×

รีสตาร์ท ‘ไทยลีก 2020’ รวมเรื่องน่าสนใจก่อนคัมแบ็กในรอบ 7 เดือน

12.09.2020
  • LOADING...

อีกไม่กี่อึดใจ การแข่งขันฟุตบอล ‘โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2020’ จะกลับมาเปิดม่านบรรเลงเพลงแข้งให้แฟนบอลได้รับชมกันในวันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้ หลังจากต้องหยุดแข่งขันเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความปั่นป่วนให้ทั่วโลกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

 

การคืนสนามฟุตบอลไทยลีกคำรบนี้เป็นการกลับมาสานต่อการแข่งขันหลังลงเตะในฤดูกาล 2020 เพียง 4 นัดเท่านั้น ทำให้ขณะนี้มีหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจในรั้วไทยลีก ตั้งแต่การเปิดตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นรอบพิเศษ ไปจนถึงการปรับทัพ จัดขุมกำลังของแต่ละทีมที่น่าสนใจว่า กุนซือของแต่ละทีมมีความพร้อมกับการพาทีมกลับสู่สังเวียนที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าขนาดไหน

 

ทบทวนการแข่งขัน 4 นัดแรกที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว

ด้วยความที่ไทยลีกแข่งขันนัดล่าสุดคือวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา มาถึงตอนนี้เท่ากับว่า ทุกทีมร้างสนามจากเกมลีกเป็นเวลาเกือบ 7 เดือน ทำให้เข้าใจว่าแฟนบอลหลายท่านอาจจำไม่ได้ว่าตารางคะแนน ณ ปัจจุบันมีหน้าตาอย่างไร ดังนั้น THE STANDARD จึงถือโอกาสนี้พาผู้อ่านย้อนชมตารางแข่งของ 4 นัดแรก ให้เห็นกันว่าแต่ละทีมเป็นอย่างไรบ้าง

 

 

การเสริมทัพตลาดซื้อ-ขาย (รอบพิเศษ)

อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ยังทำให้วงการฟุตบอลไทยลีกมีกระแสบนหน้าสื่ออยู่เป็นระยะในช่วงที่ผ่านมาคือ เรื่องความเคลื่อนไหวของตลาดซื้อ-ขายนักเตะไทยลีกฤดูกาล 2020 รอบพิเศษ

 

มีหลายดีลที่น่าสนใจและเป็นที่ฮือฮา ซึ่งได้เกิดขึ้นกับตลาดรอบพิเศษ อาทิ ข่าวการย้ายทีมของนักเตะกองกลางดีกรีทีมชาติไทยอย่าง สารัช อยู่เย็น นักเตะที่ชื่อว่าเป็นลูกหม้อของเอสซีจี เมืองทองฯ หลังได้ลงเล่นรับใช้ต้นสังกัดมานานร่วม 10 ปี ได้ตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายใหม่ในรั้วบีจี ปทุม ยูไนเต็ด พร้อมมีการเปิดเผยค่าตัวที่สูงราว 30 ล้านบาทเลยทีเดียว

 

และเมื่อพูดถึงบีจี ปทุมฯ แล้ว แน่นอนว่าการเสริมทัพของเดอะ บลูแมชชีน ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ เพราะหลังจากนั้นทีมได้เปิดตัวผู้เล่นมาอีกมากมาย เจนรบ สำเภาดี, ธรรมยุทธ ต้นคำ, อันเดรส ตูเญซ และรายล่าสุด มิตสึรุ มารุโอกะ ที่บินตรงมาจากเซเรโซ โอซาก้า นักเตะชาวญี่ปุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยค้าแข้งอยู่ในเวทียุโรปกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาแล้ว

 

ภาพ: การท่าเรือ เอฟซี Port FC

 

 

นอกจากนี้ยังมีการเสริมทัพจากฝั่งของการท่าเรือ เอฟซี ซึ่งมีการเปิดตัวกองหลังชื่อดังอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ จากเอสซีจี เมืองทองฯ รวมถึงสองพี่น้องฝาแฝดดาวรุ่งของทีมชาติไทยชุด U23 อย่าง ทิตาวีร์ และ ทิตาธร อักษรศรี จากโปลิศ เทโร เอฟซี และผู้เล่นโควตาต่างชาติมากประสบการณ์อย่าง เนลสัน โบนีญา จากทรู แบงค็อกฯ ในสัญญายืมตัว

 

ส่วนแชมป์เก่า สิงห์ เชียงรายฯ ก็ได้เปิดตัว แจ็คสัน โคเอญโญ มาเสริมอาวุธเกมรุกให้ทีม ขณะที่ปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีการปล่อยตัวผู้เล่นออกไปยืมตัวเยอะพอสมควร แต่ก็ได้เสริมผู้เล่นใหม่ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ เรนาโต เคลิช, มาร์โก เชโปวิช, จิดิ คานยุก และ อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ ส่วนเอสซีจี เมืองทองฯ ที่ดูเหมือนจะอยู่ในยุคเปลี่ยนถ่ายผู้เล่นใหม่ได้เสริม 3 ผู้เล่นใหม่อย่าง พิชา อุทรา และ ภูมินทร์ แก้วตา จากสมุทรปราการ ซิตี้ รวมถึง ฉัตรมงคล ทองคีรี มาจากการท่าเรือ เอฟซี ในรูปแบบยืมตัว

 

 

ว่ากันด้วยเรื่องของ ‘โซนลุ้นแชมป์’

หากมองด้วยสายตาจากตารางคะแนนที่อยู่ข้างบน คงเป็นคำจำกัดความของคำที่ว่า ‘ฤดูกาลนี้…ยังอีกยาวไกล’ ใช่ครับ ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกลมากๆ อีกทั้งแฟนบอลหลายคนมองการกลับมารีสตาร์ทไทยลีกรอบนี้ไม่ต่างจากการเปิดฤดูกาลใหม่ แม้จะแข่งขันไปแล้ว 4 นัดก็ตาม

 

ความสนุกของการคัมแบ็กไทยลีกรอบนี้คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ขับเคี่ยว การลุ้นแชมป์ของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ เพราะเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว หลายทีมต่างเก็บคะแนนได้ตามเป้าหมายบ้าง, หลายทีมมีสะดุดบ้าง และหลายทีมดูจะไม่พอใจกับผลงานที่เกิดขึ้นมากนัก

 

ถึงตอนนี้ 4 ทีมที่ยังไม่ปราชัยให้ทีมใดเลย ประกอบด้วย ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด 

 

เริ่มจากทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่สามารถเก็บ 12 คะแนนเต็ม จาก 4 เกมแรก กำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจสุดๆ เมื่อย้อนกลับไปดูฟอร์มการเล่นของทัพแข้งเทพ โดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์แบบและดูเข้าที่เข้าทางได้ไวและดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา อีกทั้งการมีอยู่ของผู้เล่น วานเดอร์ หลุยส์, ปกเกล้า อนันต์, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, เอเวอร์ตัน กอนซัลเวส, มานูเอล ทอม เบียห์ร และผู้เล่นยอดเยี่ยมไทยลีกเดือนกุมภาพันธ์อย่าง ฮาจิเมะ โฮโซไก ที่แม้จะไม่มีการเสริมใครเข้ามา แต่หากรักษาฟอร์มที่คงเส้นคงวา บวกกับเกมรุกที่เป็นจุดเด่นอยู่แล้ว คำว่าเต็งแชมป์ก็เหมาะกับแข้งเทพอยู่ไม่น้อย

 

ส่วนราชบุรี มิตรผล เอฟซี สร้างผลงานช่วงต้นฤดูกาลได้อย่างเซอร์ไพรส์ ชนิดที่หลายทีมในสังเวียนไทยลีกไม่อาจมองข้ามได้อีกแล้ว หลังจากแข่ง 4 นัดเก็บครบ 12 คะแนน พุ่งไปอยู่อันดับ 2 ของตาราง เป็นรองทรู บียู เพียงลูกได้เสียเท่านั้น

 

ผู้เล่นกำลังหลักของราชันมังกรยังไม่มีการได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แม้เสริมผู้เล่นใหม่มา 3 ราย แต่นักเตะหลักอย่าง อุกฤษณ์ วงศ์มีมา, ฟิลิป โรลเลอร์, โยซังแฮ, จักรพันธ์ พรใส และ ฮาเวียร์ ปาติญโญ ยังอยู่กับทีมต่อเนื่อง บวกกับการได้ จัสติน บาส และ สิทธิโชค กันหนู ที่เริ่มปรับตัวกับทีมได้แล้ว ตามคำให้สัมภาษณ์ของ สมชาย ไม้วิลัย เฮดโค้ชของทีม น่าจะช่วยยกระดับให้ทีมมีลุ้นคั่วแชมป์ได้พอสมควร

 

ทางฝั่งของการท่าเรือ เอฟซี ฤดูกาลนี้เปิดตัวมาอย่างดุดัน แม้มีสะดุดเกมเสมอ บุรีรัมย์ 1-1 แต่ดูจะไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของสิงห์เจ้าท่าลดลงเลย ด้วยการประสานงานของผู้เล่นชุดหลักอย่าง เควิน ดีรมรัมย์, โก ซุลกิ, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, เซร์คิโอ ซัวเรซ และแดนหน้าอย่าง เฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดส 

 

แล้วยิ่ง มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ สั่งลุยตลาดซื้อ-ขายรอบพิเศษแบบเต็มสูบ อย่างสองพี่น้อง ทิตาวีร์-ทิตาธร อักษรศรี และ อดิศร พรหมรักษ์ มาอุดเกมรับ บวกกับอาวุธหนักที่ยืมตัวมาจากทรู บียู อย่าง เนลสัน โบนิญา กองหน้าทีมชาติเอล ซัลวาดอร์ น่าจะมาช่วยให้ โค้ชจเด็จ มีลาภ ได้มีลูกเล่นในการวางแผนทำทีมที่หลากหลายกว่าเดิม สู่การพาทีมเถลิงแชมป์ไทยลีกครั้งแรกของสโมสรก็อาจเป็นไปได้

 

อีกหนึ่งทีมที่น่าจับตามองคือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้รั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน แม้เพิ่งเลื่อนชั้นกลับสู่ไทยลีกในฤดูกาลนี้ แต่ในภาพรวมเห็นได้ชัดว่า ทีมยังคงรักษาฟอร์มของการเป็นแชมป์ไทยลีก 2 ติดมือมาจากซีซันก่อนด้วย ภายใต้การนำทีมโดย โค้ชโอ่ง-ดุสิต เฉลิมแสน และเดิมทีผู้เล่นชุดหลักก็นับว่าน่าสนใจแล้ว ยิ่งมีการเสริมทัพแบบดุเดือดด้วยดึงผู้เล่นระดับท็อปของวงการบอลไทยอย่าง สารัช อยู่เย็น และ อันเดรส ตูเญซ มาเสริมทีมนั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า การกลับขึ้นมาสู่ไทยลีกในฤดูกาลนี้ไม่ได้มาเพียงเพื่อให้อยู่รอดในสังเวียน แต่เป็นการลั่นกลองรบแบบเต็มรูปแบบ เพื่อกลับมาเป็นทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์อีกครั้ง 

 

ขณะที่แชมป์เก่าอย่างสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดฤดูกาลได้ไม่สวยนัก และอาจต้องเหนื่อยพอสมควรกับการรักษาแชมป์ในฤดูกาลนี้ หลังยังจอดอยู่ที่ 10 ของตาราง มีเพียง 5 คะแนน ส่วนสไตล์การเล่นของกว่างโซ้งยังไม่ได้ต่างจากซีซันที่แล้วมากนัก เพียงแต่เรื่องการจบสกอร์ดูจะเป็นปัญหาอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกใจที่เห็นทีมดึง แจ็คสัน โคเอญโญ กลับมาสู่ไทยลีก เพื่อเติมเต็มแผงหน้าให้กับทีม และดูจะเหนื่อยพอสมควรกับการรักษาแชมป์ในฤดูกาลนี้

 

ส่วนปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คืออีกทีมใหญ่ที่ออกสตาร์ทได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบจากชื่อชั้นของสโมสร ลงเล่น 4 นัด (ชนะ 1 แพ้ 2 เสมอ 1) มี 4 คะแนน รั้งอันดับ 11 ของตาราง ทำให้การกลับมาครั้งนี้ สิ่งที่แข้งเซราะกราวต้องรีบสร้างและทำเป็นอันดับแรกคือ การคืนฟอร์มเก่งของทีมให้ได้ เพื่อกู้ศรัทธาแฟนบอลโดยเร็วที่สุด หลังจากภาพรวมการเล่นของทีมดูแกว่งไปมาก หลายจุดยังไม่นิ่ง การปรับทัพและแท็กติกครั้งนี้น่าจะเป็นงานช้างของ โบซิดาร์ บันโดวิช ในการพาทีมกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์อีกครั้ง

 

 

โซนหนีตกชั้น

หากกล่าวถึงทีมที่ต้องหนีตกชั้นในศึกไทยลีกฤดูกาลนี้คงเป็นสิ่งที่เร็วเกินกว่าจะสรุปไม่ต่างจากโซนลุ้นแชมป์เช่นกัน แต่เมื่อมองจากท้ายตารางตอนนี้มี 4 ทีมที่อยู่ในอาการน่าเป็นห่วง ประกอบด้วย สมุทรปราการ ซิตี้, พีที ประจวบฯ, ระยอง เอฟซี และตราด เอฟซี ซึ่งทั้งหมดยังต้องควานหาชัยชนะนัดแรกเพื่อปลดล็อกต่อไป 

 

เริ่มจากสมุทรปราการ ซิตี้ ฤดูกาลนี้เปิดตัวด้วยฟอร์มการเล่นที่สวนทางจากปีก่อนเป็นอย่างมาก ลงแข่ง 4 นัด เก็บได้เพียง 1 คะแนน หลังจากทีมยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่ง ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการที่ทีมต้องเสียกำลังหลักของทีมไป นั่นจึงทำให้ทัพเขี้ยวสมุทรต้องเสริมผู้เล่นเป็นจำนวนมาก เพื่อหาจุดปลดล็อกให้ทีมกลับมาอยู่ในฟอร์มที่เคยเป็น

 

ขณะที่พีที ประจวบฯ ภายใต้การทำทีมของ โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล หลังจากได้ปรับขุมกำลังอยู่พอสมควรช่วงก่อนเปิดฤดูกาล แต่ดูเหมือนผู้เล่นจะยังไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไร โดยเฉพาะเกมรับที่ยังมีจุดหลวมให้เห็นกันบ้าง และการเสริมทัพช่วงตลาดรอบพิเศษ สาวกทีมต่อพิฆาตต้องลุ้นและเอาใจช่วยให้ทีมงัดฟอร์มเก่งกลับมาอีกครั้งให้ได้

 

ส่วนระยอง เอฟซี ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาโลดแล่นในไทยลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ดูจะเจอกับงานหินที่สุดทีมหนึ่งในลานประลองแห่งนี้ โดยผลการแข่งขัน 4 เกมแรก แพ้รวดทุกเกม จนทำให้ โค้ชชู-ชูศักดิ์ ศรีภูมิ ต้องก้มหน้ารับผิดชอบผลงานด้วยการประกาศแยกทางกับทีม แต่ทีมได้ อาร์ตูร์ แบร์นาร์เดส กลับมารับงานไทยลีกอีกคำรบ ซึ่งต้องมารอดูกันยาวๆ ว่าการได้โค้ชคนใหม่กับขุมกำลังใหม่ที่เสริมมาเยอะพอตัว จะมีน้ำหนักมากพอทำให้ทัพม้านิลมังกรอยู่รอดปลอดภัยในไทยลีกหรือไม่

 

ปิดท้ายด้วยทีมบ๊วยของตาราง ตราด เอฟซี อีกหนึ่งทีมที่อาการหนักไม่แพ้ใคร หลังแพ้รวดทุกเกมที่ลงแข่งขัน สภาพทีมจาก 4 เกมแรก แสดงให้เห็นความไม่ลงตัวพอสมควร โดยเฉพาะในเกมรับที่แบกรับความผิดพลาดค่อนข้างเยอะ และการเสริมทัพรอบพิเศษก็เป็นการเสริมผู้เล่นหน้าใหม่หมุนเวียนกับนักเตะที่ปล่อยออกจากทีมไปค่อนข้างเยอะ ทำให้การกลับมารีสตาร์ทรอบนี้แฟนบอลต้องส่งแรงใจแรงเชียร์ให้ขุนพลช้างขาวจ้าวเกาะกันเยอะๆ เพื่อหาจุดเปลี่ยนให้ทีมกลับมาแกร่งพอที่จะต่อกรกับทุกทีม เพื่อความอยู่รอดในไทยลีกให้ได้อีกครั้ง

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising