วันนี้ (5 กุมภาพันธ์) ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2023 เป็นปีที่การแข่งขันเทควันโดมีความเข้มข้นอย่างมาก ทั้งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา, เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน, เอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตส์เกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทย รวมทั้งศึกชิงแชมป์โลก, เวิลด์กรังด์ปรีซ์ เรียกได้ว่ามีแข่งขันเกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ จึงต้องวางแผนจอมเตะไทยทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด
โดยสมาคมฯ จะส่งนักกีฬาไปแข่งขันรายการนานาชาติ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ ทั้ง ‘ดัตช์โอเพน’ ที่เนเธอร์แลนด์ ต่อด้วย ‘เบลเยียมโอเพน’ ที่เบลเยียม ซึ่งทั้ง 2 รายการ เป็นแมตช์เก็บแต้มไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 เป็นเวทีให้นักกีฬาเสริมประสบการณ์ เนื่องจากนักกีฬาจากยุโรปมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากของทั้งเอเชียและโซนอเมริกา ซึ่งเราจะส่งนักกีฬาชุดใหญ่ไปแข่งขัน แต่ในรายของ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2020 จะลงแข่งขันเพียงรายการเดียวคือเบลเยียมโอเพน
“ตอนนี้มีหลายชาติขอมาฝึกซ้อมกับไทย ทั้งไต้หวันและจีน ซึ่งเป็นชาติที่มีความแข็งแกร่งในกีฬาเทควันโด ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องดี และได้คุยกับทาง โค้ชเช-ชัชชัย เชว หัวหน้าผู้ฝึกสอนแล้วว่าไม่กังวลอะไร ไม่กลัวว่าเขาจะมาล้วงตับล้วงข้อมูลของเราแต่อย่างใด การได้สองชาติมาร่วมฝึกซ้อมถือเป็นการแลกเปลี่ยนด้านเทคนิค เสริมทักษะและประสบการณ์ รวมถึงร่วมพัฒนานักกีฬาไปด้วยกัน” ผศ.พิมลกล่าว
ผศ.พิมลกล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่แฟนกีฬาชาวไทยเป็นห่วงว่าช่วงเวลาของศึกซีเกมส์กับชิงแชมป์โลกติดกันพาณิภัคสมควรจะลงแข่งขันทั้ง 2 รายการหรือไม่นั้น เรื่องนี้เราได้พิจารณาแล้วเห็นว่าหากจะต้องเลือกก็คงต้องให้พาณิภัคไปลุยศึกชิงแชมป์โลก เพราะว่ามีแต้มสะสมสูงมาก ประการสำคัญหากบาดเจ็บจากซีเกมส์แล้วไปแข่งชิงแชมป์โลกไม่ได้ก็จะเสียหายหนักกว่า ไม่คุ้มค่าแน่นอน อีกอย่างปีที่แล้วเราเสียแชมป์ให้กับสาวเม็กซิโก ฉะนั้นปีนี้เราจะไปเอาแชมป์โลกกลับมาให้ได้
“ซีเกมส์ผมเองยังมั่นใจว่าไม่ว่าจะส่งชุดใหญ่หรือชุดผสมร่วมแข่งขัน เราก็จะยังทำผลงานที่ดีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กลับมาสู่ประเทศไทยแน่นอน” ผศ.พิมลกล่าว
