแทบมองไม่เห็นรอยแยกของระดับฝีเท้า

 

แน่นอนว่าต้องรวมถึงภาพการฉลองประตูร่วมกันกับเพื่อนร่วมทีมเป็นภาพที่น่ารักน่าชัง

 

กับเรื่องนอกสนาม ประตูชัยในเกมแรกทำให้เขากลายเป็น ‘ขวัญใจ’ คนใหม่ของชาวเมืองฮิโรชิมาอย่างรวดเร็ว

 

เสียงเชียร์ในสนามมาสู่เสียงชื่นชมบนอินเทอร์เน็ตของแฟนบอลชาวญี่ปุ่นที่มีต่อธีรศิลป์ คนที่ทั้งสร้างความประหลาดใจและสร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน

 

โดยท่ามกลางความคิดเห็นมากมายนั้น มีความคิดเห็นหนึ่งที่ผมคิดว่าสำคัญ

 

“ธีรศิลป์มีการตัดสินใจที่ดีมาก และนักฟุตบอลไทยก็มีการพัฒนาขึ้นด้วย”

 

ประตูชัยในเกมประเดิมสนามของธีรศิลป์ รวมถึงการที่ธีราทร บุญมาทัน หรือ ‘บุญจัง’ อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่ความจริงได้โอกาสลงประเดิมสนามกับต้นสังกัดใหม่ วิสเซล โกเบ ก่อนเพื่อนตั้งแต่วันศุกร์ ได้รับมอบหมายในการเตะลูกเซตเพลย์ทั้งลูกเซตพีซและลูกเตะมุม

 

และแน่นอน ที่จะไม่พูดไม่ได้เลยคือจุดเริ่มต้นของนักสู้ตัวเล็กอย่างชนาธิปที่พิสูจน์ตัวเองให้ชาวญี่ปุ่นได้เห็นว่านักฟุตบอลไทยไม่แพ้ใคร และยังยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร เอาไว้ได้

 

สิ่งเหล่านี้มีความหมายมากครับ เพราะนั่นหมายถึงการที่นักฟุตบอลไทยได้รับการ ‘ยอมรับ’ แล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

 

มันคือการเติบโตของนักเตะไทยในหัวใจคนญี่ปุ่น (ที่มาเร็วกว่าการเติบโตของฟุตบอลเจลีกในหัวใจคนไทย)

 

จริงอยู่ที่จุดกำเนิดจริงๆ ของการผจญภัยในต่างแดนของ 3 ซูเปอร์สตาร์ (และอีก 2 ดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง ไอซ์-จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ หรือที่แฟนๆ เอฟซีโตเกียวเรียกว่า ‘จักกิตโตะ’ และน้องใหม่ อินซ์-เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ที่ไปเล่นในทีมระดับเยาวชนของเซเรโซ โอซาก้า) มาจากแผนของเจลีกที่ต้องการขยายฐานแฟนบอลในต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของฟุตบอลลีกยุโรป เช่น พรีเมียร์ลีก

 

โครงการ The Asia Project ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2012 นำไปสู่การหลั่งไหลของสตาร์จากอาเซียน โดยเฉพาะใน 2 ปีหลังสุดที่เป็นที่พูดกันอย่างมากคือนักฟุตบอลจากประเทศไทย


แต่เมื่อเป็น ‘โอกาส’ ที่ได้มาแบบใกล้เคียงกับคำว่า ‘อภิสิทธิ์’​ การจะมาได้ซึ่งการยอมรับนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก

 

ทุกคนที่ได้โอกาสนั้นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และมันไม่ใช่การพิสูจน์ในระยะสั้น หากแต่เป็นการพิสูจน์กันในระยะยาว

 

ขยันพอไหม ทุ่มเทแค่ไหน ใจสู้หรือเปล่า?

 

Photo:  @Ebichans44/Twitter

 

หลายปีที่ผ่านมา นักฟุตบอลจากอาเซียนชาติอื่นๆ ไปล้มลุกคลุกคลานกับทีมในเจลีกมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็น อิรฟาน บัคดิม สตาร์ทีมชาติอินโดนีเซีย, เลอ คอง วินห์ ดาราลูกหนังจากเวียดนาม หรือจัน วัฒนากา ความภูมิใจของชาวกัมพูชา

 

แต่เพิ่งจะมีนักเตะไทยนี่ล่ะที่ผ่านบททดสอบมหาหินได้ โดยคนแรกคือชนาธิปนั่นเอง

 

ความทุ่มเทที่ไม่น้อยไปกว่าชั้นเชิงลูกหนังที่แพรวพราว รอยยิ้ม และมนุษยสัมพันธ์ขั้นเทพของเขาชนะหัวใจแฟนบอลชาวฮอกไกโดได้ไม่ยาก

 

‘ภาพ’ ของนักฟุตบอลไทยในสายตาคนญี่ปุ่นเปลี่ยนไป

 

เราไม่ใช่ชนชาติที่มีแต่นักฟุตบอลตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงบอลไปวันๆ อีกแล้ว

 

เราเล่นฟุตบอลกันเป็น และไม่ได้เก่งน้อยไปกว่าพวกคุณ

 

โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่านักฟุตบอลไทยมีโอกาสและศักยภาพที่จะเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ในญี่ปุ่น เหมือนที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเห่อข้าวผัดกะเพรา ข้าวมันไก่ และผักชี (ที่เครซีกันอย่างสุดโต่ง)

 

จาก 3 ซูเปอร์สตาร์และอีก 2 ดาวรุ่งในวันนี้อาจจะมีกำลังเสริมเข้ามาอีกในอนาคต เพราะ ‘หัวหน้าแมวมอง’ จากญี่ปุ่นนั้นเดินทางมาที่ไทยอย่างสม่ำเสมอ

 

ในวันข้างหน้า แทนที่นักเตะไทยจะไปญี่ปุ่นผ่าน ‘ช่องทางพิเศษ’ เราก็อาจจะเข้า ‘ช่องปกติ’ เหมือนนักฟุตบอลอาชีพทั่วไปที่สโมสรสนใจ อยากได้ตัว และติดต่อซื้อขายกันตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างเจลีกอีก

 

วันหนึ่งเราอาจจะมีนักฟุตบอลไทยที่ได้โอกาสเล่นในสโมสรระดับท็อปของประเทศเขาอย่าง คาชิมา แอนต์เลอร์ส (แชมป์ลีกมากที่สุด), คาวาซากิ ฟรอนตาเล (แชมป์ฤดูกาลล่าสุด) หรือโยโกฮามา เอฟ. มารินอส

 

และในอีกหลายวันข้างหน้า นักฟุตบอลไทยอาจจะไปได้ไกลถึงลีกระดับท็อปของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นลาลีกา สเปน (ซึ่งปัจจุบันเริ่มเชื่อมต่อกับวงการฟุตบอลไทยแล้ว), ลีกเอิง ฝรั่งเศส, เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน หรือพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

 

แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ยังมีสิ่งที่นักฟุตบอลไทยต้องพิสูจน์ให้เห็นอีกมาก

 

โดยเฉพาะเรื่อง ‘ธาตุทรหด’ เมื่อต้องตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่ไม่เป็นใจว่าจะฝ่าฟันไปได้ไหม

 

ชนาธิปเป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญความยากลำบากอยู่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโค้ชคนใหม่ ระบบการเล่นใหม่ ตำแหน่งใหม่ ที่ทำให้ฟอร์มการเล่นในนัดแรกดรอปลงอย่างน่าใจหาย

 

ขณะที่ธีราทรยังเป็นตัวสำรองและต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ฝีเท้าและหัวใจกับเพื่อนร่วมทีม

 

ส่วนธีรศิลป์นั้น แม้จะทำประตูในวันแรกได้ แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากไม่มีประตูที่ 2-3-4 ตามมา

 

ทุกอย่างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นครับ

 

แต่ผมคิดว่าเราน่าจะสามารถพูดได้ครับว่านี่คือ ‘วันแห่งการเริ่มต้น’

 

ไม่ใช่เฉพาะธีรศิลป์ ธีราทร หรือชนาธิป แต่มันคือวันแห่งการเริ่มต้นสำหรับนักฟุตบอลไทยทุกคน โดยเฉพาะของเด็กรุ่นต่อไป

 

ได้ยินไหม พี่ๆ เขาบอกแล้วว่าให้ ‘ตามมา’

FYI
  • ธีราทรเผยความลับในการยิงฟรีคิกให้วิสเซล โกเบ ทั้งๆ ที่มีกัปตันระดับแชมป์โลกอย่างลูคัส โพดอลสกี เจ้าประจำยืนข้างๆ ว่า จังหวะนั้นโพลดีหันมาถามว่า “มั่นใจไหม” และแน่นอนว่าบุญจังตอบว่า “มั่นใจ” กัปตันจึงให้โอกาสน้องใหม่ได้ปล่อยของต่อหน้าแฟนบอล และยังได้รับมอบหมายให้เตะลูกเตะมุม ซึ่งความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้โอกาสนั้นในทีมใหม่ ถ้าไม่ใช่เท้าเรดาร์จริงๆ
  • FOX Sports Asia ทำผลสำรวจว่า ธีรศิลป์จะประสบความสำเร็จหรือไม่ในญี่ปุ่น ผลออกมาว่าแฟนบอล 66% เชื่อมั่นว่าเขาจะทำได้
  • ก่อนเกมระหว่างซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา กับคอนซาโดเล ซัปโปโร ทางสโมสรเปิดโอกาสให้แฟนบอลชาวไทยที่ไปชมเกมนัดนี้กันเยอะมากๆ ได้เดินลงสนามเพื่อไปสัมผัสมือกับฮีโร่ของพวกเขาด้วย และล่าสุดแฟนบอลแห่ไปชมการซ้อมและขอลายเซ็นมุ้ยซังกันอย่างคับคั่ง
  • ส่วนชนาธิป ถึงแม้จะแพ้ในเกมแรกและตกอยู่ใต้ความกดดันของฤดูกาลที่ 2 ที่ว่ากันว่าจะยากกว่าฤดูกาลแรก แต่ยืนยันที่จะทำงานหนักต่อไป
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising