×

เงินบาทเปิดแข็งค่าที่ระดับ 34.11 บาทต่อดอลลาร์ คาดมีโอกาสผันผวนได้สองทิศทางตามผลประชุม BOJ และเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ

28.04.2023
  • LOADING...
เงินบาท

ค่าเงินบาทเปิดวันนี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 34.11 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดจับตาผลประชุม BOJ และเงินเฟ้อ PCE สหรัฐอเมริกา คาดมีโอกาสผันผวนได้สองทิศทางในกรอบ 33.90-34.25 บาทต่อดอลลาร์

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปีนี้จะออกมาน่าผิดหวัง โดยเศรษฐกิจขยายตัวเพียง +1.1% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ +2.0% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบรรดาบริษัทเทคใหญ่ เช่น Meta +13.9%, Amazon +4.6%, Alphabet +3.7% ทำให้ดัชนีหุ้นเทค Nasdaq พุ่งขึ้นแรง +2.43% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดตลาด +1.96%

 

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX 600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.18% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ออกมาดีกว่าคาด เช่น Barclays +5.3%, Deutsche Bank +2.5% ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลต่อปัญหาระบบธนาคารยุโรป อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปกลับถูกกดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies -2.6%, BP -1.8%) หลังราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนอีกครั้ง

 

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมสู่ระดับ 5.25% ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.52% เข้าใกล้โซนแนวต้านแรกแถว 3.50%-3.60% อีกครั้ง โดยมองว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวใกล้โซนดังกล่าว จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้

 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังคงไม่สามารถแข็งค่าขึ้นไปได้มากและติดโซนแนวต้านแถว 101.8 จุด สำหรับดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) หลังบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยลดการถือครองเงินดอลลาร์ลงบ้าง ทำให้เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์กลับมาแกว่งตัวแถวระดับ 101.5 จุดอีกครั้ง

 

ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ยังคงเห็นภาพของผู้เล่นในตลาดที่ต่างรอซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิถุนายน) ได้มีจังหวะปรับตัวลงสู่โซนแนวรับแถว 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดและการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ แต่สุดท้ายแรงซื้อของผู้เล่นในตลาด กอปรกับการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ก็พอช่วยหนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นสู่ใกล้ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้

 

สำหรับไฮไลต์ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นในวันนี้คือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า แม้อัตราเงินเฟ้อ PCE อาจชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 5.00% ทว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ก็อาจอยู่ในระดับสูงกว่า 4.5% ทำให้ Fed ยังมีความจำเป็นที่ต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +25bps สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม

 

ส่วนในฝั่งเอเชีย อีกไฮไลต์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของผู้ว่าฯ BOJ คนใหม่ (Kazuo Ueda) โดยแม้เราจะคาดว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10% พร้อมกับคงเป้าหมายบอนด์ยีลด์ 10 ปีญี่ปุ่นที่ระดับ 0.00%+/-0.50% แต่ผู้เล่นในตลาดก็เริ่มคาดหวังว่า BOJ อาจส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้ หลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสด (Core-Core CPI) เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 3.8% ซึ่งต้องจับตาว่า BOJ จะปรับนโยบายการเงิน เช่น ปรับกรอบของบอนด์ยีลด์ 10 ปี หรือยกเลิกการทำ Yields Curve Control ในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ เพราะหาก BOJ ปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ก็อาจหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้นได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมีนาคม

 

ขณะที่ในฝั่งยุโรป ตลาดมองว่าเศรษฐกิจยูโรโซนยังมีแนวโน้มขยายตัวราว +1.4%y/y ในไตรมาสแรกของปีนี้ หนุนโดยการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ ในขณะที่ภาคการผลิตนั้นชะลอตัวลงชัดเจน สอดคล้องกับรายงานดัชนี PMI ในช่วงต้นปี ซึ่งภาพเศรษฐกิจยูโรโซนที่ยังคงขยายตัวอยู่ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เป็นอย่างมาก จะหนุนให้ ECB สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องได้ (ตลาดคาดอัตราดอกเบี้ย Deposit Facility Rate อาจแตะระดับ 3.75% จากระดับ 3.00% ในปัจจุบัน)

 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานผลประกอบการและคาดการณ์ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อได้

 

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีทั้งจังหวะอ่อนค่าตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลวซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่จะทยอยแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

 

ส่วนในวันนี้ประเมินว่าค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ในกรอบเดิม โดยโซนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ (สอดคล้องกับแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อตลาดการเงินได้ อย่างการประชุม BOJ, รายงาน GDP ฝั่งยุโรป และรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังนักลงทุนต่างชาติต่างชะลอการขายสินทรัพย์ไทย

 

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยมองว่าควรระวังความผันผวนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ เพราะแม้ว่าผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่จะมองว่าในการประชุมครั้งนี้ BOJ อาจยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้ตึงตัวมากขึ้น แต่หาก BOJ มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจน พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัว หรือประกาศปรับกรอบของบอนด์ยีลด์ 10 ปี เป็น +/-1.00% หรือยกเลิกการทำ Yields Curve Control ในการประชุมครั้งนี้ ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินเยนญี่ปุ่นพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วราว +2% หรือแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับ 132 เยนต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก ซึ่งในกรณีดังกล่าวเราก็อาจเห็นค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 20 สตางค์ หรือมีโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 33.80-33.90 บาทต่อดอลลาร์ได้

 

เช่นเดียวกันกับช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ แม้ว่าเรามองว่ารายงานดังกล่าวอาจไม่ได้เปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดมากนักถ้าข้อมูลออกมาตามคาด แต่หากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาส Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนมิถุนายน หรือ Fed อาจคงอัตราดอกเบี้ยได้นานขึ้น ซึ่งในกรณีนี้เงินดอลลาร์มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 101.8-102 จุด ทำให้เงินบาทก็สามารถผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านได้เช่นกัน โดยมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.90-34.25 บาทต่อดอลลาร์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising