×

เงินบาทเปิดอ่อนค่าที่ระดับ 34.69 บาท/ดอลลาร์ หลัง Fed ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ผู้เล่นในตลาดลุ้นผลประชุม ECB ต่อ

15.06.2023
  • LOADING...
เงินบาทอ่อน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.69 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ ตามเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งสู่ระดับ 5.50-5.75% 

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ความกังวลต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของ Fed หลังจากที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% แต่ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกครั้ง 2 สู่ระดับ 5.50-5.75% ผ่าน Dot Plot ใหม่ ได้ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เลือกที่จะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเฉพาะหุ้นธีม AI อาทิ หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ต่างปรับตัวลดลงจากความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทค Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.39% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดตลาด +0.08%

 

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX 600 เดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อ +0.36% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Anglo American +4.0%, Kering +1.6%) ตามความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

 

ทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่า Fed จะส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ แต่ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงมองว่า Fed อาจต้องทยอยลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้าได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นทดสอบโซน 3.80-3.85% ในการทยอยเข้าซื้อ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปีสหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 3.79% หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed 

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนโดยมีจังหวะอ่อนค่าลงในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed ก่อนที่จะแข็งค่าขึ้นหลังมีการส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง อย่างไรก็ดี มุมมองดังกล่าวของ Fed ไม่ได้ต่างจากที่ผู้เล่นในตลาดคาดการณ์มากนัก ทำให้การรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญแรงขายทำกำไรจากผู้เล่นในตลาด ส่งผลให้เงินดอลลาร์มีการย่อตัวลงบ้าง โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103 จุด 

 

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงก่อนการประชุม Fed แต่ท่าทีของ Fed ที่ยังคงต้องการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้กลับมากดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนสิงหาคม) พลิกกลับมาย่อตัวลงมาทดสอบโซน 1,950-1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงที่มีการย่อตัวลงมา และโฟลวธุรกรรมดังกล่าวก็อาจมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ในช่วงคืนที่ผ่านมา

 

สำหรับวันนี้ประเมินว่า หลังผู้เล่นในตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคตไปแล้วนั้น บรรดาผู้เล่นในตลาดจะกลับมาให้ความสนใจรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ โดยเฉพาะยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาวะตลาดแรงงานได้

 

ส่วนในฝั่งยุโรป ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม ECB โดยเรามองว่าถึงภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนอาจชะลอลง แต่ประเมินว่า ECB จะยังคงให้ความสำคัญต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Deposit Facility Rate) +25bps สู่ระดับ 3.50% พร้อมกับส่งสัญญาณชัดเจนว่าการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องยังมีความจำเป็น (ผู้เล่นในตลาดคาดว่า ECB อาจขึ้นดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.75%) โดยผู้เล่นในตลาดจะจับตาว่า ECB จะส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะมีอีกกี่ครั้ง

 

ขณะที่ในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีนในเดือนพฤษภาคม เช่น ยอดค้าปลีก (Retail Sales) รวมถึงยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจยิ่งเพิ่มโอกาสที่ทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมองว่ามีโอกาสที่ PBOC อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ลง -10bps สู่ระดับ 2.65% ซึ่งแม้อาจไม่ได้ส่งผลบวกโดยตรงมากนัก แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวก็อาจหนุนให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจดีขึ้นจากความหวังว่าทางการจีนพร้อมเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมาค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ ตามการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นและโฟลวธุรกรรมซื้อทองคำหลังตลาดรับรู้ผลการประชุม Fed 

 

อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องไปไกลมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รับรู้แนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งนี้ เพื่อเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในรอบถัดๆ ไป (Skip Hike) ไปพอสมควร นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจกลับมาโฟกัสที่ผลการประชุม ECB โดยเราประเมินว่าหาก ECB เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจช่วยหนุนให้เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง กดดันให้เงินดอลลาร์อาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นชัดเจนได้

 

อนึ่ง แม้ว่าเงินดอลลาร์จะไม่ได้แข็งค่าขึ้นชัดเจน แต่เงินบาทก็ยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้างผ่านโฟลวธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว รวมถึงแรงกดดันจากเงินหยวนจีนที่มีโอกาสอ่อนค่าได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมาแย่กว่าคาดและทำให้ PBOC เดินหน้าลดดอกเบี้ยลง

 

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมองว่าเงินบาทจะยังมีโซนแนวต้านในช่วง 34.80-34.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่ ขณะเดียวกัน Fund Flow นักลงทุนต่างชาติก็เริ่มกลับมาเป็นฝั่งซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้น ทำให้เรายังคงมองว่าการอ่อนค่าของเงินบาทจะเป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นหรือแกว่งตัว Sideway Down โดยมีโซนแนวรับแรกแถว 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์

 

โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ระดับ 34.60-34.80 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม ECB และอาจอยู่ในกรอบ 34.50-34.75 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising