×

หุ้น TEAMG ทำธุรกิจอะไร ทำไมราคาวิ่งแรงเฉียด 300% นับจากต้นปี

22.04.2022
  • LOADING...
TEAMG

หุ้น TEAMG กลายเป็นรายล่าสุดที่ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จับติดเครื่องหมาย T3 และถูกห้ามการซื้อขายเป็นเวลา 1 วันในวันนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นร้อนแรง โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หุ้น TEAMG ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 291% จนหลายคนเริ่มสงสัยว่า หุ้น TEAMG ทำธุรกิจอะไร 

 

จากหุ้นไทยทั้งในตลาด SET และ mai อันดับหนึ่งที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงที่สุดของปีนี้คือ JTS ที่ราคาเพิ่มขึ้น 318% ก่อนจะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ แขวนเครื่องหมาย T3 แบบใหม่ และสั่งพักการซื้อขายไป 1 วัน พร้อมกับหุ้นอีก 1 ตัว คือ BGT เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ล่าสุด TEAMG หรือ บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ กลายเป็นบริษัทที่สาม ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย T3 พร้อมกับหยุดพักการซื้อขาย 1 วัน ในวันนี้ (22 เมษายน)

 

หุ้น TEAMG ทำธุรกิจให้บริการปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ตั้งแต่การศึกษา ออกแบบ จัดทำรายงาน บริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 

 

สำหรับราคาหุ้น TEAMG ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 291% ปิดที่ 11.90 บาท ก่อนจะถูกพักการซื้อขายไป ถือเป็นหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้นแรงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของไทยในปีนี้ นอกจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนไปมาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัดที่สุดเกี่ยวกับ TEAMG คงจะหนีไม่พ้นโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 

 

จากการปิดสมุดทะเบียน ณ วันที่ 10 มีนาคม 2565 ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท เปลี่ยนมาเป็น บริษัท เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 9.9% ด้วยต้นทุนการเข้าซื้อที่ 2.54 บาท เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ขณะเดียวกัน บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ก็เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในอันดับ 10 ด้วยสัดส่วน 2.21% เช่นกัน 

 

ถัดจากการเข้ามาของ SCC และสหพัฒน์ ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2565 บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่อีกครั้ง โดยการเข้ามาของตระกูล ‘รัตนกมลพร’ เข้ามาถือหุ้นรวม 11.79% และกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 รายล่าสุด แทนที่ เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส 

 

ธีระชัย รัตนกมลพร อีกด้านหนึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) หรือ DITTO เป็นอีกหนึ่งในหุ้นที่ร้อนแรงของปีนี้ ด้วยราคาที่พุ่งขึ้นมาถึง 243% ในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันกับ TEAMG ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามเช่นกันว่า การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบกับบริษัทในทิศทางใด

 

อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นในครั้งนี้จะยังไม่กระทบต่อการบริหารและนโยบายดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด ทำให้ TEAMG ยังคงเป็นผู้ให้บริการปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรตั้งแต่การศึกษา ออกแบบ จัดทำรายงาน บริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 

 

โดยมีโครงการในอดีต เช่น บริหารโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกระยะแรก การออกแบบโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ใน สปป.ลาว ออกแบบโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง เป็นต้น 

 

ส่วนการเข้ามาถือหุ้นของ SCC บริษัทคาดหวังว่าจะต่อยอดในด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างเช่น การใช้เทคโนโลยีก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

 

แม้โครงการใหม่ๆ จะมีมาต่อเนื่อง แต่จากผลประกอบการในอดีตของ TEMAG ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่ได้โดดเด่นนัก ระหว่างปี 2560-2564 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 1,590 ล้านบาท ไปสูงสุดที่ 1,836 ล้านบาท เมื่อปี 2562 ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มจาก 98.7 ล้านบาท ไปสูงสุดที่ 119.4 ล้านบาทเมื่อปี 2563 ส่วนปีที่ผ่านมา TEAMG มีรายได้รวม 1,759 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 111.9 ล้านบาท 

 

จากรายได้ในระดับ 1,700-1,800 ล้านบาท เป็นงานจากภาครัฐราว 60.4% เอกชน 27.2% งานธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง 6.8% และงานต่างประเทศ 5.6% 

 

ทั้งนี้ จากสิ้นปี 2564 บริษัทยังมีงานที่รอส่งมอบคิดเป็นมูลค่า 3,750 บาท และในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทได้แจ้งรับงานเพิ่มเติม มูลค่ารวม 490 ล้านบาท จากทั้งหมด 9 โครงการ 

 

จากความเห็นของนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มองว่า ปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการของ TEAMG ในระยะถัดไปมาจากการลงทุนในสาธารณูปโภค โดยบริษัทจะเตรียมงบลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคไว้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี และการลงทุนนี้จะเป็นปัจจัยหนุนเสถียรภาพกำไรในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันบริษัทเริ่มทยอยดำเนินการในธุรกิจสาธารณูปโภคแล้ว ทั้งโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling) สวนหลวง สามย่าน ที่จะรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2566 และโครงการ Solar Rooftop ที่จะเปิดในปีนี้ รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบประปา

 

อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้สำหรับ TEAMG ยังคงอยู่ที่เพียง 3.54 บาทเท่านั้น 

 

เมื่อดูจากข้อมูลในอดีต การขึ้นของราคาหุ้น TEAMG มาจนถึงขณะนี้ก็อาจจะดูร้อนแรงเกินไป เพราะอัตราส่วนการเงินพื้นฐานอย่าง P/E ก็พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 72 เท่า จากในอดีตซึ่งอยู่ที่ 10-15 เท่า หรือจะเป็น P/BV ที่พุ่งไปถึง 8 เท่า เทียบกับในอดีตที่ประมาณ 1.5-2 เท่า 

 

หากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมาเกือบ 3 เท่าตัว จะเริ่มสมเหตุสมผลขึ้นมาได้บ้าง เราคงจะต้องเห็นพัฒนาการที่สำคัญทางธุรกิจบางอย่างตามมาในอนาคตอันใกล้นี้

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising