ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือที่รู้จักกันในนามตลาด TFEX เปิดดำเนินการมาครบ 12 ปีเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในโอกาสดังกล่าว TFEX ได้จัดสัมมนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 12 ปี โดยนำกูรูผู้เชี่ยวชาญมาร่วมให้มุมมองแง่คิดสำหรับผู้ลงทุน ซึ่งเราสรุปประเด็นที่น่าสนใจมาให้คุณแล้ว ไปดูกันเลย
12 ปี เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตลาด TFEX มีพัฒนาการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านขนาดตลาด ปริมาณธุรกรรม และจำนวนผู้ลงทุน รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการ โดย ณ สิ้นปี 2560 TFEX มีผลิตภัณฑ์รวม 9 ประเภท ครอบคลุมทั้งอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับตราสารทุน ตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยน และสินค้าโภคภัณฑ์ มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 79 ล้านสัญญา หรือเฉลี่ย 324,217 สัญญาต่อวัน และมีสถานะคงค้างซึ่งสะท้อนถึงขนาดของตลาดอยู่ที่ 2,813,036 สัญญา ทั้งนี้เมื่อเทียบกับตลาดอนุพันธ์ทั่วโลก TFEX มีปริมาณธุรกรรมการซื้อขายอยู่อันดับ 26 ซึ่งเป็นการขยับอันดับสูงขึ้นทุกปีนับตั้งแต่เข้ามาติดอันดับ Top 50 ครั้งแรกในปี 2554 (ข้อมูลจาก Futures Industry Association: FIA ซึ่งเป็นสมาคมผู้ประกอบการอนุพันธ์ทั่วโลก)
สำหรับสินค้าหลักที่ได้รับความนิยมได้แก่ SET50 Index Futures, Stock Futures และ Gold Futures ซึ่งมีสัดส่วนซื้อขายรวมกันถึงกว่าร้อยละ 90 ของปริมาณการซื้อขายทั้งตลาด
ในด้านผู้ลงทุนนั้น TFEX นับว่ามีความสมดุล โดยมีสัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนบุคคลใกล้เคียงกับสัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนสถาบันที่ประมาณร้อยละ 50 ของการซื้อขายรวม และมีจำนวนบัญชีผู้ลงทุน 146,559 บัญชี ทั้งหมดนี้ล้วนยืนยันความเชื่อมั่นและความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้ลงทุน
พัฒนา ‘นักเก็งกำไร’ สู่ ‘Hedger’ สร้างการเติบโตยั่งยืน
จากปริมาณการซื้อขายหลักร้อยสัญญาต่อวันในจุดเริ่มต้น ปัจจุบัน TFEX มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยมากกว่า 400,000 สัญญาต่อวัน มีปริมาณโบรกเกอร์ขยับจาก 20 เป็น 40 ราย จำนวนผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าแสนราย และจำนวนผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น
แต่ก้าวต่อไปที่ TFEX ต้องพัฒนาในมุมมองของ คุณต้าน-ปณต จิตต์การุณ Chief Executive Officer, Mudley Group และ Chief Investment Officer, Riccio Investment คือการพัฒนาผู้ลงทุนในตลาด TFEX ที่ปัจจุบันส่วนมากยังเป็น ‘นักเก็งกำไร’ ให้กลายเป็น ‘Hedger’
ตลาดอนุพันธ์เป็นแหล่งที่นักเก็งกำไรชื่นชอบ ซึ่งถือเป็นข้อดี เพราะถ้านักเก็งกำไรเข้ามามากพอจะส่งผลดีต่อสภาพคล่องในการซื้อขาย แต่ TFEX จะมีความยั่งยืนและสมบูรณ์ได้ องค์ประกอบถัดมาคือเราจะต้องพัฒนาระดับของนักเก็งกำไรให้เป็น Hedger หรือเป็นผู้ลงทุนที่สามารถใช้อนุพันธ์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้กับตัวเองได้ รวมถึงต้องมีนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเขาจะใช้ประโยชน์จากตลาด TFEX ในการทำ Arbitrage หรือกลยุทธ์ในการทำกำไรจากผลต่างของราคาใน 2 ตลาด หรือระหว่างตลาดหุ้นกับตลาด TFEX
นอกจากนั้น TFEX จะมีความยั่งยืนและสมบูรณ์ได้ ระบบชำระราคาและส่งมอบสินค้าอ้างอิง (Clearing) จะต้องน่าเชื่อถือและทำให้เกิดความมั่นใจ โดยจุดนี้จะช่วยดึงดูดนักลงทุนหลากหลายกลุ่มให้เข้ามาซื้อขายได้มากขึ้น
‘โรบอทเทรด’ มา ‘ปัญญาคน’ ก็ยังต้องใช้
ในยุคนี้มีกระแสการพูดถึงการใช้ ‘โรบอทเทรด’ มากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าเริ่มมีทั้งกองทุนและโบรกเกอร์พัฒนาโรบอทขึ้นมาเพื่อเทรดหุ้นและอนุพันธ์ จึงเกิดเป็นคำถามว่า ระหว่างความสามารถของคนกับความสามารถของโรบอท หรือ Artificial Intelligence (AI) ใครเทรดเก่งกว่ากัน
ดร.สุทธิสิทธิ์ แจ่มดี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจหลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า ถ้านำคนที่เทรดเก่งกับโรบอทที่เทรดเก่งมา แล้วสังเคราะห์ศักยภาพของสองสิ่งนี้พบว่า คนจะมีประสบการณ์ด้านปัจจัยพื้นฐานและมีการพัฒนาข้อมูลส่วนนี้ตลอดเวลา เข้าใจถึงภาวะการเปลี่ยนแปลง และรู้จักเพียงพอ ขณะที่โรบอทจะมีวินัยและทำตามแผนการลงทุนที่ถูกสั่งไว้ รวมถึงทำธุรกรรมได้ถูกต้องและแม่นยำกว่า มีความขยัน ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย และมีความรวดเร็วว่องไวกว่าคนในการซื้อขาย เพราะคนอาจจะมีความลังเลเกิดขึ้น
“ด้วยเทคโนโลยีวันนี้ ความสามารถของโรบอทเทรดได้เก่งสุดเท่ากับความเก่งของคนที่สร้าง” ดร.สุทธิสิทธิ์ กล่าว
ต่อไปการประยุกต์ใช้โรบอทในโลกของการลงทุน โรบอทจะถูกพัฒนาให้มีสมองกล เพื่อให้รู้เรื่องการลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยจะทำหน้าที่คล้ายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการการลงทุนในการเก็บข้อมูลเชิงลึก เก็บข้อมูลลูกค้า ทำการวิเคราะห์เบื้องต้น วิเคราะห์เชิงลึก จัดน้ำหนักพอร์ตการลงทุน และให้แนวทางในการพยากรณ์ทิศทางของราคาสินค้า ส่วนการเทรดในระยะสั้นจะเป็นสัญญาณแบบ Rule Based เป็นเทคนิคพื้นฐาน สามารถบอกความร้อนแรงและทิศทางขึ้นหรือลงได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างสภาพคล่องได้ โดยเร็วๆ นี้เราจะเห็นการพัฒนาการลงทุนและการประยุกต์ใช้โรบอทที่มีความทันสมัยมากขึ้น รวมถึงอาจเกิดความมหัศจรรย์มากมายในโลกของการลงทุน
ความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักวางแผน จึงจะเป็นผู้ชนะในตลาด TFEX
“การซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX สิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังคือการสร้างภูมิความรู้ให้กับตัวเอง ต้องอ่านและศึกษาความรู้ให้มากที่สุด และต้องติดตามปัจจัยพื้นฐานเพื่อนำมาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจลงทุน แต่การมีความรู้เพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ยังต้องมีการวางแผนก่อนลงทุน และท้ายสุดจะต้องมีการกำหนดผลตอบแทนในระดับที่พอใจ เพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถเอาชนะการลงทุนได้” คุณสมภพ พิจารณา เทรดเดอร์อิสระ ฉายา ‘เซียน Futures ล่องหน’ สะท้อนข้อคิดจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง
เขาเผยวิธีซื้อขายของตัวเองเพื่อเอาชนะตลาด TFEX ว่า จะเริ่มต้นจากการวางแผนเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน จากนั้นตั้งเป้าหมายการลงทุน พร้อมด้วยการแบ่งพอร์ตการลงทุนโดยใช้ Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยง รวมถึงพิจารณาความเคลื่อนไหวเพื่อนำมากำหนดแนวโน้มหรือทิศทางในการเข้าออก
“เราต้องจัดระบบของเรา และกำหนดว่าจะขึ้นไปถึงระดับไหน ถ้าขึ้นเราก็ซื้อเพิ่ม โดยที่เราต้องตั้งเป้าหมายการลงทุน วิธีการคิด ซึ่งไม่ได้มีอะไรซับซ้อน บางครั้งนักเก็งกำไรอาจจะพิจารณากราฟ หรือนับ Wave หรือดู Index Wave เป็นเครื่องมือช่วยในการซื้อขายและการตัดสินใจ ซึ่งไม่เคยมีความผิดพลาด แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดพลาดที่ตัวเราเอง
“สิ่งสำคัญก็คือการลงทุนของเราต้องล้อไปกับตลาด การล้อไปกับตลาดคือเราจะต้องทำการปรับแผนหรือปรับเครื่องมือการลงทุนของเราทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ ซึ่งเราไม่ควรใช้เครื่องมือแบบเดิมๆ ตลอดเวลา และจะต้องใช้เครื่องมือที่เรามีความถนัดเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและต่อยอดให้เราซื้อขาย Futures ได้ชนะตลาด หรือบาดเจ็บน้อยที่สุด”
ผู้สนใจสามารถรับชมสัมมนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 12 ปี TFEX ย้อนหลังได้ที่ bit.ly/2rQpmo7