วันนี้ (27 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา กฤช ศิลปชัย สส. ระยอง พรรคประชาชน แถลงข่าวยืนยันว่าตนเองถูกเสนอเงินให้เป็นงูเห่าโหวตไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 26 มีนาคมจริง
กฤชยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจริง คนที่เป็นพยานยืนยันคือ พงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส. ระยอง พรรคประชาชน สำหรับความสัมพันธ์ของคนที่เป็นตัวกลางประสานงานติดต่อให้คนที่จะซื้อตนเป็นงูเห่านั้น จริงๆ เป็นคนรู้จักกันอยู่แล้ว เพราะเป็นลูกของเพื่อนพ่อ ส่วนคนที่จะเสนอซื้อตนเองนั้นส่วนตัวไม่รู้จัก แต่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง
ส่วนจะนำข้อมูลบทสนทนาแชตไลน์ไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือหน่วยงานให้เอาผิดหรือไม่นั้น กฤชมองว่าถ้าดำเนินการได้ก็จะดำเนินการ ตอนนี้แจ้งเลขาธิการพรรคประชาชนให้ทราบแล้ว และทางพรรคจะประชุมกันในวันที่ 1 เมษายน ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ถ้าหลักฐานที่มีไปถึง กกต. เราก็ใช้สิทธิตามกระบวนการหรือช่องทางที่กฎหมายได้ให้ไว้
อีกทั้งเรื่องนี้ต้องไปดูว่าผู้เกี่ยวข้องไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงตนเป็นห่วงพยานที่ออกมาเปิดเผย คนที่โทรมาหาก็ไม่สบายใจ พร้อมย้ำว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะสร้างกระแสเรื่องนี้ขึ้นมา มีหลักฐานชัดเจน
กฤชระบุด้วยว่า บุคคลที่จะมาซื้อตัวให้เป็นงูเห่านั้นมาจากพรรคการเมืองที่ชื่อคล้ายพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่ง แต่ไม่มี สส. ในสภา อย่างไรก็ตาม เมื่อสืบค้นแล้วพบว่าพรรคการเมืองดังกล่าวเคยมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าพ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เพราะมีสมาชิกไม่ครบตามกฎหมายกำหนด ดังนั้นถ้าไปร้องเอาผิดต่อ กกต. ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์ แต่อยากสะท้อนไปยังสังคมไทยว่าการเมืองไทยยังมีเหตุการณ์เช่นนี้อยู่
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนสามารถเชื่อมโยงไปถึงคนในรัฐบาล แต่ถ้าดูปรากฏการณ์ว่ามี สส. พรรคร่วมฝ่ายค้านคนไหนที่ลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีบ้าง อาจมีหลายภาค เรื่องนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคใดพรรคหนึ่งในรัฐบาลที่อาจต้องการเสียง สส. เพิ่มในการต่อรองอะไรบางอย่าง
“ผมมอง 2 มุม มุมแรกเขาอาจต้องการมาปั่นผม ให้ผมตกหลุมพราง ผมเฉยๆ มากเพราะคิดว่าเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าผมเกิดไปตอบตกลง สุดท้ายเขาอาจจะไม่ได้จ่ายจริง สุดท้ายผมก็โดนแน่ๆ เท่าที่รู้คนในพรรคไม่มีใครโดน ผมก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นผม” กฤชระบุ
สำหรับกรณีที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเพราะเสียงของรัฐบาลมีเหลือเฟือแล้ว กฤชกล่าวว่า เห็นด้วยตามนั้น คิดว่าจะมาซื้อเสียงเติมให้กับรัฐบาลคงไม่ใช่ แต่ถ้าหากทำภารกิจนี้สำเร็จจะมี 2 มุม คือทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคประชาชนได้แน่นอน และยังเป็นการแสดงศักยภาพต่อผู้มีอำนาจให้เห็นว่าตนเองเป็นนายหน้าหา (สส). ได้ เพื่อให้ไปต่อรองการปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะมาถึง