×

อนุทินบอกไร้ขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาลปมกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด รับคุยสมศักดิ์แล้ว อาจต้องรื้อรายงานการประชุมเดิม เหตุเคยลงมติหนุนปลดล็อกร่วมกัน

โดย THE STANDARD TEAM
10.05.2024
  • LOADING...

วันนี้ (10 พฤษภาคม) ที่จังหวัดภูเก็ต อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ทำให้กลุ่มที่สนับสนุนกัญชาออกมาคัดค้าน ทั้งที่รัฐสภาและจะไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยว่าคนกลุ่มนี้พยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง เพราะลงทุนธุรกิจมากพอสมควร ถ้าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายต้องให้โอกาสพวกเขาชี้แจงข้อมูลไว้ตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องปกติ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาหรือไม่ที่มีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการปลดล็อกกัญชา อนุทินกล่าวว่า ต้องมีกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กลุ่มที่เห็นด้วยกับกัญชาส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีข้อมูล มีการศึกษา และไปรวมกลุ่มกับประชาชนและหน่วยงานต่างๆ มาร่วมพัฒนากัญชาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่าย

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะถึงขั้นสร้างความขัดแย้งหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ความขัดแย้งไม่ควรจะมี นโยบายกัญชาอยู่ในนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เน้นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ในทางปฏิบัติก็อยู่ในกรอบมาตลอด ทุกอย่างต้องมีการควบคุมตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างมีขั้นตอน การจะเปลี่ยนกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดต้องผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดและคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ เราต้องมีข้อมูลใหม่ๆ 

 

“ตอนที่เราปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ท่านสมศักดิ์กับผมอยู่ในกรรมการชุดนี้ มีมติในที่ประชุมเป็นเอกสาร ไม่ใช่มีมติเสียงข้างมาก-ข้างน้อย ตนก็ได้เรียนกับท่านสมศักดิ์ไปว่าคงต้องรื้อรายงานการประชุม และมาดูว่าทำไมวันนั้นตัวท่านเอง ผม และกรรมการอีกหลายคน ถอดกัญชาออกจากยาเสพติด” อนุทินกล่าว 

 

ผู้สื่อถามต่ออีกว่า สมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ลักษณะที่ว่าอาจจะยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อนุทินเผยว่า นั่นคือพาดหัวข่าว แต่ในเนื้อข่าวไม่ใช่ ได้คุยกับสมศักดิ์แล้ว มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกันและไม่ตรงกัน ไม่ได้หมายความว่าขัดแย้งกัน ท่านเข้ามาเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขได้สัปดาห์เดียว เรื่องกัญชาตนทำมา 4 ปีในสมัยรัฐบาลที่แล้ว 

 

“มั่นใจว่าวินาทีนี้ผมน่าจะมีข้อมูลที่ต้องให้สมศักดิ์นำไปประกอบการพิจารณา ซึ่งต้องเป็นข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ ไม่ได้ทำด้วยทิฐิ นโยบายของพรรคภูมิใจไทยใครจะมายุ่งเกี่ยวไม่ได้ก็ไม่ใช่ ต้องดูประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก” 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายกรัฐมนตรี​ระบุว่า ‘ทำไมคิดว่าการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 จะกระทบกับพรรคภูมิใจไทย เพราะเรายึดประโยชน์ของประชาชน’ อนุทินกล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองต้องมองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก พรรคการเมืองมีนายคือประชาชน นายกรัฐมนตรีพูดไม่ผิด เราต้องมองประโยชน์ของประชาชน แต่เรื่องนโยบายของแต่ละพรรค เราอยู่รัฐบาลเดียวกัน ต้องพยายามผลักดันและเกื้อกูลกันให้มากที่สุด ให้นโยบายของแต่ละพรรคไปถึงฝั่งฝันได้ก็จะวิน-วินกับทุกคน พรรคภูมิใจไทยก็มีนโยบายกัญชา ตอนที่มาร่วมรัฐบาลถึงได้ถูกบรรจุไว้ในนั้น หลายคนมีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเราอยู่ร่วมกันแล้ว ต้องเคารพนโยบายของแต่ละพรรค พรรคภูมิใจไทยก็ทำมาตลอด

 

และเมื่อผู้สื่อถามว่า เรื่องนี้จะสร้างความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ เป็นเรื่องความคิดฐานข้อมูลไม่เท่ากัน ใครมีข้อมูลมากกว่าต้องทำให้เกิดความเข้าใจ จะนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ ถ้าอะไรที่เปลี่ยนแปลงจากประกาศปัจจุบัน ต้องเข้าคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน 

 

“หากไปถึงจุดนั้น ผมในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ หากฟังข้อมูลในที่ประชุมนำเสนอไม่ครบ ก็อาจจะต้องชี้แจง แต่ถ้าไปถึงขั้นลงคะแนนเสียง ทุกฝ่ายต้องยอมรับในมติของคณะกรรมการ พรรคภูมิใจไทยพูดได้ชัดเจนว่าเราจะยอมรับในมติของคณะกรรมการ แต่ขอให้เราได้ทำงานของเราก่อน” 

 

มั่นใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ พิพัฒน์ดันสุดความสามารถ

 

อนุทินยังกล่าวถึงกรณีที่ภาคเอกชนออกมาคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศวันที่ 1 ตุลาคม ว่า การพิจารณาเรื่องค่าแรงเป็นเรื่องของคณะกรรมการไตรภาคีที่จะประชุมร่วมกันปีหนึ่งหลายครั้ง พร้อมย้ำว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นเราก็ดำเนินการตามนั้น และคณะกรรมการไตรภาคีทั้ง 3 ฝ่ายก็รับทราบนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหากสุดท้ายโหวตเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น แต่เบื้องต้นเขาโหวตเห็นชอบมาแล้วครั้งหนึ่ง (ขึ้นค่าแรง 400 บาท โรงแรมพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง 10 จังหวัด) แต่หลังจากนี้ต้องคุยกันในเรื่องรายละเอียด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะได้ขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศหรือไม่ อนุทินระบุว่า พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ให้การยืนยันมาว่าต้องทำทุกอย่างสุดความสามารถ เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้กับประชาชน

 

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หากขึ้นค่าแรงดังกล่าวจะทำให้สินค้าขึ้นราคาตามด้วยหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า ทุกฝ่ายก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่ายเอาไว้ เขาถึงให้มีคณะกรรมการไตรภาคี ฉะนั้นควรเอาเรื่องของความจำเป็นออกมา ซึ่งในส่วนของกระทรวงก็แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างไรก็พยายามทำความเข้าใจเพื่อให้เขาเห็นถึงความจำเป็น แต่ถ้าหากคณะกรรมการไตรภาคีว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งหากไม่เห็นด้วยก็ปฏิบัติไม่ได้ เพราะมันเป็นกติกาและระเบียบอยู่แล้ว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising