×

SCB ชี้หุ้นเทคยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่หากมองยาว 3-5 ปี กลุ่มเทคจีนถือว่าเริ่มถูกแล้ว

11.05.2022
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกที่ปรับฐานต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อน หลายบริษัทปรับตัวลงไปเกินกว่า 50% ทำให้หลายความเห็นมองว่าฟองสบู่หุ้นเทคได้แตกไปเป็นที่เรียบร้อย 

 

ศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB Chief Investment Office (CIO) มองว่า ในความเป็นจริงตลาดหุ้นรับรู้เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไปแล้วรวมทั้งหมด 2.5% ในปีนี้ ทำให้อัตราดอกของสหรัฐฯ เบี้ยช่วงปลายปีจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 2.75% แต่สัญญาณของ Fed เกี่ยวกับเรื่องของเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ย ที่ส่งออกมาในปัจจุบันกับช่วงก่อนหน้านี้ค่อนข้างแตกต่างกัน ในส่วนนี้ทำให้ตลาดกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะมากกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ 

 

จากที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวหลังการขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 วัน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นเติบโตก็ถูกเทขายลงมาอีกครั้ง จากความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด 

 

“คงไม่นิยามว่าฟองสบู่แตกหรือไม่ แต่การปรับฐานครั้งนี้เป็นการปรับฐานจริง ส่วนจะปรับลงไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องจับตามอง” 

 

ปัจจัยที่สำคัญคือ เงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คือการต้องคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงไปกว่านี้ ถ้าเงินเฟ้อยังสูงขึ้นต่อจากเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้น 8.5% ซึ่งตลาดมองว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดไปแล้ว ส่วนตัวเลขเดือนเมษายนจะประกาศในช่วงค่ำของวันนี้ (11 พฤษภาคม) ตามเวลาประเทศไทย

 

“หากดอกเบี้ยขึ้น ในระหว่างที่เงินเฟ้อลง สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ทำให้ Fed น่าจะอยู่ในโหมดที่ผ่อนคลายลง และอาจจะเริ่มเปลี่ยนท่าที เงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตามอง หากออกมาสูงกว่าตลาดคาดที่ 8.1% จะทำให้ตลาดเหวี่ยงอีกครั้ง”

 

ขณะเดียวกันปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมันก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ รวมถึงความเสี่ยงจาก Supply Disruption จากการระบาดครั้งใหม่ของโควิดในจีน

 

จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นกลุ่มเทค ซึ่งมักจะเป็นหุ้นเติบโตสูงในภาวะตลาดขาขึ้น จากการเป็นหุ้นที่มีเบตาสูง สาเหตุที่หุ้นเทคร่วงลงมาเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ปัจจัยแรกคือ P/E ที่สูงมาก เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะบอนด์ยีลด์ที่พุ่งขึ้น ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นเทคลดลงเร็ว 

 

ปัจจัยที่สองคือ พฤติกรรมของประชากรโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งมักจะใช้บริการหุ้นเทคในช่วงที่โควิดระบาด แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มกลับสู่ปกติ ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการ Work from Home ราคาลดลงเร็วมาก เช่น Netflix, Zoom

 

อีกประเด็นหนึ่งที่เราควรกังวลเกี่ยวกับหุ้นเทค คือความแตกต่างของหุ้นเทคแต่ละประเภท โดยหุ้นเทคกลุ่ม Fintech, Non-Profitable Tech, Emerging Tech ขนาดกลางและเล็ก กลุ่มเหล่านี้ปรับฐานรุนแรงกว่า -40% ในขณะที่กลุ่ม Big Tech, High Cash Flow Tech ปรับฐานน้อยกว่าที่เฉลี่ย -20%

 

“หากเงินเฟ้อยังขึ้นต่อ พร้อมๆ กับดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง หุ้นเทคกลุ่มที่ยังไม่มีกำไรจะค่อนข้างน่ากังวล” 

 

ส่วนหุ้นเทคจีน เผชิญปัจจัยกดดันมากกว่าหุ้นเทคสหรัฐฯ นอกเหนือไปจากเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ต้องเผชิญกับการจัดระเบียบในประเทศจีนและการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ จากรัฐบาล 

 

“ปัจจุบันมูลค่าของหุ้นเทคจีนต่ำกว่า -1SD ต่ำสุดในรอบ 8 ปี และราคาปัจจุบันอยู่ในระดับที่ Oversold อย่างมาก หากพูดถึงว่าฟองสบู่เทคจีนแตกหรือยัง คงต้องบอกว่าแตกจนไม่เหลือลมแล้ว” 

 

สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อคือ มีโอกาสอยู่หรือไม่ในบรรดาหุ้นเทคจีน ซึ่งเราจะเห็นว่านโยบายภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และหากรัฐบาลคลายนโยบาย Zero COVID และคลายล็อกดาวน์ ก็เป็นไปได้ที่หุ้นเทคจีนจะฟื้นตัวกลับมาด้วยมูลค่าที่ค่อนข้างถูกมากในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นหุ้นจีนยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายปัจจัย เช่น เรื่องโควิดในจีน ความเสี่ยงจากการถูกถอดจากตลาดสหรัฐฯ รวมถึง Supply Disruption และเศรษฐกิจที่อาจจะแย่ลง แต่ในระยะยาว 3-5 ปี ข้ามวัฏจักรของการขึ้นดอกเบี้ย ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นเทคจีนในขณะนี้ค่อนข้างถูกมาก

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising